เกลนน์ โคลส (Glenn Close) นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์วัย 74 ปี เปิดปมทางใจที่เป็นแผลบอบช้ำมาถึงปัจจุบันจากการที่ได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กหลายสิบปีในลัทธิหนึ่ง ผ่านทางซีรีส์ The Me You Can't See ของ Apple TV+ ซึ่งคุณพ่อของเธอนั้นเป็นผู้พาครอบครัวไปเข้าร่วมทั้งแต่ปี 1954 ที่เธอนั้นอายุได้เพียง 7 ปี โดย โคลส เผยว่าคุณพ่อของเธอนั้นจริงจังกับการเข้าลัทธินี้มากขนาดย้ายครอบครัวไปยังสำนักงานหลักในสวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นนาน 15 ปีก่อนเธอจะออกมาตามหาความฝันเรียนต่อที่เวอร์จิเนียเมื่ออายุ 22 ปี
"มันเหมือนลัทธิศาสนาหนึ่งเลยค่ะ เหมือนทุกคนพูดอะไรเหมือนกัน ๆ มีกฏเกณฑ์และการควบคุมอะไรมากมาย มันเป็นอะไรที่แย่มากค่ะ และเป็นเพราะการบ่อนทำลายทั้งทางอารมณ์และทางจิตของลัทธิ มันทำให้ฉันไม่เคยประสบความสำเร็จในความสัมพันธ์ใน หรือการหาคู่แท้ของฉัน ซึ่งฉันรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับมันมากค่ะ ฉันคิดว่าธรรมชาติของเราถูกสร้างมาให้เชื่อมโยงเกี่ยวดองกันแบบนั้น ฉันไม่คิดว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนจุดทริกเกอร์ของคุณได้หรอก แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถระวังมันได้ และก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้คุณกลายเป็นคนเปราะบางได้ โดยเฉพาะเรื่องราวของความสัมพันธ์"
เจสซี่ และ โคลส ใน "The Me You Can't See" (Apple TV+)
โคลส ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าน้องสาวของเธอเองก็ได้รับผลกระทบในแบบเดียวกัน "มันน่าทึ่งเหมือนกันนะคะที่เรื่องที่คุณต้องผ่านมันมาให้ได้ในวัยเด็กยังคงส่งผลกระทบแบบนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นความหวาดกลัวในวัยเด็กค่ะ ฉันได้รับบอบช้ำทางจิตใจไปแล้ว ฉันยังจำวันที่ลูก ๆ ของน้องสาวอยู่บนรถแล้วเธอข้ามถนนมาหาฉันเพื่อพูดว่า 'ช่วยฉันด้วย ฉันหยุดคิดฆ่าตัวตายไม่ได้เลย' สำหรับฉันนั่นคือเรื่องที่ช็อกมากค่ะ สุดท้ายแล้วเธอจบด้วยการเข้าโรงพยาบาล ฉันพาเธอไปที่นั่นและเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไบโพลาร์ เธอยังบอกฉันอีกว่าเธอกลัวว่าพ่อแม่คนอื่น ๆ จะรู้ว่าเธอเป็นไบโพลาร์ แล้วห้ามไม่ให้ลูก ๆ ของพวกเขาเล่นกับลูกสาวของเธออีก"
ที่มา: People.com | Etonline.com