The Last 10 Years สุดท้ายและตลอดไป ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น สร้างสถิติภาพยนตร์คนแสดง ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นของปีนี้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ 2.9 พันล้านเยน! ได้รับเสียงชื่นชมท่วมท้นโลกโซเชียล จนมีผู้ชมเดินทางมาดูซ้ำหลายต่อหลายครั้ง นี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษ พูดคุยถึงเบื้องหลังฉากต่าง ๆ ประกอบด้วย นานะ โคมัตสึ, เคนทาโร่ ซาคากุจิ และผู้กำกับ มิจิฮิโตะ ฟูจิอิ มองย้อนกลับไปในการถ่ายทำตลอดระยะเวลาประมาณหนึ่งปี
Q: หลังจากใช้เวลาถ่ายทำภาพยนตร์ร่วมกัน ภาพลักษณ์ของกันและกันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
ผู้กำกับฟูจิอิ: (ตอนที่เจอครั้งแรก)ซาคากุจิคุงเขาย้อมผมทองอยู่ครับ ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าเขาเป็นคนหล่อเท่ห์แถมไม่พูดอะไรสักคำทำไมเท่อะไรขนาดนี้
คุณซาคากุจิ: ใช่เหรอครับ
ผู้กำกับฟูจิอิ: (หัวเราะ)หลังจากนั้นเราก็มีเวลาพูดคุยกันจริงจัง ตอนนั้นก็คิดนะว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ เขายังไม่ค่อยเผยตัวออกมา(หัวเราะ) ตอนนั้นเขาดูจริงจังมากเลยครับ
คุณซาคากุจิ: เป็นไปได้ครับ ผมติดนิสัยคิดถึงบรรยากาศรอบ ๆ ตัว พอเวลาแบบนี้ก็กลายเป็น "อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ..."
ผู้กำกับฟูจิอิ: หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นซาคากุจิคุงที่เอาแต่ยิงมุกตลก ส่วนตอนที่ได้เจอกับโคมัจจัง(ชื่อเล่นในกองถ่ายของ นานะ โคมัตสึ)ครั้งแรก จริง ๆ แล้วผมเกร็งมากเลย ก่อนหน้านี้เคยเชิญเธอมาเล่นหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้วแต่สุดท้ายเรื่องนั้นก็ยุบโปรเจกต์ไป ตอนนั้นผมเขียนจดหมายให้เธอด้วยครับ เธอไม่น่าจำเรื่องนี้ได้แน่ ๆ แต่เธอยังเก็บมันไว้อยู่เลย ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้?!
คุณโคมัตสึ: ไม่หรอกค่ะ!(ขำ)
ผู้กำกับฟูจิอิ: พอมีเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกได้เลยว่าเราผูกดวงกันเอาไว้อยู่ โคมัจจังก็พูดบ่อย ๆ ว่าเราเหมือนรุ่นพี่กับรุ่นน้องในชมรมกีฬาอะไรสักอย่างที่ต้องช่วยกันต่อสู้เพื่อให้ได้มา เป็นเหมือนเพื่อนรบอะไรแบบนั้นเลยครับ
Q: คุณโคมัตสึเข้ามาร่วมโปรเจกต์นี้ได้ยังไงลองเล่าให้ฟังหน่อย
คุณโคมัตสึ: ตอนที่ได้รับเชิญมาได้มีการพูดคุยกันค่ะ ตอนนั้นสายตาของผู้กำกับมุ่งมั่นมากเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน ความมุ่งมั่นของเขาส่งมาถึงฉันจนเผลอซึ้งขึ้นมาเลยค่ะ ยังคิดว่าแย่แล้ว เขาจะรู้ไหมแต่ตอนนั้นใส่มาส์กอยู่น่าจะดูไม่ออก แต่สุดท้ายเขาก็ดูออกค่ะ(หัวเราะ) ผู้กำกับยังแซวอยู่เลยว่า "ตอนนั้น จะร้องไห้แล้วใช่รึเปล่า?" (หัวเราะ) ตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้วเราสื่อสารเข้าใจกันได้ดีเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องในชมรม เป็นคนที่ทำให้ฉันฮึดสู้ขึ้นมาเลยค่ะ
คุณโคมัตสึ: ตอนที่เจอกับซาคากุจิคุงน่าจะเป็นตอนฟิตติ้งใช่รึเปล่านะ?
