สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้เหล่าเพื่อน ๆ ในหนังดีคอม ได้อ่านกันนะครับ
วันนี้จะพาไปดู ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ สาวทอม หน้าสวยขวัญใจผมครับ โจดี้ ฟอสเตอร์ กับภาพยนตร์เรื่อง FLIGHT PLAN ครับ ตามมา ๆ ครับ น่าดูสุด ๆ เรื่องนี้ ( แค่เกริ่น อย่าเพิ่งเชื่อนะคร้าบบ)
ตัวภาพยนตร์
พล๊อตเรื่อง เป็นเรื่อง ระทึก ที่เกิดขึ้น บนเครื่องบินขนาด ซูเปอร์จัมโบ้เจ็ท 8474 ที่กำลังเหินเวหา จาก เบอร์ลิน ไปสู่ นิวยอร์ค โดยมีผู้โดยสารคือ นางเอกของเรา (โจดี้ ฟอสเตอร์) ที่เป็นอดีตวิศวกร ที่ร่วมออกแบบ เครื่องบินลำนี้ มาก่อน พร้อมด้วยลูกสาว ของเธอ และศพของ สามีเธอ ที่จะนำไปทำพิธี ณ บ้านเกิด หลังจาก ที่เสียชีวิตเมื่อหกวันที่แล้ว แต่เหตุการณ์กลับ ระทึกขึ้น เมื่อ ลูกสาวของเธอ กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่เครื่องบิน กำลังบินอยู่กลางเวหา และ ยังไม่มีหลักฐาน ใด ๆ บ่งบอกว่าเธอได้พาลูกสาวขึ้นเครื่องมาด้วย แต่เธอกลับมั่นใจว่า ลูกสาวเธอ ต้องอยู่ที่ใดสักแห่งบนเครื่องบิน และ ต้องมีคนลักตัวลูกสาวเธอไปนั่นเอง ( ไม่เล่าต่อละนะ เดี๋ยววัยรุ่นจะเซ็งกันจ้ะ )
บทภาพยนตร์
ถ้าผมเล่าเรื่อง ให้ฟังสักนิดหน่อย คุณจะสามารถ เดาเรื่องออกทันที ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ผมหนักใจที่สุดเท่าที่เขียนมาเลยนะ บอกอะไรนิดหน่อยไม่ได้เลย ขอให้ไปดูกันเองเลยดีกว่า ถ้าอยากดูหรือสนใจจริง ๆ แต่ที่จะบอกคือ หากคุณชอบภาพยนตร์ สไตล์นี้ ก็ไปดูเถิดครับ ถือว่า ดีใช้ได้ทีเดียว เฉพาะ ดารา ที่มาสมทบกันในเรื่อง ก็ถือว่าชั้นดี พอสมควรละครับ แต่กระซิบนิดนึงนะ ภาพยนตร์ เน้นไปที่ นางเอก ในรูปแบบ ของ คนที่อยู่ท่ามกลาง ความสับสน ของ กัปตันเหล่าลูกเรือบนเครื่องบิน รวมถึง และผู้โดยสารที่เห็นว่าเธอ คิดไปเอง ว่าเธอพาลูกขึ้นเครื่องบินมาด้วย ทั้งที่ลูกเธอตายไปแล้ว หรือ หญิงผู้สิ้นหวังหลังจากสามีตาย แต่เธอกลับมา มีความหวัง และ แข็งแกร่งสุด ๆ เมื่อ ลูกสาว อันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่เหลืออยู่ของเธอหายไป ด้วย สัญชาตญาน ของ ความเป็นแม่ จึงทำให้เกิดความระทึกบนเครื่องบิน ที่ต้องลุ้นระทึกกันพอสมควรทีเดียว
การกำกับ
ผมถือว่าทำได้ดีครับ เพราะ เค้าสามารถ ทำให้เรา (คนดู) ต้องสับสนไปมา ระหว่าง ที่จะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ นางเอก เพราะจะมีเหตุการณ์ ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้น และ ขมวดปม มาเป็นลำดับ จนสักพักเรา (คนดู) ก็จะพออ่านเรื่องออก แต่ก็จะเผลอติดตามเรื่องอย่างต่อเนื่อง จนจบเลยทีเดียวครับ และ ในส่วนของการกำกับผู้แสดง ไม่ต้องพูดถึง ทุกคนล้วนทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็น เหล่าดาราที่เราจะได้เห็น ในภาพยนตร์กันบ่อย ๆ อยู่แล้วครับ โดยเฉพาะ โจดี้ ฟอสเตอร์ นั้น เธอสามารถอยู่แล้ว ในบทบาทที่ต้อง เป็นคนวิตกจริต และ ใช้อารมณ์แบบบีบคั้นคนดูให้คล้อยตามเธอ พลังของเธอเหลือเฟือจริง ๆ ครับ และ ด้วยที่ ทุกคนบนเครื่องบิน นั้นหากคุณมองให้ดีจะเห็นได้ว่า ไม่มีใครน่าไว้ใจเลยสักคน แม้กระทั่ง กัปตัน เองก็ตาม อันนี้ต้องยกความดีให้กับ ผู้ แคสติ้ง (คัดเลือก)นักแสดง ครับ
