ไพรัช คุ้มวัน
Episode 1: นักล่าแต้ม (Pregnant)
Episode 3: มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies)
Q: รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมากำกับซีรีส์เด็กใหม่
ตื่นเต้น เพราะรู้สึกว่าเป็นโปรเจ็คต์ที่สนุกตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว พอมาถึงที่ซีซั่น 2 เราพอจะเดาได้ล่วงหน้าว่าการทำงานมันต้องสเกลใหญ่ขึ้น มีอะไรให้โชว์ ให้เล่นได้มากขึ้น และอีกอย่างรู้สึกว่าเด็กใหม่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้กำกับได้โชว์ไอเดียของตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ
Q: คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง และ ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร
การที่ซีซั่นนี้ได้ร่วมงานกับ Netflix การทำงานก็เป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น เราก็มีอิสระในการใช้จินตนาการและความคิดมากขึ้น ด้วยหลายๆอย่างที่มาซัพพอร์ต ทำให้เราสามารถถ่ายทอดภาพในหัวเกี่ยวกับแนนโน๊ะและเรื่องราวให้ออกมาเป็นจริงได้สมบูรณ์ขึ้น
Q: ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เรื่องนี้
เนื่องจากกระแสของซีซั่น 1 ค่อนข้างดี การกลับมากำกับครั้งนี้เลยมีทั้งความท้าทายและความกดดันที่มาพร้อมกัน แต่โชคดีที่ในซีซั่นนี้เราได้นักแสดงรับเชิญที่เบอร์ใหญ่ขึ้น แต่ละคนมีชื่อเสียงและความสามารถมาก ทำให้ซีซั่นนี้มีพลังมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แขกรับเชิญก็จะมาเป็นเหยื่อของแนนโน๊ะในแต่ละตอน
Q: สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร
เป็นเหมือนบาปของแต่ละคน ที่จะตามมาหลอกหลอนและเอาคืน
Q: นอกจาก EP ที่เรากำกับแล้ว ถ้าเลือกได้อยากลองกำกับ EP ไหน
จริงๆ EP ที่ผมกำกับคือ EP 1 Pregnant และ EP 3 มินนี่ 4 ศพ ค่อนข้างเป็น EP ที่ผมอยากกำกับเป็นพิเศษอยู่แล้ว ก็โชคดีที่ได้กำกับในตอนที่เรามีความถนัดและสนใจ แต่ถ้านอกเหนือจากตอนของเรา ผมอยากลองกำกับ EP สุดท้าย รู้สึกว่าน่าจะได้เล่นและนำเสนออะไรเยอะเหมือนกัน เพราะมันเป็นเหมือนบทสรุปทั้งหมดของเรื่องราว
Q: เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีผู้กำกับหลายคน กำกับแต่ละ EP มีวิธีอย่างไรให้ในแต่ละ EP คุมโทนให้อยู่ในโทนเดียวกัน
ก่อนที่จะเปิดกล้อง ผู้กำกับและทีมงานแต่ละคนได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกัน มาแชร์สิ่งที่ตัวเองคิด สุดท้ายก็จะได้จุดร่วมตรงกลาง และมีแก่นให้แต่ละคนยึด ถึงแม้ว่า mood & tone ในแต่ละตอนจะมีความแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่จุดประสงค์ของเรื่องจะเหมือนกันและไม่หลุดคอนเซ็ปต์ที่วางไว้
Q: เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง
