ภาพยนตร์จาก Netflix เรื่อง Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล พร้อมแล้วที่จะพาเราย้อนไปสู่เกาหลีใต้ในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังวิ่งไล่ตาม American Dream ในรูปแบบของเกาหลีเอง โดยมี "ซังกเยดงซูพรีมทีม" แก๊งนักซิ่งวัยรุ่นสุดฮิปแห่งยุคสมัย มาเป็นตัวหลักในการเดินเรื่อง หลังจากพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากอัยการอัน และจับพลัดจับผลูเข้าไปพัวพันกับคดีเงินทุนสกปรกของกลุ่มคนระดับวีไอพี
Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล เป็นมากกว่าภาพยนตร์ที่โดดเด่นด้วยงานภาพ เพราะยังใส่ลูกเล่นเป็นเสียงเพลงที่ติดหูและฉากซิ่งรถสุดเร้าใจ ดังที่ผู้กำกับมุนฮยอนซองกล่าวว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกับบิบิมบับ" ที่ผสมผสานหลากหลายองค์ประกอบไว้สำหรับทุกคน รับรองว่าเราจะได้โยกตามเสียงเพลงในมิกซ์เทปและพุ่งทะยานไปบนถนนพร้อม ๆ กับแก๊งซังกเยดงซูพรีมทีมตั้งแต่ต้นจนจบ มาดู "เพลงประกอบ" ที่เราเลือกมาบอกเล่าเหตุผลที่ไม่ควรพลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันได้เลย
# Track 1: ปี 1988 ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเกาหลีใต้ในยุคสมัยใหม่
กรุงโซลในปี 1988 เป็นยุคสมัยแห่งเสรีภาพและการแสดงออก นอกจากกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกแล้ว เกาหลีใต้ยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของการสิ้นสุดรัฐบาลทหาร และการเริ่มเบ่งบานของดนตรีและแฟชั่น ภาพยนตร์เรื่อง Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล เริ่มต้นขึ้นจากผู้กำกับมุนฮยอนซองที่จินตนาการถึงอาชญากรรมครั้งใหญ่อันน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในวันเดียวกับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในขณะที่ทุกคนต่างวุ่นวายกับหน้าที่ของตนเอง ผู้กำกับมุนฮยอนซองเลือกใช้เพลงฮิปฮอป โดยที่ไม่ได้เป็นแค่ดนตรีประกอบภาพยนตร์เท่านั้น แต่ฮิปฮอปยังเป็น "วัฒนธรรมย่อย" ที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น และเป็นภาพแทนแห่งยุคสมัยได้อีกด้วย
ตัวละครหลักทั้งห้า ซึ่งโดดเด่นด้วยบุคลิกที่แตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง จะแสดงให้เห็นทั้งภาพของรถยนต์ที่เคยครองถนนในปี 1988 ดนตรีฮิปฮอปสุดมัน และแฟชั่นเรโทรที่ยังคงดูเท่แม้มองจากสายตาของคนในปัจจุบัน ตัวละครเหล่านี้ปักหลักอยู่ในถนนซังกเยดง ย่านที่ตกสำรวจไปจากแผนพัฒนาเมืองในช่วงก่อนการแข่งขันโอลิมปิก พวกเขาใฝ่ฝันถึงสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่โอบรับเสรีภาพ ความสามารถ และจิตวิญญาณอันเปี่ยมชีวิตชีวา เราจะได้เห็นทีมเวิร์กที่สมบูรณ์แบบของชาวแก๊ง ซึ่งมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนเองและรวมทีมกันจัดการกับภารกิจที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
# Track 2: เปิดโลก "ฮิปโทร" สีสันแห่งรถยนต์-แฟชั่น-ดนตรี
จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลงฮิปฮอป ดังที่ผู้กำกับมุนฮยอนซองกล่าวว่า "หัวใจของ Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล ก็คือเสียงเพลง" เขาเผยว่าการได้ศิลปิน ซงมินโฮ (MINO) มาร่วมแสดงในภาพยนตร์ ยิ่งทำให้ความหมายตรงนี้สมบูรณ์แบบขึ้น และเพลงประกอบที่ซงมินโฮทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นขึ้นไปอีกขั้นหลังได้แง้มให้ได้ฟังกันใน ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ
แม้ทีมผู้สร้างจะเลือกใช้องค์ประกอบย้อนยุคธรรมดาทั่วไป แต่ Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพยนตร์เรื่องอื่นที่มีฉากหลังเป็นยุค 80 ด้วยตัวละครในสไตล์ที่เรียกว่า "ฮิปโทร" (ฮิปฮอป-เรโทร) กับเครื่องแต่งกายสีสันจัดจ้านในโทนสี RGB ที่ขับเน้นบุคลิกเฉพาะตัวของชาวแก๊งแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และยังทำให้เราได้เห็นแฟชั่นของศิลปินฮิปฮอประดับโลกในยุคนั้น รวมถึงสไตล์อื่นๆ ที่เคยฮิตติดกระแสในเกาหลียุค 80 อีกด้วย
เนื่องจากภารกิจของแก๊งซังกเยดงซูพรีมทีมต้องมีเอี่ยวกับการแข่งรถในหลายฉากตอน ยูอาอิน ซึ่งรับบทเป็น "ดงอุค" นักดริฟต์รถมือหนึ่ง ต้องไปฝึกทักษะการขับรถเป็นพิเศษ และต้องเรียนรู้ท่วงท่าที่จะเกิดขึ้นจากการแข่งรถ เพื่อให้เขาถ่ายทอดฉากแอคชั่นในภาพยนตร์ออกมาได้อย่างสมจริง รถยนต์วินเทจที่เคยครองถนนกรุงโซลเมื่อปี 1988 จะกลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจในฉากแอคชั่นซิ่งรถสุดมันเหมือนที่เราได้เห็นกันภาพยนตร์ฮอลลีวูดจำนวนมาก
