อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง “โจนาธาน ลิปนิกสกี” เปิดใจถึงชีวิตในฐานะอดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง ที่สุดท้ายภาพความน่ารักสดใสในวัยเด็กกลับกลายเป็นสิ่งที่หลอกหลอน และสร้างความอึดอัดใจให้กับเขาอยู่หลายปี
       
       18 ปีก่อนชื่อ โจนาธาน ลิปนิกสกี และภาพของไอ้หนูผู้น่ารักน่าหยิกจากหนัง Jerry Maguire เคยทำให้คนทั้งโลกตกหลุมรัก และทำให้เขากลายเป็นนักแสดงเด็กที่ดังที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค แต่ในการให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Movies ลิปนิกสกี ที่ตอนนี้อายุได้ 25 ปีเต็มแล้ว ได้เปิดเผยถึงแง่มุมในชีวิตของเขาที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยทราบ ว่าสุดท้ายภาพลักษณ์ “น่ารัก” ที่ทุกคนเคยหลงรักได้กลับกลายเป็นสิ่งที่คอยหลอกหลอน และทำให้อาชีพในวงการบันเทิงของเขาไม่เคยไปไหนไกล
       
       เปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นอารมณ์ขัน
       “ในการออดิชั่นครั้งหนึ่งพวกเขาบอกว่าผมเคยเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ และเอาแต่พูดถึงเรื่องนี้กันไปยกใหญ่เลย … ผมรู้สึกอยู่ลึกๆ ครับ เหมือนตัวเองกำลังโดนตำหนิอย่างรุนแรงอะไรแบบนั้น จนเริ่มรู้สึกเหมือนโดนฉีกหน้า ตอนนั้นอายุ 18 ได้ พอขึ้นรถกลับก็หัวเสียขึ้นมาเลย” ลิปนิกสกี เล่าถึงช่วงที่เขารู้สึกแย่ที่สุด “ตอนนั้นเอเยนต์โทรฯ หาผมแล้วบอกว่า ‘นายทำอะไรลงไปน่ะ พวกเขาบอกว่านายทำตัวงี่เง่ามาก’ ซึ่งผมไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็แค่เรื่องที่ว่าผมเซ็งตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขากลับมองว่าผมแสดงออกเหมือนไม่ค่อยสบายใจ เวลามีใครพูดถึงอดีตของตัวเองเลยทำตัวงี่เง่าออกมา พูดเป็นเล่นน่า?”
       
       หลังเจอเหตุการณ์น่าอึดอัดใจครั้งนั้นไป ลิปนิกสกี จึงระบายออกด้วยการเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ และเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเขียนลงเป็นเรื่องที่อ่านแล้วตลกขบขันอยู่เหมือนกัน “ผมคิดว่าบ่อยครั้งเลยที่มุขตลกจะมาจากสถานการณ์ที่น่าเจ็บปวด และความผิดหวังในชีวิต ซึ่งสำหรับผมมันเป็นเรื่องของความพยายามในการควบคุมความรู้สึกผิดหวังของตัวเองให้ได้ ซึ่งผมเริ่มรู้สึกขึ้นมาในจุดหนึ่งเลย ว่าชีวิตคงห่วยแตกน่าดู ถ้าเราไม่สามารถล้อเลียนตัวเองได้เลย”
       
       ซึ่งจากประสบการณ์อันขมขืนเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ ลิปนิกสกี ร่วมมือกับเพื่อนๆ ในการถ่ายทำคลิปตลกล้อเลียนตัวเองที่ชื่อว่า “You Used To Be Cute” ขึ้นมา จนมีคนคลิ๊กเข้าไปชมถึง 3 แสนครั้งเลยทีเดียว
       