เริ่มจากคิทตี้ที่เป็นแนนโน๊ะ ผมสนุกมากในการทำงานกับคิทตี้ เพราะเขาจะเป็นคนไอเดียเยอะ เวลาแสดงผมจะลองให้เขาได้เล่นในแบบที่เขาคิดไปก่อน แล้วค่อยลองให้เล่นในแบบที่เราดีไซน์เอาไว้ เพราะบางครั้งสิ่งที่คิทตี้เขานำเสนอออกมา มันน่าสนใจและเป็นสิ่งเราเองอาจจะนึกไม่ถึง เพราะเขารู้จักตัวละครแนนโน๊ะดีมาก
ส่วนนักแสดงรับเชิญที่ได้ร่วมงานด้วย อย่าง เจมส์ ที่มารับบทนะนายในตอนแรก เป็นการทำงานที่สนุกมาก เจมส์เป็นคนพลังงานเยอะ แรงดีไม่มีตก และเขานำเสนอตัวละครไปได้ไกลกว่าที่ผมคิด เป็นนักแสดงที่ผมอยากทำงานด้วยมานานแล้ว เขาจะเป็นเด็กดี มีความตั้งใจทำงานมาก ยิ่งได้มาแสดงร่วมกับน้องนนท์ ที่เล่นเป็นเจ๋ง เพื่อนสนิทนะนายในเรื่อง เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ดูแล้วเราเชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ทั้งๆที่สองคนนี้เพิ่งรู้จักกัน
สำหรับแพทริเซีย ที่มารับบทมินนี่ในตอน 3 เดิมทีเขาจะเล่นละครเป็นหลัก ตอนแรกเราก็นึกภาพไม่ออกว่าพอให้เขามาเล่นซีรีส์ที่มีการแสดงที่แตกต่างออกไปจากละคร เขาจะเล่นออกมายังไง แต่เขาเซอร์ไพรส์เรามาก เพราะถือว่าเขาทำได้ดีและเป็นอีกคนที่แรงไม่ตกเหมือนกัน เพราะทุกซีนที่ถ่ายทำมีเขาอยู่เกือบตลอด และส่วนมากจะเป็นซีนใหญ่ๆทั้งนั้น และเขาเองก็ตื่นเต้นมากที่ได้มาเป็นมินนี่ เพราะฉีกจากบทบาทเดิมที่เขาเคยได้รับ
Q: แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร
แนะโน๊ะจะมีมิติมากขึ้น และเริ่มตั้งคำถามกับบางสิ่งมากขึ้น
Q: คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้
อยากให้สนุกกับแนนโน๊ะ ผมเชื่อว่าพอดูจบแล้วแก่นของเรื่องมันจะสื่อสารออกมาเอง และเรื่องนี้มันบันเทิงมากๆ มีครบทุกรสชาติ ตั้งแต่ ดราม่า สืบสวนสอบสวน ฆาตกรรม เขย่าขวัญ
Q: รู้สึกอย่างไรที่ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 จะได้ฉายใน Netflix ที่มีผู้ชมมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก
ตื่นเต้น เลยใส่กันเต็มที่ ผู้กำกับแต่ละคนพยายามที่จะจัดเต็ม ไม่ให้น้อยหน้ากัน เพื่อให้คนดูทั่วโลกสนุกไปกับเรื่องราวของเรา
คมกฤษ ตรีวิมล
Episode 2: True Love
Episode 5: รับน้อง (SOTUS)
Episode 8: อวสานแนนโน๊ะ (The Judgement)
Q: คิดว่าความเด็กใหม่ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร
ในซีซั่น 2 นี้ ได้ร่วมงานกับ Netflix ซึ่งค่อนข้างมีผลกับผลงานที่ออกมานะ ในแง่ของคุณภาพงาน เค้าใส่ใจในรายละเอียด ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่ pre-production ไปจนถึง post-production เพื่อให้ถึงมาตรฐานของเขา และสามารถเอาไปฉายทั่วโลกได้
Q: ซีนไหนที่ชอบที่สุด
อยากตอบเหมือนดาราว่าชอบทุกตอน (หัวเราะ) อย่าง EP 2 มันจะมีความยียวน กวน เพี้ยน เน้นประเด็นความรัก เป็นแนนโน๊ะที่ซอฟท์สุดแล้ว EP 5 ก็เน้นแอคชั่น จังหวะบีบคั้นหัวใจ มีการใช้เทคนิค handheld กับกล้องให้เหมือนมุมมองของตัวละครจริงๆ ส่วน EP 8 นี่ชอบประเด็นของมัน การให้ทางเลือก ความรักของแม่ลูก ความซับซ้อน เรื่องบางเรื่องมันตัดสินผิดถูกไม่ได้ง่ายๆ เป็นอีพีปิดซีซั่นที่สมศักดิ์ศรีนะ
