"ผมมีความสุขมากครับ ผมได้อ่านบทก่อนแล้วจึงไปหาอ่านฉบับนวนิยาย ซึ่งทำให้ผมร้องไห้เลย ผมรู้สึกอย่างจริงใจที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้ครับ มันมีหลายส่วนในเรื่องที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ผมคิดอยู่แล้ว บางอย่างมันตรงกับสิ่งที่ผมมักให้ความสนใจอย่างเช่นเรื่องในชีวิตประจำวัน เราทุกคนมักพูดว่า 'เจอกัน' เวลาเอ่ยคำลา แต่สำหรับผมมักจะคิดว่าการได้พูด 'เจอกัน' ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ และงานนี้ก็เล่าเรื่องราวแบบนั้นดังนั้นจึงมีหลายส่วนในเรื่องที่เข้าถึงจิตใจผมได้"
"ตอนที่ผมอ่านบทเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าตัวเองก็น่าจะเล่นได้นะถ้านึกถึงตัวเองตอนอายุ 20 ปีได้ มิสุมิไม่ใช่คนเท่ ซึ่งผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น พอผมได้เจอ รุริซัง (แสดงโดย คาซุมิ อาริมุระ) ผมคิดว่ามันเป็นการเจอกันด้วยโชคชะตากำหนด ตัวผมกำลังมองชีวิตไปข้างหน้า แต่เธอรู้สึกเหมือนได้มองย้อนอดีตชีวิตตัวเอง ยังมีหลายสิ่งที่มิซุมิไม่รู้ เขาอยู่ในช่วงระหว่างถูกสอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ จากผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เขารู้สึกถึงความสั่นไหวของหัวใจในตอนนั้น"
"ผมเองก็คิดว่ามิซุมิเป็นตัวละครที่น่าจะรับความเห็นใจจากคนดู ผมเองยังสงสารเขาเลยครับ ผมหวังว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วคงอยากจะจะปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวและคนอื่น ๆ ด้วยความห่วงใยมากขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ผมคิดว่าบทนี้จะทำให้คนเปลี่ยนวิธีที่โต้ตอบกับผู้คน ผมอยากให้คนดูรู้สึกแบบนั้น"
"หลังจากสูญเสียรุริไปมิซุสิจะไปเที่ยวสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเขา เช่น บริเวณที่ได้ดื่มเบียร์กับรุริ หรือไปที่ Waseda Shochiku โรงภาพยนตร์ที่เขาดูหนัง (โรงภาพยนตร์นี้เป็นโรงที่เก่าแก่ในโตเกียว) ในการอำลาอย่างกระทันหัน ถ้าคนที่สำคัญของผมจากไป ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าโลกของผมมันจะทลายไปขนาดไหน ผมคงรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ผิดที่ผิดทาง มันเป็นความรู้สึกที่เหนื่อยมาก ความรู้สึกนี้ตามกลับไปบ้านเลย ผมรู้สึกว่าได้ใช้หัวใจและสมองไปมากจนอยากจะถอนหายใจ ผมรู้สึกว่าเวลาเล่นซีนร้องให้ต้องใช้พลังงานเยอะเป็นพิเศษครับ"
"ผมคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำคือการพยายามใช้ชีวิตให้ร่าเริงไว้จนกว่าจะกลับมาแสดงครับ และค่อยสวิตช์ความรู้สึกกลับมาก่อนเข้าฉาก แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่สลัดความรู้สึกได้เก่งนัก ผมทำได้ทีละอย่าง ดังนั้นคืนก่อนที่จะแสดงผมจะบอกกับตัวเองว่าจะกำลังจะเล่นฉากนี้เพื่อให้ฟื้นความรู้สึกจากที่แสดงไปคราวก่อน ดึงความรู้สึกกลับมา และเมื่อได้อารมณ์แล้วก็เข้านอน ตื่นมาตอนเช้าความรู้สึกมันก็จะยังคงติดในหัว แม้กระทั่งมาถึงกองถ่ายแล้วเริ่มแต่งหน้า ความรู้สึกก็ยังอยู่ เวลาอยู่คนเดียวก็จะรู้สึกเหงา มันเลยทำให้ผมรู้สึกตอนกลับบ้านไปและรู้สึกว่าใช้ใจในการแสดงไปเยอะ"