       “เหล้า, ยา, ปัญหาชีวิต” แค่เสียงลือที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
       โดยในคลิปเป็นเรื่องราวที่ ลิปนิกสกี ต้องพบกับปัญหาระหว่างการไปออดิชั่นบทหนังเรื่องหนึ่ง ที่ทีมงานเอาแต่พูดถึงชีวิตในวัยเด็กของเขา และข่าวลือด้านลบเกี่ยวกับ ลิปนิกสกี มากมายที่ทุกคนเคยได้ยินมา ทั้งเรื่องการใช้ยาเสพติด, ต้องเข้ารับการบำบัด และปัญหาขึ้นโรงขึ้นศาล อย่างที่ดาราเด็กหลายๆ คนเจอกัน ซึ่งทีมงานออดิชั่น กลับคิดว่าเรื่องฉาวๆ พวกนี้น่าจะเป็นจุดขายสำหรับการกลับมาแจ้งเกิดในวงการหนังของเขาอีกครั้งเสียด้วย แต่ ลิปนิกสกี ก็ยืนยันคำเดิมว่าชีวิตของเขาไม่เคยมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น อันที่จริงเขาชอบเล่นกีฬา, ไม่ชอบปาร์ตี และไม่เคยแตะต้องยาเสพติดเลยด้วยซ้ำ
       
       หลังจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ลิปนิกสกี เคยอาศัยอยู่ในย่านที่พักอาศัยสุดหรูในแถบซิลเวอร์เลค ลอสแอนเจลิส อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะย้ายออกจากที่นั้นในเวลาต่อมา ซึ่ง ลิปนิกสกี พูดติดตลกถึงเรื่องนี้ว่าตอนนั้นเขาพบว่าตัวเองคงจะ “เจ๋ง” ไม่พอที่จะอยู่ที่นั้นอีกแล้ว โดยเขาเลือกที่จะกลับไปอาศัยในแถบบ้านเดิมที่เขาเติบโตขึ้นมาแทน
       
       ยอมรับอดีต, มีความสุขกับปัจจุบัน, โชคดีที่ได้เจอ “เจอร์รี แม็คไกวร์”
       ปัจจุบัน โจนาธาน ลิปนิกสกี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวอันเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ และยังพอมีงานแสดงให้เห็นอยู่บ้าง โดยปีก่อนเขาเพิ่งจะเป็นแขกรับเชิญของซีรีส์Family Tools ส่วนในปีนี้ก็มีบทเล็กๆ ในหนังแอ็กชั่น Bad Asses ของ 20th Century Fox Home Entertainment ที่มี แดนนี เทรโฮ กับ แดนนี โกรเวอร์ แสดงนำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะเป็นบทเล็กๆ ในหนังประเภทที่ไม่ได้น่าจดจำอะไร แต่ ลิปนิกสกี ก็บอกว่าเขามีความสุขดีกับชีวิตในปัจจุบัน “ทุกวันผมตื่นขึ้นมา และได้ทำงาน แค่นี้ก็สุขแล้วครับ”
       
       ถึงวันนี้ ลิปนิกสกี ไม่ได้รู้สึกกดดันจกความสำเร็จในอดีตเมื่อครั้งตัวเองยังเป็นเด็กตัวน้อยอีกแล้ว ตรงกันข้ามเขารู้สึกว่าเป็นโชคดีด้วยซ้ำ ที่ได้มีส่วนร่วมใน Jerry Maguire หนังในดวงใจของใครๆ หลายคน ซึ่งยังทำให้เขาเป็นที่จดจำได้ทั้งๆ เวลาผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้ว ชนิดเวลาไปที่ไหน ก็ยังมักจะได้ยินประโยคเด็ดจากหนัง เวลาคนทักทายเขา และอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินมุขเด็ดที่ว่า “รู้รึเปล่า? หัวคนเรานี่มีน้ำหนักเท่าไหร่กันแน่?” ซึ่งตัวละครของเขาเคยพูดกับตัวละคร “เจอร์รี แม็คไกวร์” ซึ่งสวมบทโดย ทอม ครุซ ในหนังเรื่องนั้น
       
       “พวกเขาตื่นเต้นเสมอครับที่ได้เจอผม และผมก็ไม่อยากให้ใครต้องผิดหวัง แม้ผมจะคิดอยู่ในใจว่า “แหม รู้รึเปล่านะว่าผมเจอคำพูดประโยคนี้มาเป็นล้านครั้งแล้วใน 17 ปีที่ผ่านมา” แต่ในความเป็นจริงผมก็แต่ตอบกลับไปแค่ว่า “ขอบคุณครับ” เท่านั้นเอง”

ขอบคุณข่าวจาก :: http://www.manager.co.th/