"สวัสดีครับผม แมน-เสฏฐวุฒิ พรธนาวุฒิ ผมจบจากศิลปากร เรียนด้านนิเทศฯโฆษณามาพอเรียนจบปุ๊บ ยังไม่ทันได้จบดี รุ่นพี่ที่ทำสายโฆษณาก็ชวนมาอยู่เอเจนซี่ครับ ก็พอมีงานบ้างครับไม่ได้เยอะขนาดนั้น ที่ผ่านมาจะเป็นงานสายโฆษณามากกว่าต้องบอกว่ากระแสที่ออกมาตอนนี้ดีมาก ไม่ทันตั้งตัว ละครออนตอนวันเกิดผม ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดผมเลยครับ มันเป็นฟิลที่แบบว่าอย่างน้อยเราก็มีความสุขในช่วงเวลาวันเกิดปีนี้นะครับ ปีนี้อายุ 29 (นิ่งเงียบ...เสียงเหมือนร้องไห้เบา ๆ) ก็แอบ ๆ มีร้องนิดนึง ตื่นตันมากครับ เหมือนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ พอเราได้ตั้งใจทำอะไรแล้วผลออกมาดี เราเองก็อยากที่จะพัฒนาต่อครับ อยากทำให้มันดีขึ้น ก็ดีใจมากครับที่ทุกคนชื่นชมตัวละครในบทนี้"
"ไม่ได้ขนาดนั้นครับ (หัวเราะ) เราอาจจะพอมีบ้าง พี่ ๆ ทุกคนส่วนใหญ่จะบอกว่าเรามีคาแรคเตอร์ เขาก็อยากให้เราไปแคสแล้วก็ได้งานมาเรื่อย ๆ พอเรียนจบก็ทำด้านโฆษณาเลย ทำอยู่ประมาณ 5 ปี มีผลงานโฆษณามาแล้ว 200 กว่าตัว แต่พอมาเล่น "Dare To Loveให้รักพิพากษา" ผลตอบรับมันไม่เหมือนกันเลย โฆษณามันเน้นเรื่องโปรดักส์ แต่พอมาเป็นละครเราเหมือนเป็นตัวขับเคลื่อน เป็นตัวรับตัวส่งมันมีมูลค่ากว่าโฆษณา เราได้สร้างรอยยิ้ม คนได้เห็น เราได้สร้างสตอรี่มากกว่างานโฆษณา ภายในหนึ่งคืนกระแสมันมาเร็วมาก เกินที่เราจะคาดคิด เป็นไวรัลไปไกล เพราะละครเรื่องนี้ออนแอร์ทั่วเอเชีย"
"พอเราทำงานโฆษณา แล้วก็มีโอกาสได้รับหนังซักพักหนึ่ง ตอนนั้นเล่น เปมิกาป่าราบ หนังผี ผมเล่นเป็นผีหัวขาด (หัวเราะ) คนน่าจะจำผมไม่ได้ มันตลกตรงที่ว่าเราตัดผมทรงกะลา ออกมาซีนเดียวตาย (หัวเราะ) หัวขาด ตายแล้วแบบไม่มีคนเห็นหัว ไม่มีใครเห็นผม (หัวเราะ) พอมีโอกาสอีกเรื่องหนึ่งมาเล่น "SisterS กระสือสยาม" นางเอกมาหาผม กระสือก็ตามมา ผมก็ตายอีกรอบหนี่ง (หัวเราะ) คือตายอีกแล้ว ทุกเรื่องไม่เคยได้มีชีวิตอยู่เลย (หัวเราะ)"
"ผมต้องบอกว่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นฉากที่พี่ๆคนดูทุกคนชอบ รู้สึกดีใจมากที่ทุกคนแชร์มาให้ดูเยอะมาก คนมาแซวเยอะมากบอกว่าขอกาแฟแก้วนึง อเมริกาโน่ร้อนใส่วนิลาไซรัปปั๊มเดียว เพิ่มวิปครีมครึ่งหนึ่งของที่ใส่ในมอคค่า คือคำนี้อยู่หัวผมเลยถึงตอนนี้ แม้จะผ่านมาเป็นปี ๆ แล้วที่ถ่ายทำแต่ผมจำได้แม่นไม่เคยลืมเลยครับ"
"จริง ๆ ผมเป็นคนที่ไม่ได้กินกาแฟเลยนะครับ แต่ว่าพออ่านบทแล้ว บทนี้มันน่าจะทะเล้นดูสนุกดี จำบทนี้มาได้ตั้งแต่การแคสติ้ง คือกว่าจะได้บทนี้มาต้องผ่านการแคสติ้ง ผมไม่แน่ใจว่าต้องสู้กับหลายคนเยอะมั้ย แต่พอได้โอกาสให้มาแคส ผมก็ทำให้มันดีที่สุด ผมก็สู้และเต็มที่มากกับบทนี้ ซึ่งบรรยากาศตอนไปแคสพี่ทีมงานเขาก็บอกว่าบทนี้จะเป็นคู่ปรับกับพี่เบลล่านะ ที่แบบว่าเวลามาซื้อกาแฟเราต้องแซวพี่ๆ ชอบกวนลูกค้าเป็นประจำ ผมก็คิดว่ามันเข้ากับคาแรคเตอร์ของเราเหมือนกัน ผมเป็นคนกวน ๆ อยู่แล้วด้วย พอเห็นบทนี้ก็รู้สึกว่ามันเป็นตัวเอง ใส่ความเป็นธรรมชาติในรอบแคสติ้ง พอเขาติดต่อกลับก็ดีใจมาก"
"วันที่เข้าฉากกับพี่เบลผมรู้สึกดีใจ พี่เบลเขาให้ความเป็นกันเอง พอมันเป็นกันเองแล้วรู้สึกว่าผมมีแรง พี่โยนอะไรมา เดี๋ยวผมสู้กลับไป เป็นการเจอกันครั้งแรกแล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการละลายพฤติกรรม จริงๆแอบตื่นเต้นอยู่นะว่าบทพี่ทิชาคือพี่เบล แต่พอมาเจอตัวจริงปุ๊บ ผมรู้สึกว่าพี่เขาน่ารัก มันไม่ช่องว่างอะไรมากมายในการส่งบท มันเลยทำให้ผมยิ่งเป็นตัวเองมากขึ้นไปอีก พอมันเล่นเป็นตัวเองก็รู้สึกว่ามากี่ซีนผมก็ยิ่งสนุกครับ"
"เรื่องหน้านิ่งจะบอกว่าเพื่อน ๆ ผมส่วนใหญ่บอกว่าผมเป็นหน้ากวนอยู่แล้ว เราก็เลยเอาหน้าแบบนี้มาเป็นเสน่ห์ให้คนดูชอบยิ่งขึ้น ดีใจนะที่ทุกคนชอบ คอมเมนต์แตกเลย แอบส่งข้อความชื่นชมมาให้เยอะมาก ผมไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันครับว่าจะได้รับความชื่นชมเยอะขนาดนี้ คือมันไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะเป็นกระแสไวรัลภายในหนึ่งคืน ผมไม่ได้เป็นคนเล่นทวิตเตอร์ พอคนส่งมาให้ ผมก็ไปดูตื่นเต้นมากเลยครับ คนพูดถึงเยอะมาก เลยรู้สึกว่าเราทำได้ไง ต้องขอบคุณพี่เบลด้วยครับที่ทำให้คนดูสนใจในตัวละครนี้ขึ้นมา"