Screen Rant คว้าตัวนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรง ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) มาจับเข่าพูดคุยเกี่ยวกับการพลิกบทบาทจากหนุ่มน้อยไอ้แมงมุมอันโด่งดังใน Spider-Man จากจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ MCU ไปเป็นหนุ่มที่ต้องทุกข์ทนกับอาการ PTSD หรือภาวะผิดปกติทางจิตใจหลังผ่านประสบการณ์ที่รุนแรงในผลงานใหม่ Cherry ทั้งยังเผยถึงผลงานที่เขาตั้งตารอคอยจากจักรวาลฮีโร่ของเขาในอนาคตอีกด้วย
Q: คุณค้นพบภาพลักษณ์ของตัวละครใน Cherry ได้ยังไง?
ฮอลแลนด์: มันเป็นอะไรที่ยากสุด ๆ ไปเลยที่จะวาดภาพมันออกมาได้ครับ เพราะเราพยายามที่จะเล่าเรื่องราวของคน ๆ หนึ่งที่ต้องผ่านเรื่องต่าง ๆ มากว่า 20 ปีภายใน 2 ชั่วโมง มันจำเป็นต้องมีแผนการในการเล่าเรื่องที่มีกลยุทธ์ ในขณะที่ต้องพัฒนามิติของตัวละครไปด้วย ในตัวหนังมันจะแบ่งเป็น 6 ส่วนเล็ก ๆ ในเรื่องราว เพราะงั้นการหาจุดเชื่อมโยงระหว่างแต่ละเวอร์ชั่นของ Cherry เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากทีเดียวครับ แต่มันก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นในช่วงเตรียมความพร้อมและการหาข้อมูล ผมน่าจะได้สัมภาษณ์ทหารมากกว่า 30 คนที่ต้องทรมานกับภาวะ PTSD และความรุนแรง เพราะงั้นการได้ทำความรู้จักเรื่องราวของพวกเขา และได้รับรู้ว่าพวกเขาผ่านอะไรมาบ้างนั้น มีส่วนช่วยในการออกแบบตัวละครตัวนี้มาก ๆ ครับ
Q: ในด้านของอารมณ์นี่น่าจะเป็นบทบาทที่หินที่สุดตั้งแต่คุณเคยได้รับมา แต่ในด้านร่างกายคุณเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหมือนกัน คุณช่วยเล่าให้ฟังถึงการเตรียมตัวที่คุณต้องทำเพื่อรับบทนี้หน่อยได้ไหม?
ฮอลแลนด์: ได้ครับ มันคือส่วนที่โหดร้ายที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยก็คือการลดน้ำหนัก ประมาณ 3 เดือนก่อนการถ่ายทำ ผมเริ่มหั่นน้ำหนักตัวเองออกมาเรื่อย ๆ มันก็ง่าย ๆ เลยครับ แค่ออกไปวิ่งทุกวันแล้วก็ไม่ได้กินอะไรเลย มันไม่มีวิธีวิเศษอะไรอย่างอื่นที่ผมทำเลยครับ แล้วหลังจากนั้นพอเราถ่ายทำช่วงสุดยอดชีวิตกันเสร็จแล้ว ผมก็เริ่มทำน้ำหนักกลับมาอีกครั้ง ผมเลยสามารถทำอะไรทุกอย่างได้เหมือนที่อยากทำตอนเด็ก ๆ มันหนักหนามากครับ ถึงมันจะจำเป็นแต่ก็โหดจริง ๆ
Q: นักแสดงหลายท่านได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองหลังจากพวกเขาเลือกบทที่ท้าทายแบบนี้ คุณมีวิธีเตรียมตัวรับมือกับสุขภาพจิตใจที่อาจเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง?
