ย้อนกลับไปในปี 2017 มีข่าวปุบปับกะทันหันออกมาว่า แซ็ค สไนเดอร์ (Zack Snyder) ประกาศถอนตัวจากหน้าที่ผู้กำกับ Justice League กะทันหัน เนื่องจากสูญ้สียลูกสาววัย 20 ปีไปจากการคิดปลิดชีวิตตัวเอง ในตอนนั้นกองถ่ายภาพยนตร์ต้องหยุดชะงักไปสองอาทิตย์เพื่อเป็นการไว้อาลัย โดยทาง Warner Bros. pictures คว้าตัว จอส วีดอน (Joss Whedon) มารับหน้าที่กุมบังเทียนแทน เพื่อให้ สไนเดอร์ ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ และล่าสุด สไนเดอร์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Cinema Blend ถึงช่วงเวลาแห่งการสูญเสียดังกล่าว และพูดถึงอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวในตอนนั้นว่า
“ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจบกับมันแล้ว (หนัง Justice League) คือผมอยู่ในจุดที่รู้ดีว่าครอบครัวของผมต้องการผมมากกว่าเรื่องไร้สาระพวกนี้ และผมก็ต้องให้เกียรติพวกเขา ทำให้ดีที่สุดที่จะเยียวยาโลกของทางฝั่งนั้นให้ได้ ผมหมดแรงจะสู้รบกับทางสตูดิโอส์ หมดแรงสู้กับตัวหนัง ตรง ๆ คือเอเนอร์จี้ของผมเหลือแค่ 0 เลย จริง ๆ ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลหลักนะ ผมคิดว่าผมมีโลกอีกใบที่ผมอยู่แล้วผมก็เหนื่อยเหลือเกิน แล้วผมก็มั่นใจว่าผมควรถอนตัวออกมา เพราะการสร้างหนังมันคือการต่อสู้ ถูกต้องไหมล่ะครับ? ผมชินกับมันแล้วนะ แต่ผมหมดพลังไปโดยสิ้นเชิงเลย มันไม่มีไฟแห่งการต่อสู้ในตัวผม ผมถูกทำร้ายโดยสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมาโดยตลอด แล้วผมก็ไม่อยากทำมัน ผมไม่แคร์มันเลยด้วยซ้ำ นั่นแหละคือจุดที่ผมไปถึงเลย”
ปัจจุบันเมื่อทุกอยีางในชีวิตเริ่มลงตัว สไนเดอร์ ตัดสินใจกลับมาทวงบัลลังก์ผู้กำกับ Justice League อีกครั้งโดยสานต่อโปรเจกต์ตัดต่อภาพยนตร์ใหม่เป็นฉบับของตัวเขาเอง โดยมีการลงทุนหลายสิบล้านเพื่อดึงตัวนักแสดงเก่ามาถ่ายซ่อมในหลาย ๆ ฉาก โดยตัวภาพยนตร์จะเป็นภาพยนตร์ฉบับยาว 4 ชั่วโมงให้แฟน ๆ ดูกันอย่างจุใจผ่านทาง HBO Max พร้อมออนแอร์มีนาคมนี้
ที่มา : people.com | air.tv