ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) เปิดใจถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจกลับมารับบทเป็น แบทแมน อีกครั้งในภาพยนตร์ The Flash ของ เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) หลังจากบอกลาบทบาทนี้ไปนานกว่า 30 ปี ผ่านบทสัมภาษณ์ของสำนักข่าว The Hollywood Reporter ซึ่งนอกจาก คีตัน แล้ว ก็ยังมี แบทแมน เวอร์ชั่นของ เบน แอฟเฟล็ค (Ben Affleck) มาร่วมแจมในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
เมื่อพูดถึงการหวนกลับมาสวมบท แบทแมน อีกครั้ง หลังเวลาล่วงเลยมานานหลายปี คีตัน ก็เผยว่า "ตามจริงแล้วในหัวของผมก็คิดมาตลอดว่า 'ผมพนันได้เลยว่าผมน่าจะได้กลับไปตอกย้ำไอ้เวรนั่น' ดังนั้นผมก็เลยคิดว่า 'เยี่ยมเลย ตอนนี้พวกเขามาขอร้องผม มาดูกันสิว่าผมจะทำมันได้มั้ย'"
หนึ่งในอุปสรรคใหญ่หลวงที่ทำให้ คีตัน รู้สึกลังเลที่จะเซ็นต์สัญญากลับมาเป็น แบทแมน อีกครั้ง ก็คือพล็อตเรื่องอันซับซ้อนของ The Flash เนื่องจากมันจะพาไปสำรวจโลกของดีซีในหลากหลายจักรวาล ด้วยตัวละคร แบทแมน หลาย ๆ เวอร์ชั่น รวมไปถึงฮีโร่คนอื่น ๆ ด้วย
"ผมต้องอ่านบทมากกว่าสามครั้งก่อนที่จะตัดสินใจลุย 'เดี๋ยวนะ นี่มันจะเวิร์คได้ยังไง?' พวกเขาต้องอธิบายให้ผมฟังอยู่หลายครั้ง ผมไม่ได้อวดดีนะครับ ผมเองก็คาดหวังกับหนังเรื่องนี้ ผมจะไม่พูดอะไรแบบว่า 'ผมเจ๋งเวอร์' อะไรแบบนั้น ผมโง่ครับ" คีตัน ยอมรับ "มีหลายสิ่งที่ผมไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้นผมก็เลยไม่รู้ว่าบางอย่างที่ผมคิดออก จริง ๆ แล้วมันต่างออกไปครับ สิ่งที่มันน่าสนใจมาก ๆ ก็คือผมจะมีความเป็นแบทแมนมากขึ้นขนาดไหนเมื่อผมได้กลับไปทำมัน ตอนนี้ผมได้เข้าใจในจุดนี้ด้วยมุมที่ต่างออกไป ผมนับถือมันอย่างหมดเปลือก ผมนับถือในสิ่งที่หลาย ๆ คนพยายามจะทำ ผมไม่เคยมองว่า 'โอ้ นี่มันเป็นเรื่องโง่ ๆ' มันไม่ใช่เรื่องโง่ที่ผมได้แสดงเป็นแบทแมน แต่มันกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรม มันเป็นสัญลักษณ์ ดังนั้นผมจึงรู้สึกนับถือมันยิ่งกว่าเดิมเพราะสิ่งที่ผมได้รู้มา นี่คือดีลครั้งใหญ่ในโลกใบนี้สำหรับทุกคน คุณต้องให้เกียรติและเคารพในสิ่งนั้น แม้แต่ตัวผมเองก็ยังต้องร้องว่า 'พระเจ้า นี่มันยิ่งใหญ่มาก'"
The Flash มีกำหนดฉายในเดือนมิถุนายน 2022