นายทุนหนังเดือด! โร่ร้องกองปราบ เอาผิดผู้กำกับฉาว “ภาม รังสี” หลอกลวง ฉ้อฉล อ้างเป็นเจ้าของหนังแอบอ้างขายเอเย่นต์ เผยเข้าข่ายทุจริต ต้องหยุดพฤติกรรมหลอกนายทุน สร้างหนังหวังเคลมนศ. ซัดแหลกไม่มีข้าวจะแดกเป็นเจ้าของได้ไง! ยัวะอยากให้สร้างหนังรักใสๆ สไตล์จีทีเอช กลับได้หนังลามกอนาจาร
กลายเป็นคดีฉาวขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งทุกฉบับ เพราะโดนนศ. 5 รายแจ้งความเอาผิดฐานหลอกลวงหวังอนาจาร โดยอ้างว่าให้ไปแคสต์หนัง แต่กลับให้แก้ผ้าหวิดเล่นเซ็กซ์หมู่ พร้อม “เอ วิทิต แลต” ที่โดนหางเลขไปด้วยเต็มๆ โดยภายหลังข่าวดังกล่าวฉาวทั้งประเทศ ก็เริ่มมีสาวๆ หลายรายออกมาลากไส้พฤติกรรมผู้กำกับฉาว “ภาม รังสี” ซึ่งนอกจากคดีอนาจาร ยังมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย โดยล่าสุดในช่วงบ่ายของวันนี้(20 พฤศจิกายน 2557) “นางสาวนรินทร์ จิยารมณ์” นายทุนหนังบริษัท นรินทร์ 99 เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ก็ได้เดินทางมาร้องกองปราบปราม ข้างแดนเนรมิต พร้อมทนายความ “นายอากาศ วสิกชาติ” หลังโดนอีกฝ่ายแอบอ้างนำหนังที่บริษัทตนเป็นเจ้าลิขสิทธิ์ไปเร่ขายเอเย่นต์ต่างๆ จนหลงเชื่อ ระบุเป็นการกระทำที่ทุจริต ฉ้อฉลหลอกลวง การแจ้งความดำเนินคดีกับอีกฝ่ายในวันนี้ไม่หวังได้เงินคืน แต่อยากหยุดพฤติกรรมหลอกลวงนายทุนและสร้างฉากบังหน้าหวังอนาจารนศ. ซัดแค่ผู้กำกับรับจ้าง ไม่มีจะแดกจะแอบอ้างเป็นเจ้าของบริษัทหนังได้ไง!
“ที่มาแจ้งความวันนี้เพราะคุณภาม รังสี นำหนังเรื่องฟ้าแก้มโตไปชายให้ช่อง 7 ในนามฟักทองฟิล์มภายหลังเราทราบ เพราะเอเย่นต์เขาโทร.มาหาเรา สอบถามว่าหนังเรื่องนี้ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เราเลยบอกว่าบริษัท นรินทร์ 99 เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัดเป็นลิขสิทธิ์ แต่คุณภามไปทำสัญญาในนามฟักทองฟิล์ม ซึ่งเป็นบริษัทของเขากับทางช่อง7 ตอนหลังเอเย่นต์เขาโทรหาพี่แล้วแก้ไขสัญญา เพราะว่าเราเคลียร์ปัญหากันแล้ว เราเป็นเจ้าของหนังที่แท้จริง แต่เราทำสัญญากันจบแล้ว ส่วนวันนี้ที่มาแจ้งความเพราะว่าคุณภามเขาทุจริต เขาไม่สุจริต เขาไปแอบอ้างทำสัญญาขายให้ช่อง 7 ในนามของเขาเอง นี่คือเหตุผลที่ต้องมาแจ้งความ”