Q:ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เรื่องนี้
ตอนทำซีซั่น 1 มันมีความท้าทายในส่วนของตัวละครค่อนข้างมาก เรื่องนี้ให้อารมณ์ที่ต่างจากงานก่อนๆ ที่เคยทำมา ผมได้เห็นคิทตี้หลังจากการเวิร์คช็อปตัวละครตัวนี้ เขาตีความตัวละครได้สดใหม่ มีความแฟนตาซีสูงมาก ตรรกะต่างๆ ไม่เหมือน common sense ที่เราคุ้นเคย เราไม่สามารถใช้เหตุผลกับตัวละครตัวนี้ได้เลย แล้วยังมีประเด็นสังคมในแต่ละตอน ที่อาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แค่ไม่เคยมีใครนำเสนอมันออกมาตรงๆ ซึ่งเราก็ต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ให้มันฉายในประเทศไทยได้ด้วย
ซีซั่น 2 ก็ท้าทายมากขึ้น ด้วยความที่บางประเด็นมันดาร์คกว่าเดิม แต่ก็จะมีรสชาติบางอย่างที่แตกต่างออกไป มีอะไรเซอร์ไพรส์คนดูได้อีก
Q: เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง
ผมประทับใจเอม (รับบท เค) นะ ตอนแสดงเขาอินมาก เขาสร้างคาแรกเตอร์ของรุ่นพี่เคขึ้นมา ซึ่งตัวละครนี้มันมีคาแรกเตอร์ที่ลึกมาก เขาทำออกมาได้ดีเลยแหละ แล้วผมก็โชคดีที่นักแสดงทุกคนเคยดูซีซั่น 1 มาแล้ว ทุกคนเป็นนักแสดงคุณภาพและมีฝีมือจัดจ้านกันทุกคน
Q: ในซีซั่นนี้ แนนโน๊ะ มีความเหมือนหรือต่างจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร
เราจะได้เห็นแนนโน๊ะที่ครุ่นคิดมากขึ้น มีทัศนคติต่ออะไรบางอย่างชัดขึ้น เห็นการกระทำต่างๆ คนดูได้รู้จักเขา ได้เห็นเขาในมุมอื่นๆ มากขึ้น มีความอ่อนแอ มีความลังเล เป็นตัวละครที่มีมิติมากขึ้น
Q: คิดว่าสุดท้ายแล้ว เด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม และผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้
ความสนุก ความตื่นเต้น การได้ลุ้น การได้เห็นว่าการทำความผิดแบบนี้ มันมีผลอะไร ธรรมชาติของแนนโน๊ะ คือการให้ทางเลือกกับคนว่าจะถลำลึกต่อ หรือจะกลับตัว คนดูจะรู้สึกว่า ทำไมตัวละครนี้ทำแบบนี้ ตัดสินใจแบบนี้ แล้วในฐานะคนดู เราคล้อยตามหรือโต้แย้ง ผมมองว่ามันเป็นการเทสต์ moral ground ของคนดูเหมือนกัน ผู้ชมจะได้มีความเห็นกับตัวละคร ได้ข้อสรุปของตัวเอง ได้มุมมองใหม่ๆ ด้วยเนื้อหาของซีรีส์ชวนให้ตั้งคำถาม ชวนให้คิด
Q: อยากฝากอะไรถึงคนดูไหม
ให้ดูเรียงจากอีพี 1 ถึง 8 นะ อย่าดูข้าม มันจะไม่ได้อรรถรส
สิทธิศิริ มงคลศิริ
Episode 4: กำเนิดยูริ (Yuri)
Q: รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมากำกับซีรีส์เด็กใหม่
ยินดีมากๆ เพราะเราได้ทำมาตั้งแต่ซีซั่น 1 มีความรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดแนนโน๊ะ พอมีซีซั่น 2 แล้วเราได้กลับมาทำอีกก็รู้สึกว่าน่าสนุก เพราะเราก็มีความผูกพันกับแนนโน๊ะ
Q: คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง และ ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร
สิ่งที่แตกต่างคือ ประเด็นที่มีความร้อนแรงขึ้นในแต่ละตอน และมีตัวละครใหม่เพิ่มเติมเข้ามา โดยที่ตัวละครนี้มีผลต่อแนนโน๊ะและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเรื่อง
Q: รู้สึกกดดันมั้ยในการกลับมากำกับซีซั่น 2 เพราะซีซั่น 1 มีผลตอบรับที่ดี
ไม่รู้สึกกดดันเลย เพราะเรามั่นใจในทีมงานทุกคนมาก ตั้งแต่ทีมครีเอเตอร์ ทีมเขียนบท ไปจนถึงนักแสดงและทีมเบื้องหลังทุกคน ทุกคนทำงานทุ่มเทกันเต็มที่มาก เมื่อมีคอนเซ็ปต์ที่ดี บทที่ดี นักแสดงที่ดี รวมถึงทีมงานที่ดี เราเลยไม่กังวลอะไร แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
Q: สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร
แนนโน๊ะ เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัว อาจจะซ่อนอยู่โดยที่เราไม่คาดคิด และคอยกระซิบส่งเสียงอะไรบางอย่าง ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าแนนโน๊ะคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
Q: ช่วยเล่าถึงตอนที่กำกับให้ฟังหน่อย
ผมกำกับตอน 4 คือตอนกำเนิดยูริ แนะโน๊ะ เป็นเด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนที่ยูริเรียนอยู่ และแนนโน๊ะจะพาเราไปรู้จักยูริ เป็นตอนที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจและอยากกำกับอยู่แล้ว เพราะยูริเป็นตัวละครที่สำคัญ และเราก็อยากจะถ่ายทอดตัวละครนี้ให้คนดูได้รู้จัก
Q: แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร
ซีซั่นแรกแนนโน๊ะจะมีพลังแห่งความเกรี้ยวกราด มาในซีซั่นนี้แนนโน๊ะจะมีความเติบโตขึ้น เหมือนเติบโตไปตามซีรีส์
Q: ประสบการณ์การถ่ายทำที่ประทับใจ
ประทับใจการทำงานกับนักแสดง ทั้งคิทตี้ที่รับบทแนนโน๊ะ และนิ้งที่รับบทยูริ คิทตี้มีความเป็นมืออาชีพเหมือนเดิม เขาเป็นนักแสดงที่เก่ง พลังไม่ตกเลย จำบทได้เป๊ะมาก ไม่มีผิด จำได้แม้กระทั่งส่วนที่ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นนักแสดงคุณภาพ ทำให้การถ่ายทำราบรื่น
ส่วนนิ้งก็มีความเป็นมืออาชีพเช่นเดียวกัน ช่วงที่เริ่มโปรเจ็คต์ใหม่ๆ เขาเพิ่งพักฟื้นจากการผ่าตัดสมอง แต่เขาอยากเล่นเรื่องนี้มาก เขาเลยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด มีความตั้งใจมาก
Q: ซีนที่ชอบหรือประทับใจ
ในตอนที่ผมกำกับ ผมจะชอบซีนสุดท้ายของตอนมากเป็นพิเศษ เพราะจะรวมนักแสดงหลักของตอนนั้นไว้ทั้งหมด และเป็นการเชือดเฉือนกันด้วยการแสดง
Q: แก่นของ EP ของเราคืออะไร
แสดงให้เห็นถึงเรื่องของชนชั้น การรังแก การกดขี่ ไปจนถึงการอยากได้อยากมี
Q: เด็กใหม่ซีซั่น 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม
เมื่อมีเรื่องราวหรือประเด็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม มันมีแง่มุมที่มองได้หลายแบบ เราจะมีวิธีการรับมือหรือจัดการหรือรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร อย่างวิธีของแนนโน๊ะในเด็กใหม่ซีซั่น 2 ก็เป็นอีกวิธีคิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ต้องลองติดตามกัน