คุณซาคากุจิ: น่าจะใช่ พอเราฟิตติ้งกันเสร็จ เราก็กล่าวทักทายกันที่ห้องประชุมกับผู้กำกับ
คุณโคมัตสึ: ตอนนั้นเราต่าง "อ่อ หวัดดี.." กันอยู่เลย (หัวเราะ) เพราะอย่างนั้นไม่ถึงกับกังวลหรอกแต่คิดว่าจากนี้เราจะเริ่มถ่ายด้วยกันแล้ว จะรักษาระยะห่างระหว่างกันให้ดีขึ้นอย่างไรดี แต่เขาเป็นคนทำตัวสบาย ๆ อยู่แล้ว ผ่านไปสักพักก็เริ่มมองเห็นด้านกวน ๆ ของเขา พอทำงานด้วยแล้วสบายใจดีค่ะ เดี๋ยวนี้เขาก็เอาแต่กวนฉันอย่างเดียวเลย(หัวเราะ) เป็นคนที่ชอบทำให้คนอื่นยิ้มแล้วทำให้บรรยากาศรอบตัวคึกคักขึ้น ทำงานด้วยแล้วสนุกดีค่ะ
Q: สำหรับคุณซาคากุจิเป็นบรรยากาศการทำงานที่ดีเลยใช่ไหม
คุณซาคากุจิ: มันดีมากเลยครับ! ผู้กำกับฟูจิอิสร้างบรรยากาศการทำงานให้เราสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการแสดงบทบาทที่แตกต่างจากตัวเอง เพราะฉะนั้นเลยสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ครับ เวลาแสดงเลยไม่รู้สึกว่าขาดชิ้นส่วนอะไรไปหรือไม่สบายใจเลย ช่วงที่เราถ่ายทำกันเหมือนคาซึโตะกลายเป็นเพื่อนของผมกับผู้กำกับฟูจิอิไปเลย เพราะอย่างนั้นเราจึงไม่ได้ตัดสินว่า "เวลาแบบนี้คาซึโตะต้องคิดแบบนี้ ต้องทำแบบนั้น" แต่ผมกับผู้กำกับวางภาพไว้ว่า "ถ้าเป็นคาซึโตะจะคิดว่ายังไงกันนะ" เราพูดคุยตกลงกันเพื่อวาดภาพของบทคาซึโตะ ผู้กำกับเขาคิดเรื่องคาซึโตะกับมัตซึริมากกว่าใครเลยครับ ไม่รู้ว่าผมเลือกคำพูดได้ถูกไหมแต่เขากลายเป็นเพื่อนคู่คิดที่สำคัญคนหนึ่งทำให้ตอนถ่ายทำไม่รู้สึกถึงความทุกข์ การโดนเสียดสี ความร้าวฉานแบบตอนที่เป็น ซาคากุจิ เคนทาโร่ เป็นตัวเองเวลาปกติเลยครับ
Q: คุณโคมัตสึคิดยังไงกับการแสดงตามคำสั่งให้กลั้นน้ำตาของผู้กำกับบ้าง?
คุณโคมัตสึ: ฉากนั้นเป็นการปล่อยอารมณ์ของคาซึโตะ หลังจากมัตซึริสารภาพอาการเจ็บป่วยและเวลาที่เหลือของเธอ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นและเป็นฉากที่แสดงอารมณ์ได้ยาก พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ให้ไม่หลุดตอนที่อ่านบทก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าฉากนี้ว่าจะเป็นอย่างไรเลยค่ะ แต่ตอนที่เริ่มถ่าย แม้จะไม่เห็นออกจอแต่เราต้องลองบีบมือกันไว้ เป็นฉากที่ถ่ายแต่เช้าตรู่ แถมความกดดันในตอนนั้นทำให้เหนื่อยเลยค่ะ
ผู้กำกับฟูจิอิ: นั่นสิครับ! พอมานึกดูตอนนี้ น้ำตาจะไหลออกมาแล้วแต่ถูกห้ามว่าอย่าร้องเนี่ย เป็นผมคงบ่นแล้วว่า งั้นลองมาเล่นเองสิ ตอนนี้สำนึกผิดแล้วครับว่าขอร้องให้นักแสดงฝืนหลายอย่างเกินไป
คุณซาคากุจิ,คุณโคมัตสึ: (หัวเราะ)
Q: ในภาพยนตร์วันปิดกล้อง จริง ๆ คุณโคมัตสึไม่ต้องมากองถ่าย แต่เธอก็มาร่วมทำงานเป็นทีมงานด้วย ถือเป็นบรรยากาศปิดกล้องที่ประทับใจมาก ลองเล่าให้เราฟังหน่อย?