# Track 3: ส่วนผสมที่ลงตัวของชาวแก๊งซังกเยดงซูพรีมทีม!
ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่อง Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล ถ่ายทอดโดยเหล่านักซิ่งและนักแต่งรถสุดเฟี้ยวที่เปี่ยมด้วยความฝันและมีดนตรีในหัวใจ พวกเขารวมตัวกันภายใต้ชื่อแก๊ง "ซังกเยดงซูพรีมทีม"
• ยูอาอิน รับบทเป็น ดงอุค มือขับระดับพระกาฬที่เป็นหัวโจกของแก๊ง เขามองว่าตัวละครนี้แปลกใหม่และมีเสน่ห์ จนเขาเองรู้สึก "ได้แรงบันดาลใจอย่างมาก" ที่จะพลิกโฉมตัวเองมารับบทนี้ "ดงอุคเป็นคนที่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเสียงที่พูดแทนวัยรุ่นในยุคนั้นได้เลยครับ" ในขณะที่ผู้กำกับมุนฮยอนซองกล่าวว่า "ผมนึกภาพดงอุคที่ไม่ใช่ยูอาอินไม่ออกเลยครับ มันวิเศษมาก ๆ ที่ได้ร่วมงานกับเขา"
• โกคยองพโย ซึ่งรับบทเป็น จอห์น อู นักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัยที่ผันตัวมาเป็นดีเจประจำแก๊งที่รับหน้าที่เป็นสายลับสอดแนมให้ทีม ระบุว่าเขารู้สึกยินดีที่ได้มารับบทในภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นยุคเดียวกันกับผลงานเรื่องก่อนหน้า แต่มีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง "ปี 1988 ใน Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอีกโลกที่แตกต่างจากในเรื่อง วันวาน 1988 (Reply 1988) เลยครับ"
• อีคยูฮยอง รับบทเป็น บกนัม คนขับรถแท็กซี่ที่เชี่ยวชาญประหนึ่งระบบนำทาง รู้จักทุกซอกทุกมุมของกรุงโซล
อีคยูฮยองนับเป็นนักแสดงที่มีผลงานหลากหลาย ประสบความสำเร็จทั้งในผลงานมิวสิคัล ละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ อีคยูฮยองได้ใส่ทั้งเสน่ห์และอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
• พัคจูฮยอน รับบทเป็น ยุนฮี นักบิดสาวสุดเก่งกาจ เธอเป็นสมาชิกแก๊งที่โดดเด่นที่สุดด้วยเสน่ห์อันแสนเป็นธรรมชาติ ทั้งในแง่ของหน้าตาและนิสัย ผู้กำกับมุนฮยอนซองกล่าวว่าเขามั่นใจในตัวเธอ โดยระบุว่า "บุคลิกของพัคจูฮยอนเข้ากับตัวละครได้ดีมากจนแทบไม่ต้องเพิ่มหรือลดอะไรมากเลยครับ"
• องซองอู รับบทเป็น จุนกี นักดัดแปลงรถมือดีประจำแก๊ง องซองอูเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงและสร้างผลงานที่น่าประทับใจออกมาอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทของตนเองในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า "เป็นโอกาสที่ดีมากเลยครับที่ผมจะได้แสดงพลังและด้านที่สนุกสนานของผมในตัวละครที่ฮิป ๆ และมีมิติแบบนี้" ในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง องซองอูหลงใหลทั้งเพลงฮิปฮอป แฟชั่นเรโทร และสเก็ตบอร์ด ด้วยความรู้สึกเหล่านี้เอง เขาจึงอินไปกับองค์ประกอบรอบ ๆ ตัว และพัฒนาตัวละครของเขาขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ "ผมคิดว่าการสนุกไปกับการแสดงและปล่อยไปตามอารมณ์ จะทำให้จุนกีเป็นตัวละครที่ลึกและมีมิติมากขึ้นครับ" เขากล่าว
ทั้งเสียงเพลง รถยนต์คลาสสิก ฉากซิ่งรถ และแฟชั่นของ Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล จะพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคของเหล่าวัยรุ่นฮิปสเตอร์เกาหลีในปี 1988 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ยุคใหม่
ออกซิ่งไปกับภาพยนตร์แอคชั่นแนวแข่งรถที่มันระเบิดและมากับสไตล์สุดจ๊าบกับ Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล พรีเมียร์พร้อมกันทั่วโลกแล้ว วันนี้ที่ Netflix เท่านั้น