“ตอนนี้เราติดต่อเขาไม่ได้เลยหลายเดือนแล้ว เขาปิดโทรศัพท์ ส่วนเขาจะมีกรณีนี้กับเอเย่นต์รายอื่นหรือไม่ เราไม่ทราบ แต่เท่าที่รู้คือเขาทำแบบนี้กับนายทุนหลายคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลงจำนำ เรื่องสยองสองบรรทัดก็หลอกนายทุนไปลงเงิน 5-6 ล้าน พอนายทุนบอกว่าทำไมใช้งบเยอะ ไม่จ่ายเงินออกมาก็หยุดการทำงาน ก็มาเจอเราเป็นรายที่สาม เราสร้างต่อเนื่องมาเลยสามเรื่อง ทั้งเรื่อง The End ฟ้าแก้มโต แล้วก็ถ่ายเรื่องหลอนทะลุไลค์ ซึ่งมีบรรดาเน็ตไอดอลแสดงสิบกว่าคน แต่พอมีปัญหาเรื่องฟ้าแก้มโตปุ๊บ เราก็หยุดถ่ายเรื่องหลอนทะลุไลค์ ได้สองคิวก็หยุดเลยเพราะว่ามองแล้วว่าคนๆ นี้ไม่สุจริต”
“ระหว่างถ่ายทำเราโอนเงินให้เขาทุกวัน วันละสองแสนสามแสนก็แล้วแต่ ว่าเขามีค่าใช้จ่ายอะไร ค่ากล้อง ค่าไฟ ทุกอย่างเราจ่ายสดหมด แต่ตอนหลังมาทราบข่าวน้องคนหนึ่งว่ายังไม่ได้รับค่าตัวเลย เราเลยไปเคลียร์ เพราะเขาเป็นโปรดักชั่นเราจ่ายเขาทุกวันก่อนหกโมงเย็น แต่น้องนักแสดงไม่ได้รับเงิน น้องๆ ไปให้สัมภาษณ์ถึงทราบ เราก็ไม่ทราบว่าบรรดากล้องหรือไฟที่เขาไปติดต่อมาได้รับเงินกันหรือยัง เวลาถ่ายทำเราก็ไม่ได้ลงไปที่กองถ่าย ส่วนใหญ่อยู่เบื้องหลังและโอนตังค์ให้เขา เราบริหารงานโดยการให้เขาทำ เราเป็นนายทุนจ่ายเงิน เราไม่ล้วงลูก ไม่ทำอะไรกับคุณทั้งนั้น ให้คุณบริหารจนจบ”
“แต่มาเกิดเรื่องตรงที่ไม่ว่าเราดูแลภาม รังสีดีแค่ไหน เขาเบิกเงินล่วงหน้าไป 5-6 แสน ไม่ว่าจะดีแค่ไหน เขายังทรยศได้ เราด่าเขาเลยนะว่าคุณอกตัญญูมากเลยนะ ทำร้ายผู้มีพระคุณได้ขนาดนั้น คุณไม่ใช่คนแล้ว เราด่าเขาขนาดนั้นเลยนะ วันที่เราเจอกันกับคุณอ้วนที่มาซื้อหนังฟ้าแก้มโต เราก็ด่าเขาตรงนั้น เขาก็ยกมือขอโทษแล้วมากอด บุคลิกเขาเป็นแบบนั้น เราเป็นผู้ใหญ่บางครั้งก็ให้อภัย จนสุดท้าย ถ้าทำกันถึงขั้นว่าต้องขโมยลิขสิทธิ์หนังฟ้าแก้มโตไปขาย ขอบอกว่าใช้ไม่ได้แล้ว คุณทำตัวเหมือนสิบแปดมงกุฎ คุณทำตัวแบบนี้ไม่ถูกต้อง เราไม่ชอบ”
“เจอตอนคุณอ้วนโทร.มาจะซื้อหนังฟ้าแก้มโตเมื่อสามเดือนที่แล้ว ก็เลยเรียกภาม รังสีมาคุย มานั่งเจอกันสามคนเลย สอบถามเขาว่าทำอย่างนี้ทำไม ทำไมเซ็นสัญญาในนามฟักทองฟิล์ม ทำไมแอบขายหนังไม่บอกเรา เพราะหนังเป็นลิขสิทธิ์ของเรา มีสิทธิ์อะไรเอาไปขาย เขาก็ยกมือขอโทษแล้วเข้ามากอด มากราบที่ตักตามประสา เขาเป็นคนขี้อ้อน ตอนนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการคุยกัน เพราะคุณอ้วนโทร.