Q: คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้
อยากให้ผู้ชมได้ทั้งความสนุก และ ได้ลองขบคิดไปกับสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอ ว่าเป็นคุณจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องอย่างไร ถ้ามีอำนาจแบบแนนโน๊ะจะเลือกวิธีการเดียวกับแนนโน๊ะมั้ย ต้นตอของปัญหาจริงๆคืออะไร หรือเราจะเลือกแก้ตั้งแต่ต้นตอเลยดี
ปวีณ ภูริจิตปัญญา
Episode 6: ห้องสำนึกตน (Liberation)
Q: รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาร่วมงานกับเด็กใหม่
ตอนได้รับการชวนก็รู้สึกสนใจทันที เพราะแนนโน๊ะซีซั่น1 มีคอนเซปต์เรื่องที่น่าสนใจมากๆ เป็นซีรีส์วัยรุ่นที่พูดถึงด้านมืดของมนุษย์ ตีแผ่เรื่องราวเลวร้ายในสังคมออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงและสนุก ถ้ามีโอกาสได้มากำกับก็น่าจะได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน
Q: คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง / ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร
ไดเรคชั่นของการเล่าเรื่องจากมุมมองของผู้กำกับแต่ละคนครับ ซีซั่นนี้จะหลากหลายขึ้น เข้มข้นขึ้น ดารารับเชิญแต่ละตอนก็พีค ส่วนเรื่องราวของตัวละครแนนโน๊ะก็จะเข้มข้นมากขึ้นด้วย
Q: ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เรื่องนี้
ท้าทายมากๆครับ เพราะเค้าทำมาไว้ดีมากๆ เราเหมือนเป็นเด็กใหม่คนเดียวที่เข้ามากำกับซีซั่นสอง ต้องพยายามทำความเข้าใจแกนหลักของเรื่อง ของตัวละคร เพื่อให้แก่นของเรื่องยังคงเดิม และก็พยายามสอดแทรกไอเดียใหม่ๆที่ซีรีส์นี้ไมเคยทำมาก่อนด้วยครับ
Q: สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร
แนนโน๊ะคือสิ่งที่ทำให้เราได้ระบายความเก็บกดที่อยู่ในใจออกมาผ่านเรื่องราวสมมติ
Q: กำกับ EP ไหนบ้าง / ช่วยเล่าเรื่องย่อ EP ที่กำกับให้ฟังหน่อย
กำกับ EP 6 ห้องสำนึกตน (Liberation) ครับ แนนโนะย้ายมาโรงเรียนใหม่ (อีกแล้ว 55) แต่ที่นี่เมื่อเทียบกับสิ่งที่แนนโนะได้เจอมาในโรงเรียนก่อนๆจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆไปเลย เพราะปีศาจไม่ใช่แค่ครู หรือนักเรียนคนใดคนหนึ่ง แต่ปีศาจคือโรงเรียนแห่งนี้
Q: นอกจาก EP ของเราเองแล้ว อยากลองกำกับ EP ไหนอีกมั้ย
จริงๆ อยากทำตอนของตัวเองให้ยาวกว่านี้ครับ เพราะมีเรื่องราวที่เราอยากจะพูดอีกหลายอย่าง ถ้าได้ซักสองตอนติดกันนี่น่าจะดี
Q: เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง
เพิ่งเคยร่วมงานกับคิทตี้เป็นครั้งแรกครับ ถึงแม้จะเคยเจอกันตามงานต่างๆมาก่อน ดูงานที่ผ่านมารู้เลยว่าน้องคนนี้มีของ แล้วพอได้ทำงานร่วมกันก็ประทับใจมากๆ ด้วยความเก่งกาจของเค้า คิทตี้ทำให้การทำงานยากๆกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
ตอนนี้ได้พี่เมย์ ภัทรวรินทร์มาร่วมแสดงในบทครูฝ่ายปกครองด้วย ถือเป็นการร่วมงานครั้งที่สองจาก Body#19 สิบสี่ปีผ่านไป พี่เมย์ยังทรงพลังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเก๋า แค่สายตาที่มองมาก็ทำเอาคนดูขนลุกแล้วครับ
น้องนิ้งที่รับบทยูริ นี่ก็ถือเป็นดาวรุ่งคนใหม่เลยครับ จับตาดูให้ดีๆ
อีกคนที่ต้องพูดถึงคือ ต่าย ชุติมา คนนี้ก็เจอกันบ่อยๆ พอมีโอกาสเลยชวนน้องมารับบทด้วย ต่ายทำได้ดีมากๆกับบทครูที่ยอมจำนนต่อระบบ
Q: คิดว่าสุดท้ายแล้ว เด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม
ทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง
Q: คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้
นอกเหนือจากความสนุก ตื่นเต้น ได้พบกับมุมมองในการมองโลกแบบแนนโน๊ะ ผมมั่นใจว่าในแต่ละตอนจะทำให้คนดูรู้สึกอยากตีอกชกกำแพงแน่นอน
Q: ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Netflix และ ผลงานการแสดงของเรามีโอกาสได้ฉายไปทั่วโลกกว่า 190 ประเทศ
ตอนทำงานก็สนุกมากๆครับ ตอนนี้ก็ตื่นเต้นที่จะมีคนได้ดูงานที่เราทำมากขึ้นกว่าเดิม..แบบมากๆๆๆ หวังว่าทุกคนจะชอบมันนะครับ และก็หวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกับ Netflix ต่อไปในอนาคตครับ
จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์
Episode 7: JennyX
Q: สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร
แนนโน๊ะเป็นเหมือนคอนเซ็ปต์ความเชื่อต่อโลกใบนี้ ความเชื่อเกี่ยวกับความยุติธรรมบนโลกนี้ ซึ่งบางทีความถูกต้องไม่ได้มาด้วย ผมมองว่ามันซ้ำซ้อนกับศาลเตี้ยนะ บางสถานการณ์ต้องการตัว drive เพื่อผลักดันสถานการณ์นั้นไปสู่จุดที่เกินจะหวนกลับ มันเป็นคอนเซ็ปต์ที่ไม่สามารถทำได้ในโลกของความเป็นจริง
แนนโน๊ะเหมือนเป็นการเติมเต็มความเชื่อให้มนุษย์ เรื่องบางอย่างเรามีคำถามว่า ทำไม? การมีแนนโน๊ะเข้ามามันตอบคำถามหรือต่อจิ๊กซอว์ส่วนนั้นได้พอดี ทำให้ตรรกะนั้นสมเหตุสมผลมากขึ้น
Q: แก่นของ EP ของเราคืออะไร
ใน EP 7 คอนเซ็ปต์มันเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่เห็นตัวเอง ซึ่งไม่มีใครผิดหรือถูกนะ โลกมันหมุนเร็วจนเราเห็นตัวเองจากคนอื่นมากกว่า เราไม่มีเวลานั่งครุ่นคิดอยู่กับตัวเองมากพอจนตกผลึก เราขาดสติและไหลไปตามกระแสสังคมและคนรอบตัว
ผมคิดว่ามันเหมือนเวลาเราแสดงอยู่บนเวที แล้วแสงสปอตไลท์สว่างจ้ามันส่องมาทีเราจนเรามองไม่เห็นคนรอบๆ มองไม่เห็นคนดู แล้วเราก็ถามตัวเองว่า ทำไมเหงาจัง ทำไมไม่เห็นใครอยู่ข้างเราเลย แล้วพอมีคนอย่างแนนโน๊ะมาสะกิด มาชักจูง มันจะเกิดอะไรขึ้น
สังคมเราตอนนี้มันขาด Critical Thinking เนตไอดอลทั้งแบบมีสติและไม่มีสติถูกสังคมอุ้มชูขึ้นมา การเป็นคนดังเป็นไอดอลมันมี privilege ของมันอยู่แหละ แต่ถ้าหากคนๆ นั้นไม่โตพอ ไม่มีวุฒิภาวะพอ ไม่รู้เท่าทันสังคมออนไลน์มากพอ และไม่มีวิธีจัดการที่ดี มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขาได้เหมือนกัน
Q: ช่วยเล่าถึงตอนที่กำกับให้ฟังหน่อย
อย่างที่บอกว่ามันเป็น EP ที่ตั้งคำถามกับตัวตน และการไม่รู้จักตัวเอง ซึ่งเจนนี่ก็เป็นเนตไอดอลใสๆ ที่เบื่อชีวิตการเป็นไอดอลแล้วอยากทำอะไรตามใจตัวเอง ในขณะเดียวกัน แนนโน๊ะก็ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าถ้าทำตามความเชื่อของตัวเอง มันถูกต้องหรือเปล่า มันมีอยู่ซีนหนึ่งที่ เจนนี่ถามแนนโน๊ะว่า “เธอต้องทำกับเราขนาดนี้เลยเหรอ?” มันมีความไม่สมเหตุสมผลของแนนโน๊ะอยู่ เพียงเพื่อที่จะพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง
Q: เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง
เป็นการทำงานที่ค่อนข้างง่ายครับ อย่างน้องมินนี่ เรื่องฝีมือเค้าระดับมือรางวัล ไม่ต้องห่วงเลย เค้าเก่ง และเข้าใจงาน แล้วทั้งคิทตี้ และนิ้ง ก็เป็นนักแสดงที่สนิทอยู่แล้ว ถึงสไตล์วิธีการทำงานจะต่างกันไปบ้าง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ก็ทำให้การทำงานด้วยกันมันง่ายครับ
Q: ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Netflix และผลงานของเรามีโอกาสได้ฉายไปกว่า 190 ประเทศทั่วโลก
ภูมิใจครับ จริงๆ ภูมิใจตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว พอได้มากำกับรอบ 2 ก็เป็นความท้าทายที่อยากทำให้ดีขึ้นไปอีก
คงเดช จาตุรันต์รัศมี (ผู้เขียนบท)
Q: ในฐานะที่เราเป็นผู้เขียนบท เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดแนนโน๊ะ รู้สึกอย่างไรที่ซีรีส์เด็กใหม่ได้รับโอกาสให้มีซีซั่น 2
หลังจากซีซั่น 1 ออกฉายเรียบร้อย และได้รับกระแสดีมาก เราก็คุยกับทั้งทีมงานและได้ยินจากคนอื่นๆ ด้วย ว่าอยากให้มีภาคต่อ ก็ลุ้นอยู่ตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในที่สุดพอแนนโน๊ะได้กลับมาอีกครั้งก็ดีใจมากๆ
Q: คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง / ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร
เราตั้งใจไว้ว่าถ้ามีซีซั่น 2 อย่างแรกเลยคือซีซั่นนี้ต้องเดือดมากกว่าเดิม พูดถึงปัญหาที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น และตัวละครแนนโน๊ะจะต้องมีการพัฒนาจากเดิม ไม่ใช่แค่เรื่องราวจบในตอนเฉยๆ แต่ว่าจะต้องมีอะไรให้น่าติดตามมากกว่านั้น ทั้งหมดนี้คือโจทย์ของเราตั้งแต่ต้นเลย
Q: ในซีซั่น 2 ได้มีการหยิบยกเหตุการณ์จริงที่เป็นข่าว มานำเสนอ ทำไมถึงเลือกที่จะนำเสนอเหตุการณ์เหล่านี้
เรื่องการนำเสนอเหตุการณ์จริง เป็นคอนเซ็ปต์ของแนนโน๊ะและซีรีส์เด็กใหม่อยู่แล้ว เพราะมันจะต้องสะท้อนอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นตั้งแต่ซีซั่นแรกเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวต่างๆอยู่แล้ว พอมาในซีซั่น 2 เราก็ใช้รูปแบบเดิม แต่อย่างที่บอกว่ามันมีประเด็นที่ร่วมสมัยมากขึ้น และเราก็ไม่นำมาเสนอตรงๆ เรานำมาเป็นแรงบันดาลใจ และมีการครีเอทสถานการณ์ต่างๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมลงไปอีก
Q: สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร
เราไม่ตีกรอบว่าแนนโน๊ะคืออะไรเป็นพิเศษ จะว่าเป็นกรรมก็ใช่ เป็นการแก้แค้นก็ใช่ มันตีความได้หลายอย่าง เพื่อที่ว่าพื้นที่ของความเป็นแนนโน๊ะจะได้ไปได้ไกลขึ้น เป็นอะไรได้เยอะขึ้นในอนาคต
Q: เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีผู้กำกับหลายคน กำกับแต่ละ EP ผู้กำกับแต่ละท่าน มีมาปรึกษาถึงรายละเอียดการตีความและดีเทลของบทบ้างมั้ย
จะมีหลายๆคนมาปรึกษาครับ อย่าง เอส (คมกฤษ ตรีวิมล) หรือ โดม (สิทธิศิริ มงคลศิริ) เวลาเขาอ่านบทแล้วเขามีไอเดียอะไรเพิ่มเติม เช่น อยากจะปรับบางส่วน หรือเพิ่มบางอย่าง เขาก็จะมาปรึกษา และเวลาเราเขียนบทเสร็จ และบทไปอยู่ในมือผู้กำกับแล้ว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะนำไปเพิ่มเติมหรือปรับอะไรต่างๆ แต่ว่ามันก็จะอยู่บนการพูดคุยกันว่ามันควรจะเป็นยังไง แรกเริ่มที่เราคิดไว้มันเป็นแบบไหน เราเห็นตรงกันหรือเปล่า แต่งานสร้างสรรค์มันก็จะเป็นลักษณะนี้ คือเราสามารถแชร์ไอเดียกันได้
Q: ในฐานะที่พี่คงเดช ก็เป็นผู้กำกับด้วย นอกจากเขียนในเด็กใหม่แล้ว เคยอยากกำกับดูบ้างมั้ย / ถ้าเลือกได้อยากลองกำกับ EP ไหน
ตั้งแต่ซีซั่น 1 ก็มีหลายตอนนะครับ ที่เคยคิดว่าถ้าเรากำกับจะเป็นยังไง ส่วนใหญ่จะมีความคิดลักษณะนี้มากกว่าที่จะอยากกำกับตอนไหนเป็นพิเศษ เพราะงานกำกับมันจะเป็นเรื่องของรสมือแต่ละคน ว่าจะสร้างสรรค์ออกมาในลักษณะไหน มีรสนิยมแบบไหน และเวลาเรานั่งดูงานที่เสร็จออกมา ความสนุกมันก็อยู่ตรงนี้ด้วยว่ามันออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้เหมือนกันนะ ทำให้ทั้งๆที่เราเป็นคนเขียนบทเอง แต่เวลาที่เรานั่งดูเราเลยยังรู้สึกสนุกกับมันอยู่เสมอ
แต่ถ้าให้เลือกกำกับสักตอนจริงๆในซีซั่น 2 เราอยากลองกำกับตอนกำเนิดยูริ เพราะเป็นตัวละครที่น่าสนใจและเราอยากลองเล่าถึงตัวละครนี้ดู
Q: แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร
เราจะเห็นเจตจำนงและอุดมการณ์ของแนนโน๊ะมากขึ้น เห็นว่าแนนโน๊ะจะเลือกทำสิ่งนี้ แต่ไม่ทำสิ่งนี้ เพราะอะไร
Q: คิดว่าสุดท้ายแล้ว เด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม
อยากให้แนนโน๊ะทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติขึ้นในสังคม แล้วเริ่มตั้งคำถาม และลองคิดดูว่าถ้ายังมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
Q: ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Netflix และผลงานของเรามีโอกาสได้ฉายไปกว่า 190 ประเทศทั่วโลก
ดีใจ เพราะส่วนตัวแพล็ตฟอร์มที่เราดูบ่อยที่สุดก็คือ Netflix เวลางานของเราเองได้ฉายที่ Netflix เลยรู้สึกภูมิใจ และรู้สึกว่านี่เป็นสตรีมมิ่งที่เป็นอันดับ 1 ของโลกประมาณนึงเลย ดังนั้นการที่มีออริจินัลคอนเทนต์จากประเทศไทยที่มีคุณภาพฉายอยู่บน Netflix ก็นับเป็นความก้าวหน้าของวงการหนังและซีรีส์ในบ้านเราไปด้วยในตัว