การถ่ายภาพ
ถือว่า ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากครับ เพราะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซีน บนเครื่องบินเป็นหลักครับ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความแออัด บนเครื่องบิน ในชั้นที่นั่งประหยัด (ผมเรียกชั้นจัณฑาล) ใครเคยขึ้นจารู้ดีจ้ะ แต่ ในที่แคบ ๆ เค้าก็สามารถถ่ายภาพได้ดีครับ ในฉากไล่ล่า ถือว่าทำได้ดีทีเดียว บางทีมานึก ๆ ดู พอได้ชม ภาพยนตร์ เรื่อง เรดอายส์ และ ไฟลท์แพลน สองเรื่องนี้ ทำให้ขยาด เสียว ๆ เครื่องบินเหมือนกันน๊ะเนี่ย ภาพให้อารมณ์ได้ต่อเนื่อง จะมีการ โคลสอัพหน้า ของตัวละครหลักบ่อย ๆ ทำให้ นักแสดง สามารถ แสดงศักยภาพทางอารมณ์ กันได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว ถือว่าเป็นจุดดีครับ เพราะ มันจะจูงอารมณ์คนดูได้มากครับ สำหรับภาพยนตร์ประเภทนี้
ดารา
ถือเป็นจุดแข็งของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ โจดี ฟอสเตอร์ เธอทะลุปรุโปร่งอยู่แล้วกับบทบาทอัดอั้นอารมณ์แบบนี้ อีกทั้ง ฌอน บีน หน้าตาแกก็มักจะเป็น ตัวร้ายหรือโรคจิตอยู่แล้ว น้อยเรื่องที่จะเป็นคนดี อีกทั้ง คนที่เล่นเป็น แอร์โฮสเตท (จำชื่อไม่ได้) ก็เป็นดาราที่เป็นนางมารร้ายโรคจิต ใน ภาพยนตร์เรื่อง SWIM FAN อีกทั้งเหล่าดาราประกอบ หน้าตา แต่ละคน ไม่มีใครน่าไว้ใจเลยครับ ดูไม่ออกว่าใครจะมาไม้ไหน อย่างที่บอก ยกความดีให้คน แคสติ้ง ครับ
สเปเชี่ยลเอฟเฟค
หรือ CG (คอมพิวเตอร์กราฟฟิค) มีบ้างเล็กน้อย ตอนเครื่องบินขึ้น ลง และ บินอยู่ในอากาศ และ ตอนจบของเรื่อง ทำได้ดีไม่มีขัดเขิน ครับ
ภาพรวม
เป็น ภาพยนตร์ที่ผมชอบเรื่องนึงครับ แต่ก็ไม่ถึงกับสุด ๆ เพราะ ตัวภาพยนตร์ก็ไม่ได้ตื่นเต้น หรือ บู๊ แบบถึงใจพระเดชพระคุณ แต่หากจะมองกันในแง่ความเป็นจริง ผมว่า สัญชาตญาณ ความเป็นแม่นั้น ยิ่งใหญ่มาก ๆ ซึ่ง แม่สามารถทำอะไรก็ได้ ทุกอย่าง เพื่อสิ่งที่รักที่สุด คือ ลูก และ ภาพยนตร์ก็พยายาม นำเสนอตรงจุดนี้มากครับ ก็ประทับใจตรงนี้เหมือนกัน และ ก็เป็นภาพยนตร์ ที่เรียกว่า ต้องไปดูล่ะครับ เพราะ เมื่อเทียบกันกับ เรดอายส์ (ซึ่งผมถือว่าเนื้อเรื่องใกล้เคียงกันอยู่มาก) ไฟลท์แพลน กลับทำได้ดีกว่ามากครับ
ความคุ้มค่า
ผมให้ 8 คะแนน เต็ม 10 ครับ
แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม “ จะ กลับมาเล่าให้ฟัง เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร หรือ อยากให้ วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอะไร ก็บอกกันนะครับ สวัสดีครับ
"นัวฟิล์ม"