หาเรา คุณอ้วนเขาแปลกใจเพราะในโปสเตอร์เป็นชื่อบริษัทเรา แต่ทำไมคุณภามไปอ้างว่าเป็นหนังของเขา เขาเลยขอไปขอเบอร์พี่นรินทร์จากโซนี่พิคเจอร์ เพราะโซนี่พิคเจอร์เป็นตัวแทนจำหน่ายหนังให้พี่เรื่อง The End คือเราก็แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เขา เขาเป็นตัวแทนจำหน่าย คุณตี๋ โซนี่พิคเจอร์ก็มีเบอร์เรา คุณอ้วนก็อยู่ในวงการ ก็สนิทกัน เลยโทร.หาเพื่อขอเบอร์เราและโทร.มาหา ถามว่าตกลงข้อเท็จจริงหนังเรื่องนี้ใครเป็นเจ้าของ"
“วันนั้นที่เราคุยกัน ขอโทษที่พูดหยาบนะ วันนั้นเราบอกว่าคนไม่มีจะแดกจะเป็นเจ้าของหนังได้ยังไง คุณเบิกเงินล่วงหน้าเราไป 5-6 แสน คุณเป็นผู้กำกับรับจ้าง เป็นเจ้าของหนังเมื่อไหร่ เขาก็ยกมือขอโทษ บอกว่าเห็นเรายุ่งๆ เราจะยุ่งหรือไม่ยุ่งมันไม่เกี่ยวเพราะคุณจะขโมยหนังเราไปขาย ยุ่งแค่ไหนคุณต้องโทรศัพท์มาบอก ถ้าคุณสุจริต ไม่ใช่ไปทำสัญญาเรียบร้อยในนามฟักทองฟิล์มกับสตูดิโออารมณ์ดี ตรงนี้เลยต้องมาแจ้งความเพราะมองว่าคนนี้ไม่สุจริต ทั้งต่อนายทุนที่ลงทุนให้เขา และเป็นอันตรายสำหรับเด็กสาวๆ ถามว่าเขาแคสติ้งแบบนี้บ่อยไหม บ่อยมาก ลูกน้องเราที่ฝากไปทำงาน ฝากไปเล่นหนังเรื่องหลอนทะลุไลค์ เขาก็เรียกลูกน้องเราขึ้นไปบนรถแล้วให้ถอดเสื้อผ้าแคสติ้ง ลูกน้องเราไม่สน รีบลงจากรถแล้วโทรหาเราว่าเขาทำแบบนี้ เราก็บอกให้รีบกลับบ้านเลย นี่คือพฤติกรรมที่เขาทำแบบนี้ แต่เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่รู้จะแถลงข่าวยังไง”
บอกไม่หวังได้เงินคืน แต่ต้องการหยุดพฤติกรรมหลอกลวงนายทุนและหลอกลวงนศ. แฉแหลกเบิกเงินล่วงหน้าอ้างพ่อแม่ป่วย แต่กลับเอาเงินไล่แจกนศ. ที่มาแคสต์หนัง
“เราไม่ได้หวังเรื่องเงินที่มาแจ้งความวันนี้ เราต้องการให้เขาหยุดพฤติกรรมหลอกทั้งนายทุน หลอกทั้งเด็กผู้หญิงที่เข้ามา คืออยากเล่นหนังต้องให้เอาก่อน พูดหยาบนะ มันทำไม่ถูก คุณต้องเป็นมืออาชีพแบบจีทีเอช เพราะบอกเขาหลายครั้งว่าต้องการสร้างหนังแนวจีทีเอช ใสๆ วัยรุ่น นโยบายตั้งแต่ทีแรกเขาก็รับทราบ แต่ทำไปทำมาหนังกลายเป็นหนังลามกซะส่วนใหญ่ หนัง The End ไปดูได้เลย เป็นหนังลามกมาก”