"ผมทนดูบางฉากไม่ได้เลยครับ เพราะร้องไห้ตลอด ฉากที่ต้องมีการจากลากะทันหันนี่ไม่ได้เลยร้องไห้ไม่หยุด"
"ผมไปดูรอบพรีวิวกับราอูลครับ ผมร้องไห้ เพราะว่าราอูลร้องไห้ ผมถึงขั้นบอกสตาฟให้เอากระดาษทิชชู่มาให้ผมหน่อย (หัวเราะ) ผมร้องไห้หนักมากจนแทบจะลุกจากเก้าอี้ไม่ไหวเลย ตอนที่ผมดูหนังอยู่ผมได้ยินเสียงร้องไห้มาจากราอูลที่นั่งถัดออกไป ผมรู้สึกมีความสุขมากที่เขาได้เห็นงานที่ผมทุ่มเทอย่างหนักออกมาได้ผลแบบนี้"
"ผมพยายามดูงานที่เพื่อน ๆ แสดงตลอดครับ และบอกพวกเขาว่าผมคิดอย่างไร การได้เห็นคนอื่นทุ่มเทอย่างหนักมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับผม ผมคิดว่ามันจะทำให้ผมก็ต้องพยายามเหมือนกัน"
"เราถ่ายกันในฉากที่เซตขึ้นมาให้เป็นสถานีรถไฟทากาดาโนบาบะ ในยุคนั้นเลยครับ มีรถจากยุคนั้นด้วยมันเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามากสำหรับผลที่ได้มีโอกาสเห็นในสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันสนุกมากที่ได้แสดงในฉากเหล่านี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี ได้ใส่เสื้อผ้า ใส่เสื้อวงร็อคที่กำลังฮิตในตอนนั้น ซึ่งทีมงานก็จะบอกว่าสมัยก่อนเขาแต่งตัวกันแบบนี้ล่ะ ผมว่ามันสนุกมากครับ"
"มันมีช่วงหนึ่งครับที่แผ่นเสียงกลับมาฮิตอีกครั้ง แต่ส่วนตัวผมเองนี่ไม่เคยฟังจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยซ้ำ ผมเองยังไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงจากเครื่อง MD เลยด้วยซ้ำ (เครื่อง Sony MiniDisc เครื่องฟังเพลงรูปแบบหนึ่งที่ฮิตมากๆในประเทศญี่ปุ่น ยุค 90s ลักษณ์เป็นเครื่องฟังเพลงแบบพกพาโดยเล่นจากแผ่นซีดีขนาดเล็ก แต่เสียงมีคุณภาพดี) ผมมักจะไปร้านเช่าแผ่น MD แล้วไปหยิบเพลงธีมจากภาพยนตร์มาฟังใน MD ของตัวเอง (แต่ไม่เช่ากลับไป) ครับ (หัวเราะ)"
"นานแล้วที่ไม่ได้ไปโรงหนังตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดครับ ผมไม่ได้ไปดูกับคนกลุ่มใหญ่ ๆ แต่ก็เคยไปบ้างผมชอบหนังแอ็คชั่น และหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์จริง ๆ ของมนุษย์ในด้านการจัดการความสมดุลระหว่างความรัก และ งานในชีวิตประจำวัน"
"ตอนนี้ผมยังมีชีวิตอยู่ผมเลยไม่สามารถบอกได้ครับว่ามันมีจริงไหม และเมื่อถึงปลายทางจริง ๆ ก็ไม่มีใครรู้จริง ๆ อีก แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปได้นะ เวลาคิดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิด ผมรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นได้จริง การที่จะต้องจากลาจากใครสักคนมันเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เมื่อคิดว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับมาเกิดอีกครั้งมันทำให้รู้สึกว่า มีความหวังเล็ก ๆ ผมยังไม่ได้คิดว่าถ้าเกิดใหม่ได้จริงจะทำอะไร แต่ถ้ามีโอกาสผมก็คงอยากจะได้เจอกับผู้คนที่ผมรักในชาตินี้"
"ทุกวันนี้งานยุ่งมากครับ แต่ผมมีความสุขก่อนที่ผมจะเดบิวต์ ผมอยากทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ แต่ตอนนั้นทำไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ"