ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > ข่าวหนัง

เปิดตำนานสุดสยอง Malasana ดินแดนต้องคำสาปและถนนแห่งความตาย

8 มิ.ย. 2563 12:07 น. | เปิดอ่าน 1524 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ถ้าพูดถึงเรื่องความโหด แรงอาฆาตของสิ่งลี้ลับ คำสาป หรือมนต์ดำ สเปนถือเป็นประเทศแรก ๆ ที่สายสยองขวัญต้องเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ความน่ากลัว ความโหดร้ายของวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมาน ณ ที่แห่งนี้ รวมไปถึงย่านศิวิไลซ์อย่าง Malasaña ในกรุงมาดริค สถานที่เที่ยวสำคัญแห่งนี้มีเรื่องเล่ามากมาย จนถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนที่ต้องคำสาปมากกว่า 100 ปี 

 

 ถนน อัลโตนิโอ กริโล ถนนสีดำแห่งความตาย 

 

ถนนสายเล็ก ๆ ที่มืดครึ้มที่ดูไม่แตกต่างจากถนนสายอื่น แต่กลับมีการกลั่นแกล้งจากอำนาจบางอย่างจากรัฐบาล ในปี 1945 ยุคกลางหลังจากที่สเปนเปิดพรมแดนให้ชาวฝรั่งเศสอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานรกราก ก็ส่งผลให้ ถนน อัลโตนิโอ กริโล ย่าน Malasaña กลายเป็นแหล่งการค้าขนาดใหญ่ แต่กลับเสื่อมโทรมลงด้วยคดีอาชญากรรมมากมาย รวมไปถึงคดีฆาตกรรมสุดโหดหลายร้อยคดี คดีฆาตกรต่อเนื่อง และยังรวมไปถึงสุสานทารกจำนวน 9 แห่งและศพทารกมากกว่าร้อยศพของคลินิคทำแท้งในช่วงสงคราม ถนนเส้นนี้จึงกลายเป็นถนนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดต่อตารางเมตรในกรุงมาดริค นอกจากนี้ ถนน อัลโตนิโอ กริโล ยังเต็มไปด้วยการคอรัปชั่นและการข่มเหงจากกลุ่มการปกครอง ที่ส่งผลให้ถนนสายนี้กลายเป็นถนนแห่งอำนาจสีดำ

 

 

สี่คดีปริศนาความเป็นมาของ "ถนนแห่งความตาย"

 

 คดีที่หนึ่ง: สารกัดกร่อน 

ในปี 1909 Ramona Díaz Castillo หญิงสาวอัมพาตอายุ 50 ปี เธออาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์หมายเลขสามบนถนน อัลโตนิโอ กริโล ย่าน Malasaña ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความริษยา อาฆาต หลังจากที่สามีของเธอขอจบชีวิตคู่และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงสาวสวย เธอจึงสาดกรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริกใส่คนรักใหม่ของสามีเธอ สารทำลายผิวหนังและกัดกร่อนผิวหนัง จนเกิดความน่ากลัวสยดสยองแก่ผู้พบเห็น

 

 คดีที่สอง: คดีฆาตกรรมช่างตัดเสื้อ 

ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 1945 พวกเขาพบศพ Felipe de la Braña Marcos ช่างตัดเสื้อเชิ๊ตฝีมือดี สภาพเขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงขายาวอยู่บนเตียง ศีรษะเต็มไปด้วยเลือดพิงบนผนัง ในมือข้างหนึ่งของเขามีกระจุกผมกำแน่นอยู่ นสพ.รายงานข่าวว่าเขาไม่ได้ถูกฆาตกรรมด้วยมีดหรือปืน แต่สันนิษฐานว่าถูกฆ่าตายด้วยค้อนหรือกระบอง สิ่งที่แปลกคือเขาอาศัยอยู่ใน อพาร์ทเมนท์หมายเลขสาม เพียงลำพัง ประตูปิดตายจากข้างใน และจากหลักฐานกระจุกผมในมือของศพ แสดงถึงการต่อสู้ เอาชีวิตรอด แต่สภาพห้องกลับไร้ร่องรอยการต่อสู้ และที่น่าขนลุกคือ หลังจากเหตุการณ์นี้สามปี กลับมีการพบศพชายคนหนึ่งในตำแหน่งและลักษณะการตายเฉกเช่นเดียวกับ Felipe ทุกประการ

 