ผู้กำกับฟูจิอิ: วันนั้นคุณโคมัตสึจะมาช่วยขนเก้าอี้ครับ พอเห็นคุณโคมัตสึทำงานสต๊าฟทุกคนก็ขยันทำงานขึ้น! ทั้ง ๆ ที่ถึงผมทำงานหนักไปก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแท้ ๆ (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้เป็นคนขอร้องเธอนะ แต่เหมือนเธอแสดงเป็น "มัตซึริที่มองเห็นสถานการณ์นั้น"
คุณโคมัตสึ: ตอนที่เห็นภาพสีหน้าของซาคากุจิคุงที่เห็นว่าข้างหน้ามีมัตสึริอยู่ผ่านมอนิเตอร์ขณะถ่ายทำ ฉันรู้สึกเลยว่าหนังเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมไปเลยจริง ๆ ทำให้สัมผัสได้เลยว่า คาซึโตะก้าวไปข้างหน้าโดยโอบกอดเรื่องราวของมัตสึริเอาไว้อยู่ เป็นฉากที่ดีฉากหนึ่งเลยค่ะ
คุณซาคากุจิ: ฉากนั้นเราถ่ายกันไว้หลายแบบเลยใช่ไหมครับ? สีหน้าตอนสุดท้ายมีทั้งแบบความรู้สึกพลั่งพรูออกมามากกว่านี้กับแบบสงบเรียบง่าย พอเห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าอย่างที่ทุกคนเห็นไปโดยธรรมชาติ เป็นสีหน้าที่ถูกต้องสมเป็นคาซึโตะ เป็นฉากที่สวยงามมากครับ
Q: สุดท้ายนี้ให้ฝากถึงคนที่ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบหน่อยค่ะ
ผู้กำกับฟูจิอิ: ใครที่จะไปดูอีกรอบอยากให้ลองสังเกตชื่อของทุกสิ่งรอบตัวมัตซึริจังดูครับ ดอกไม้ที่ประดับที่บ้านมัตซึริจังก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกและความปรารถนาของมัตซึริจัง ถ้าทุกคนสังเกตเห็นจะดีใจมากครับ
คุณซาคากุจิ: ดีใจที่พลังทีมเวิร์กที่สร้างผลงานชิ้นนี้ออกมาอย่างประณีตได้ออกมาสู่สายตาของทุกคน ผมคิดว่าผลงานชิ้นนี้จะคงหลงเหลือต่อไปอีกนานแสนนาน หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบหวังว่าทุกคนจะคิดถึงมัตซึริหรือคาซึโตะ คิดถึงครอบครัวและเพื่อนพ้อง ผมคิดว่าผลงานเรื่องนี้มันจะมีฉากหรือชั่ววินาทีที่ส่องแสงอยู่ในใจของทุกคน สำหรับใครมาดูแล้วก็อยากให้มาดูอีกรอบ แล้วอยากให้เล่าถึงความสวยงามของผลงานเรื่องนี้ไปถึงคนอื่น ๆ ด้วยครับ
คุณโคมัตสึ: ผลงานนี้เป็นงานที่ฉันภูมิใจมากค่ะ ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ค่อยเรียงร้อยเรื่องราว มีความทรงจำดี ๆ อยู่มากมาย ถ้าทุกคนรักผลงานชิ้นนี้ฉันจะดีใจมาก ๆ ค่ะ ถ้าจะรักภาพยนตร์เรื่องนี้ไปนาน ๆ พวกเราคงมีความสุขน่าดู จะดีใจมากถ้าทุกคนมาดูกันอีกหลาย ๆ ครั้ง ขอบคุณมากค่ะ
The Last 10 Years สุดท้ายและตลอดไป
2 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์