•ลิปปินค็อตต์พยายามทำให้โทนสีของภาพยนตร์เรื่องนี้ดู “เรียบๆ ทึมๆ และดูร่วมสมัย” เพื่อสะท้อนความเป็นจริงของสำนักงาน New York Times และพื้นที่ส่วนตัวของทูฮีย์และแคนเตอร์ ซึ่งทั้งสองสถานที่ เธออธิบายว่ามัน “ดูร่วมสมัยและใช้งานได้ดีค่ะ”
•ไบรเออร์ยกตัวอย่างผลงานของผู้กำกับภาพ กอร์ดอน วิลลิส ในภาพยนตร์เรื่อง All the President’s Men ว่ามีอิทธิพลสำคัญกับภาพของ She Said “(ภาพยนตร์เรื่องนั้นซึ่งประกอบไปด้วย) ภาพนิ่งๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่ละชอตภาพได้รับการวางแผนและเตรียมการมาอย่างปราณีต แต่ก็ยังให้ความรู้สึกจริง ไม่ใช่ของปลอมค่ะ” ไบรเออร์อธิบาย “กล้องจะเคลื่อนที่ก็ต่อเมื่อมันจำเป็นต้องเคลื่อนที่เท่านั้น มันก็ได้รับแรงกระตุ้นจากอารมณ์หรือการพัฒนาไปของพลอตเรื่อง เทคนิคทางภาพยนตร์ก็ไม่ดึงความสนใจของคนดูไป แต่กลับทำให้คนดูอินไปกับความรู้สึกผูกพันแบบ ‘เพียวๆ’ ต่อความเป็นจริง ในเวลาเดียวกัน มันก็ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วยค่ะ”
•ไบรเออร์ยังดูสารคดีเรื่อง New York Times, The Fourth Estate เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานในห้องข่าว และวิธีที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่นั้นให้ดีขึ้นด้วย เพราะสำนักงานของ Times ไร้ผู้คนในช่วงเกิดโรคระบาด “เราจึงไม่สามารถใช้เวลาอยู่ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์แห่งนั้น และได้เห็นมัน ‘มีชีวิต’ ค่ะ” ไบรเออร์เล่า “(การนั่งดูสารคดีเรื่องนี้) คือหนทางเดียวสำหรับเราที่จะรวบรวมข้อมูล เพื่อให้สามารถสร้างพลังงานภายในอาคารแห่งนี้ในรูปแบบที่สมจริงได้”
• ดนตรีประกอบที่โดนใจของ She Said เป็นฝีมือของ นิโคลัส บริเทลล์ (Moonlight, If Beale Street Could Talk, Don’t Look Up) ผู้เคยร่วมงานกับแพลนบีอยู่บ่อยๆ และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สามรางวัล