ฮอลแลนด์: ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งเดียวเลยที่ผมไม่สามาถเตรียมตัวรับมือได้ เมื่อพูดถึงการท้าทายในด้านร่างกาย ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับสิ่งนั่น การได้เล่นเป็น สไปเดอร์แมน เป็นอะไรที่เด็กหนุ่มสามารถเล่นได้ แต่ในส่วนของสภาพจิตใจในการสร้างหนังเรื่องนี้มันกระทบตัวผมอย่างแรง และผมก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเผื่อไว้สำหรับมันเลยสักวัน ผมจำวันที่ผมถ่ายทำวันแรกได้เลย เราถ่ายทำฉากหนึ่งที่กล้องต้องบินต่ำลง แล้วพุ่งเข้าไปในตัวบ้านขณะที่ผมวิ่งลงบันได นั่นเป็นวันแรกนะที่เราถ่ายทำ แล้วผมรู้สึกเหนื่อยมาก ผมจำได้ว่า รุสโซ่ (ผู้กำกับ) พูดว่า 'อย่าเพิ่งผลาญพลังตัวเองหมดล่ะ เรายังมีอีก 70 วันที่เหลืออยู่นะ' เพราะงั้นส่วนของอารมณ์จิตใจมันค่อนข้างมีผลต่อการสร้างหนังเรื่องนี้มากครับ
Q: เคียร่า เป็นนักแสดงที่อัจฉริยะเช่นกัน คุณช่วยเล่าถึงการทำงานกับเธอหน่อยได้ไหม? เธอถ่ายทอดตัวละคร เอมิลี่ ออกมายังบ้าง มีส่วนที่ไม่มีอยู่ในบทฯ ด้วยรึเปล่า?
ฮอลแลนด์: เธอมีส่วนช่วยอย่างมากในกองถ่ายครับ เราโชคดีมากที่มีเธอ เธอกล้าหาญมากจริง ๆ ผมคิดว่าการต้องมาทำงานในกองถ่ายที่นักแสดงนำผู้กำกับสองคนทำงานจนรู้ใจมานานกว่า 6 ปีน่าจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ถ้ามันจะดูน่ากลัวสำหรับเธอ เธอก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกนั้นออกมา เธอกล้าหาญมาก เธอพร้อมที่จะเสี่ยง และเธอก็พร้อมที่จะลองผิดลองถูกไปด้วยกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมต้องไปในที่หมองหม่นเหล่านั้น เธอจะอยู่ข้างผมเสมอ และเรากลายเป็นทีมเดียวกัน ถ้าผมแตกเป็นเสี่ยง ๆ เธอก็จะอยู่ตรงนั้นเพื่อหยิบชิ้นส่วนต่าง ๆ ประกอบกันจนสมบูรณ์อีกครั้ง เธอสุดยอดมากในหนังเรื่องนี้ และหนังมันจะดีขนาดนี้ไม่ได้เลยถ้าไม่มีเธอ เราโชคดีมากจริง ๆ ที่มีเธอร่วมอยู่ในโปรเจกต์ครั้งนี้ด้วย
Q: มีโปรเจกต์มาร์เวลเรื่องไหนไหมที่คุณตื่นเต้นที่จะดูมากที่สุดหลังจาก WandaVision? ถ้าไม่รวม Spider-Man 3
ฮอลแลนด์: ผมชอบ WandaVision มากในตอนนี้ มันเป็นผลงานของมาร์เวลที่ทำให้ผมตกหลุมรักได้ง่ายที่สุดตั้งแต่เคยดูมาเลย แต่ผมก็ตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับ Falcon and the Winter Soldier เพราะผมดันมีความสัมพันธ์ที่สนิทกันแบบแปลก ๆ กับสองคนนี้อยู่ แต่ผมรักเขาทั้งคู่นะ ผมเลยอยากเห็นว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แล้วผมก็คิดว่า Loki มันดูเท่มาก ๆ เลยด้วย เรายังไปกวนมาร์เวลกันอยู่บ่อย ๆ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อดูว่าพวกเขาปักวันฉายให้กับ Black Widow รึยัง แต่พวกเขาก็ยัง เพราะงั้นถ้าพวกคุณดูอยู่นะ มาร์เวล ได้โปรดทำให้มันสำเร็จสักที เพราะเราอยากดูกันแล้ว!
ที่มา: Screenrant.com