มีหลายคนที่มองเห็นความสนุกและประเด็นของเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เราร่วม แรงร่วมใจสร้างกัน ขึ้นมาก็ต้องขอบคุณทั้งเหล่าทีมงานและนักแสดงทุกท่านมาก ๆ ครับ ในตอนท้ายของการฉายภาพยนตร์ ผมทั้งตกใจและเขิน ที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดที่เคยได้รับในชีวิต
Hunt เป็นภาพยนตร์แอ็กชันสายลับชิงไหวชิงพริบกัน มันเล่าเรื่องของคนที่ต้อง ทำอะไรขัดกับความเชื่อและ หลักการของตัวเอง เรื่องราวของการตามหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กร KCIA โดยผมรับบท พัคพยองโฮ และคิมจองโด รับบทโดย จองอูซอง ระหว่างการค้นหาตัวสายลับ ทำให้ทั้งสองคนเกิดความสงสัย ในกันและกันและต้องมา เจอกับคดีลอบสังหารคนสำคัญเบอร์หนึ่งของเกาหลี ทำให้เกิดเรื่องพลิกล็อคและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ
ตัวละคร พัคพยองโฮ ที่ผมรับบทในเรื่อง Hunt ในฐานะหัวหน้าทีมหน่วยข่าวกรอง ต่างประเทศเป็นคนที่ใช้เหตุผล แล้วก็เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ห่วงใยเพื่อนร่วมงานแต่พอได้รู้ข่าวว่ามีสายลับอยู่ในองค์กรก็ต้องมาระแวงเพื่อนร่วมงานไปจนถึงถูกสงสัยว่าตัวเขาเองก็คือสายลับแต่ก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อจะตามหาสายลับที่ซ่อนอยู่ในองค์กรครับ
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครชาย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ KCIA ดังนั้นทั้งชนิดเสื้อผ้าและสีสันจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทีมเสื้อผ้าเตรียมเนกไทวินเทจ และเครื่องประดับจากยุคนั้นไว้เพียบ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครออกมา พวกเขาช่วยกันออกแบบเครื่องแบบของทหารไทย, ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ และคนจากกองทัพ
ผมอยากให้ตัวละครทุกตัวมีคุณค่า จองโด ผมอยากให้เขาเริ่มจากการเป็นคนเยือกเย็น ไปจนถึงที่เขาบันดาล โทสะแบบไม่เลือกหน้าในช่วงท้าย จูคยอง เป็นตัวโจ๊กตัวเดียวในเรื่อง แต่เขาจำเป็นต่อจุดหักมุมของเรื่องมาก ชอลซอง เป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจอมทรราช ผมอยากให้เขาเป็นบัวใต้ตม ไม่เคยรู้ตัวว่าโดนล้างสมองมาตลอด ยูจอง ไม่ได้โผล่มาบ่อย แต่เธอเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดกับตัวละครปริศนาของเรื่องที่สุด เธอขยะแขยงในการกระทำของคนรุ่นก่อน แต่เธอได้คำตอบของชีวิตที่เฝ้าตามหาจากพยองโฮ
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้พยองโฮและจองโด เจอกับเรื่องคอขาดบาดบาดตายเสมอ ให้พวกเขาห้ำหั่นกันตลอด เมื่อเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยในองก์ที่สามของเรื่อง ประเด็นมันจะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น การผูกเรื่องในองก์ แรกและองก์ที่สองมันยากพอสมควร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมีความสนุกก็จริง แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุย กับหลาย ๆ คนเกี่ยวกับ เรื่องราวต่าง ๆ ถึงแม้จะนำเรื่องที่เกิดในยุค 80 ขึ้นมาทำ แต่ผมคิดว่ายุค 80 กับตอนนี้มีจุดที่ไม่แตกต่างกันอยู่ ทั้งเรื่องราวในจุดเหล่านั้น ทั้งความคิดอื่น ๆ ที่ตัวละครมีอยู่ การลองถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมา ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากครับ จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับตัวละครเพื่อให้พวกเขาปะทะกันอย่างร้อนแรง และผมหวังว่าการปะทะกันที่ ดุเดือดนี้จะเต็มหน้าจอ พวกประเด็นที่ต้องไม่ให้เห็นเยอะไปเราก็ต้องมานั่งคิดด้วยกัน
ที่ผ่านมาถ้าสถานการณ์ในบทมันน่าเชื่อและมีฉากที่เสริมกัน การแสดงของผมมันจะออกมาตามธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการออกมามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่างขั้นเตรียมงาน และการซ้อมบท มันมีบางจุดที่ผมแก้ไดอะล็อกตามฟีดแบ็กจากนักแสดง ขณะที่บางครั้งผมต้องกล่อม ให้พวกเขายอม เล่นบางซีนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจบ้างเหมือนกัน
ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อให้อุดมการณ์ของเขา กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าเล่าเรื่องเกาหลีเหนือและใต้ เวลาดูหนังสายลับ จะมีคดีหรือสถานการณ์ที่แต่ละตัว ละครเผชิญอยู่ ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกมาก พวกเราเองก็คิดมาเยอะมากว่า จะทำสายลับในแบบเกาหลียังไง ให้ต่างจากหนังสายลับอื่น ๆ นั้น ปกติหนังสายลับส่วนใหญ่ จะเป็นการทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่องเอา แต่ผมเขียนบทออกมา เพราะต้องการสร้างภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้น โดยมีการพลิกกลับทั้ง เรื่องใหญ่และเรื่องเล็กและคลี่คลายอย่าง ผมพยายามไม่ทำให้ เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะติดตามได้ และแค่หวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับมัน
ความจริงแล้วผม ซื้อลิขสิทธิ์ของเนื้อเรื่องมา ตั้งใจจะเป็นแค่ผู้จัดอย่างเดียว แต่การมานั่งรอทุกวันเป็นเรื่องยากครับ รู้สึกอึดอัดและเสียดายกับเวลาที่ผ่านไป ก็เลยเริ่มเขียนบทด้วยตัวเองครับ แล้วพอเขียนมาตลอดสี่ปี การเรียบเรียงสิ่ง ที่เขียนการทำโปรเจกต์ในแต่ละหัวข้อ การสร้างคาแรกเตอร์ให้กลมกล่อม ผมได้รับกำลังใจจากคนรอบ ข้างที่บอกว่าน่า จะลองมากำกับเองดู จนสุดท้ายก็ได้มากำกับด้วยครับ
เราคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ หลังจากเคยร่วมงานกันใน City of the Rising Sun เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราพยายามทำให้มันเป็นไปได้และแม้แต่เขียนบทด้วยกัน ณ จุดหนึ่ง แต่มันก็ไม่เคยปรากฏเป็นภาพยนตร์เลย จนมาถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้สึกกระตือรือร้นมากที่จะมีเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้คนพูดว่า จองอูซอ ดูดีที่สุดบนหน้าจอเมื่อเขาถูกยิงโดย อีจองแจในกองถ่ายก็ยุ่งกับการดูแลกันและกันครับ สำหรับผมที่ต้องตั้งใจกำกับ ให้จองโดออกมาเท่มาก ที่สุดตรงกันข้ามกับคุณอูซองนั้น ที่เห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งหมดแรงคงคิดว่า 'เพื่อนฉันอาจจะตายไปแบบนี้ก็ได้' ก็คอยจัดวิตามินให้ผมกิน สำหรับตอนนี้แค่อยู่ข้าง ๆ กันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ถึงวันไหนไม่มีคิวถ่าย แค่มาอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นกำลังใจมากที่สุดแล้วครับ
ผมอยากลองอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี, องค์ประกอบภาพ, แม้แต่สถานที่ถ่ายทำ ทีมกล้องต้องเจออุปสรรคมากมายระหว่างการถ่ายทำ ผมว่าพวกเขาเจอหนักสุดแล้วล่ะ รวมถึงทีมสตั้นท์ เพราะผมต้องการให้ฉาก แอ็กชันในเรื่องทุกฉากดูทรงพลังและสมจริง ผมอยากผลักมันไปจนสุดขอบ แต่ยังเก็บรายละเอียดไว้ครบถ้วน
ปัญหาใหญ่เลยคือมันไม่มีโลเกชันไหนที่ให้บรรยากาศแบบยุค 80 ชนิดที่ครบจบในที่เดียว แถมงบเราก็ไม่ได้มากพอที่จะเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด แต่ทีมงานของเราทำได้ดีมาก พวกเขาเอาชนะอุปสรรคและหาจุดที่ลงตัวพบ โดยเฉพาะกับฉากที่เราจำลองวอชิงตัน, โตเกียว และประเทศไทย เราถ่ายทั้งหมดในเกาหลี แม้ว่าขั้นเตรียมงาน แทบจะเรียกได้ว่ารากเลือด แต่ผลที่ออกมาทำให้พวกเราลืมความลำบากในตอนนั้นไปปลิดทิ้ง
ความเดือด ความสมจริง และรายละเอียด คือสามสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมทำสตอรี่บอร์ดกับแผนกเทคนิกพิเศษ, ทีมสตันท์ และทีมซีจี แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่าย แต่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราถ่ายทำกันได้ราบรื่น ผมอยากให้มันมีขับรถไล่ล่า วิ่งไล่กันตามถนน, การระเบิด และการสาดกระสุนกันเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ ผมยังต้องการให้ทั้งหมดนั่นออกมาดูสดใหม่ ซึ่งทีมงานทุกคนไม่ทำให้ผมผิดหวัง
ผมเป็นนักแสดงมานาน ผมเข้าใจหัวอกพวกเขาดี ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และสุขภาพของ ทีมงานทุกคน เราเลยเลือกใช้ข้าวสาลีป่นแทนส่วนผสมที่เป็นเคมี
แน่นอนว่าฉากแอ็กชันตระการตาเป็นส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าผู้ชมจะอินไปกับเนื้อเรื่อง อึ้งไปกับทุกจุดหักมุม และเอาใจช่วยสองตัวละครนำ ถึงพวกเราจะบอกว่าเป็นหนังประเภท สายลับก็จริงแต่เนื้อหาไม่ได้ ซับซ้อนขนาดนั้น อาจจะคิดว่าขั้นตอนการสืบสวนหาคนร้ายไม่ได้ซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว เราได้อธิบายไว้ให้เข้าใจแบบ ง่าย ๆ ต่างหาก เข้าไปดูแบบสบาย ๆ ได้เลยครับ แต่ว่าเรื่องอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก แค่สนุกไปกับความเร็วพวก นั้นก็พอครับ