“ก่อนหน้านั้นที่ไม่เอาเรื่องเพราะเขาได้เซ็นที่เรายื่นโนติสให้เขาเรียบร้อยแล้ว แต่ทางคุณอากาศ(ทนายความ) ไม่ว่าง ตอนนี้เป็นโอกาสเพราะเมื่อข่าวนักศึกษามาแรง เลยเอาตรงนี้มาแจ้งความเพื่อหยุดเขา ตอนแรกว่าจะไม่สนใจ มาขอโทษยกมือไหว้ก็ปล่อยไป แต่มันไปไกลแล้ว ที่ฟังนักศึกษาสัมภาษณ์ฟังแล้วรู้สึกว่าคนๆ นี้ใช้ไม่ได้ เป็นอันตรายต่อสังคมทั้งต่อเด็กสาวๆ น้องอายุ 18-19 ยังเด็กอยู่เลย ทำแบบนี้ได้ไง เราไม่ยอมนะ ที่จะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเลยคิดว่าจะทำยังไงที่จะหยุดพฤติกรรมคนนี้ไม่ให้หลอกเด็กสาวๆ และไม่ให้หลอกนายทุน เลยมาแจ้งความ”
“ที่ผ่านมาเขาขอโทษเราก็ใจเย็นลงนะ หลังจากที่เขาเซ็นเอกสารโนติสที่ยื่นไป ก็ใจเย็นลง แต่หนี้ที่เบิกล่วงหน้าไปต้องมาคืน ฟังที่สัมภาษณ์ว่าเขาเรียกเด็กมาแคสต์เป็นสิบยี่สิบคนแต่ไม่ได้แคสต์ ก็จ่ายตังค์ไปคนละพัน ก็เพิ่งมารู้ว่าเงินที่เขาเบิกล่วงหน้าไปเขาเอามาจ่ายแบบนี้ แต่เวลาเขาบอกเรา เขาบอกว่าพ่อแม่ไม่สบาย เราเลยให้เงินช่วยเหลือ เพราะการที่จะไม่ช่วยเหลือผู้ร่วมงานคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขาบอกทางญาติผู้ใหญ่เขาเจ็บป่วย เราไม่ช่วยไมได้ ติดค่าเช่าคอนโดสองสามเดือนก่อนมารู้จักเรา มาขอเบิก 7 หมื่น แสนหนึ่ง เราก็คิดในใจว่าเอ๊ะ เป็นหนี้ก่อนรู้จักเรา ทำไมเราต้องรับผิดชอบ แต่ก็ให้เขาไป เพราะใจดี ใจอ่อน”
“ตอนนั้นยังไม่เคยทำสัญญา ปากเปล่าเลย อันนี้เป็นข้อบกพร่องของเรา จนเกิดเรื่องถึงให้คุณอากาศยื่นโนติส มาแจ้งความไม่ประสงค์จะแจ้งตั้งแต่สามเดือนที่แล้วเพราะโนติสเขาเซ็นมาตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว ให้รับรู้ว่าโอเคคุณยอมรับผิด คุณเซ็นโนติสก็จบ เราประกาศไปสามสี่เดือนแล้วว่าไม่ขอร่วมงานอีก”
“จุดเริ่มต้นการร่วมงานกันคือรู้จักน้องคนหนึ่งชื่อแนท เขาเล่นหนังสยองสองบรรทัดกับคุณภาม เราก็เที่ยวกันปกติกับน้องๆ เขาก็ถามว่าเราสนใจสร้างหนังไหม เราก็ถามว่าเรื่องอะไร เขาบอกเขาเล่นหนังเรื่องสยองสองบรรทัดอยู่ ซึ่งเขาก็สร้างไม่เสร็จนะ เขาเอาเงินจากนายทุนมาห้าหกล้าน แล้วตอนหลังคุณต้อบอกว่าใช้เงินมากจัง ถ่ายแค่ห้าหกฟิล์ม ใช้เงินห้าหกล้าน เขาก็จะไม่จ่าย คุณภามเลยหยุดโปรเจ็กต์ นายทุนก็เงินหายไปห้าหกล้าน เบื้องต้นที่เรารู้จักคุณภามเพราะน้องแนทเขาแนะนำ เราเลยบอกว่าเราไม่ลงทุนร่วมกับใครเพราะไม่ชอบการเป็นหุ้นส่วน เพราะการตัดสินใจไม่ใช่ที่เราคนเดียว ต้องฟังอีกเยอะ สไตล์เราชอบทำงานคนเดียวหมด ไม่ลงหุ้นกับใครเพราะหุ้นส่วนเยอะ ความคิดเยอะทำให้งานไม่ก้าวหน้า พอเราบอกไม่ทำสยอง เขาเลยเสนอโปรเจ็กต์ The End พร้อมเสนองบประมาณ บอกว่าจะฉายตรงนี้ จะให้โซนี่พิคเจอร์เป็นผู้จัดจำหน่ายให้เรา เราโอเค เพราะดูโปรเจ็กต์ทั้งหมด เราเลยตัดสินใจทำกับเขา เรื่องแรกคือเรื่อง The End ซึ่งฉายไปแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาทำเรื่องเดียวคือโลงจำนำ รู้จักเรื่องนี้เพราะเห็นบิลบอร์ด แต่ไม่ได้ใส่ใจ จนลูกน้องมาแนะนำ”
เผยหมดเงินไปสิบกว่าล้าน โทษตัวเองไว้ใจคนง่ายเกินไป “หมดเงินไปสิบกว่าล้าน เรื่อง The End พี่หมดไปห้าล้านกว่า ฟ้าแก้มโตหมดไปห้าล้านกว่า เรื่องหลอนทะลุไลค์ ที่มีเน็ตไอดอล ถ่ายไปสองคิว หมดไปล้านกว่า เขาเบิกเงินล่วงหน้าไปห้าหกแสน แล้วในการถ่ายทำที่บอกว่าหมดไปห้าหกล้าน เขาเป็นบริษัททำโปรดักชั่น เขาคิดเนืองเรื่องสำเร็จรูปให้เรา เราฟังแล้วพอใจเราก็ถ่ายทำ บริษัทฟักทองฟิล์มก็เป็นบริษัททำโปรดักชั่นเฮ้าส์ เขาทำให้เราเสร็จสรรพ ก็โอเค สะดวกสบาย เราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ส่วนมากส่วนต่างอันนี้ไม่ทราบจริงๆ ไม่อยากมองเขาในแง่ลบ วันนี้ถ้าบอกสองแสน สามแสน สี่แสนก็โอนไป นักแสดงเยอะก็โอนไปตามที่เขาบอก เราเป็นคนไว้ใจคน แก้ไม่หายซะที เป็นคนใจดีมาตลอดชีวิต น้องๆ ที่รู้จักเราจะทราบ เรามีหน้าที่ซัปพอร์ตเงิน”
นอกจากนี้ทนายความยังได้กล่าวเสริมอีกว่าหากภามไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจจะออกหมายจับทันที
“โนติสเป็นเรื่องรับสารภาพเรื่องที่เขาใช้กลอุบายในการอ้างตัวเป็นเจ้าของหนัง แล้วไปเสนอขายให้บริษัทสตูดิโออารมณ์ดี ที่เป็นเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่าย จนกระทั่งสตูดิโออารมณ์ดีเชื่อ ทำสัญญาเรียบร้อยในนามของบริษัทฟักทองฟิล์มกับสตูดิโออารมณ์ดี เราถือว่านี่คือการใช้กลอุบายในการที่จะลักทรัพย์ ประกอบกับคุณภามยังไปแจ้งกับทางกันตนา ซึ่งเอาฟิล์มไปตัดต่อ เราจะขอรับต้นฉบับฟิล์มภาพยนตร์มาส่งมอบให้กับทางสตูดิโออารมณ์ดี ความพยายามตรงนี้เรามองว่าเป็นเรื่องของการพยายามลักทรัพย์ ซึ่งทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการอีกที ตอนนี้รับแจ้งความเรียบร้อยและคงต้องเรียกพยานมาสอบเพิ่ม และออกหมายเรียกคุณภามมารับทราบข้อหา ถ้าไม่มาก็ต้องออกหมายจับ การใช้กลอุบายฉ้อฉล คือการหลอกลวงถ้าพูดภาษาชาวบ้าน ตอนนี้ดำเนินคดีถึงที่สุด ขั้นตอนทุกอย่างคงต้องรออีกสักพัก”
ที่มา manager.co.th