 คดีที่สาม: วิปริตฆาตกรรมหมู่ 

17 ปีต่อมา เช้าวันที่ 1 พฤษภาคม 1962 ช่างตัดเสื้อ José María Ruiz Martínez อายุ 48 ปี เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์หมายเลขสาม ชั้น 3 ประตู D ช่างตัดเสื้อได้ลงมือสังหารหมู่ Dolores Bermúdez Fernández ภรรยาวัย 40 ปี และ Juan Carlos, Adela, Susana, Dolores และ José อายุ 14,12,10, 5 และ 2 ปี ลูกทั้งห้าของเขาทีละคน ด้วยค้อน ปืนและมีดทำครัว จากนั้นเขาอุ้มศพลูกของเขาสามคนไปที่ระเบียงและตะโกนเพื่อให้เพื่อนบ้านได้รับรู้ว่า "ฉันคือฆาตกร" "ฉันรักพวกเขามาก" "ฉันฆ่าพวกเขาทั้งหมด" "และพวกเขาจะอยู่ที่นี่" ก่อนที่เขาจะยิงตัวตายตำรวจได้พาบาทหลวงจากวิหารเซนตาเทเรซา เพื่อเกลี้ยกล่อมจากด้านนอกอาคาร แต่กลับไม่เป็นผล เขาตะโกนกลับออกไปว่า "พระเจ้าไม่เคยรับพวกเขาเข้าบัญชี" ก่อนที่เขาจะใช้ปืนปลิดชีพตัวเองท่ามกลางสายตาประชาชน แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอาจจะไม่ใช่การฆาตกรรมครั้งนี้ หากแต่เป็นเหตุผลในการตัดสินใจที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำของสังคมในยุคนั้น และหนี้สินที่อาจจะทำให้เขาและครอบครัวต้องอพยพจากบ้านหลังเดิม

 

 คดีที่สื่: ศพเด็ก 

สองปีต่อมา 10 เมษายน 1964 คดีที่ต้องทำให้ชาวมาดริคตกใจอีกครั้ง เมื่อ Pilar Agustín Jimeno หญิงสาววัย 20 ปี อาศัยอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอพาร์ทเมนท์หมายเลขสาม เธอแอบคลอดลูกเองที่บ้านและตัดสินใจฆาตกรรมลูกของตัวเองด้วยการกดน้ำ เพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด ความอับอายและการถูกปฎิเสธจากสังคมในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว และเธอห่อศพทารกด้วยผ้าและซ่อนมันไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง สองวันถัดมาพี่สาวของเธอได้กลิ่นและพบศพเด็กทารกที่ซ่อนไว้ คดีนี้ถือเป็นคดีอื้อฉาว Pilar Agustín Jimeno โดนชาวบ้านรุมประนามสาปแช่งมากที่สุดในยุคสมัยนั้น

 

 

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ถนนแห่งความตาย ดินแดนต้องคำสาป ในย่าน Malasaña แต่หากลองสังเกตุให้ดีว่า เรื่องราวสุดสยองที่เกิดขึ้นมากมายนั้น มีจุดเชื่อมโยงเดียวกัน นั่นก็คือ "อพาร์ทเมนท์หมายเลขสาม" ไม่มีใครล่วงรู้ถึงสาเหตุ ปริศนานี้ยังคงไม่มีคำตอบ แต่อย่างน้อยถนนสายนี้ก็ถูกบันทึกเอาไว้ว่าเป็นจุดดำมืดในประวัติศาสตร์ของประเทศสเปนไปแล้ว


 จากเรื่องจริงบนถนนแห่งความตาย สู่ปรากฏการณ์ฝันร้ายบนโลกภาพยนตร์ 

ปลายเดือนมิถุนายนนี้ เตรียมพิสูจน์ความเฮี้ยน จากความน่ากลัวสู่ภาพยนตร์ 32 Malasana Street ภาพยนตร์สยองขวัญแห่งปีจากประเทศสเปน ที่ได้แรงบันดาลใจมากมายจากเหตุการณ์จริงอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นบนถนนแห่งความตาย ย่าน Malasaña ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความบ้าคลั่งของบ้าน ผ่านเรื่องราวของ ครอบครัวอัลเมโด้ ที่เพิ่งย้ายจากชนบท เข้ามายังบ้านใหม่ เลขที่ 32 ในย่าน มาลาซาน่า กรุงมาดริด พวกเขาทุกคนตื่นเต้นที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ท่ามกลางช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของประเทศสเปน แต่มีสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้ บ้านหลังนี้มีบางอย่างแถมมาด้วย ซึ่งมันไม่ต้อนรับผู้มาเยือนหน้าไหนทั้งนั้น มันพร้อมเปลี่ยนการเริ่มต้นครั้งใหม่เป็นฝันร้ายที่ไม่มีทางลบเลือน

 

 

หากคุณมีโอกาสไปประเทศสเปน ลองเดินเล่นบนถนน ย่าน Malasaña ดูสักครั้ง แล้วอย่าเผลอลองมองหาบ้านเลขที่ 32 ล่ะ เพราะบ้านหลังสุดท้ายปลายถนนคือหมายเลข 30 นั่นเอง

 

32 Malasana Street - Official Trailer (ตัวอย่างซับไทย)

 

: 32 Malasana Street

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "เฮี้ยนตั้งแต่ต้นจนจบ" เสียงการันตีทัวร์ย่านผีรอบแรก สื่อยกนิ้วให้ "32 Malasana Street" หนังผีสเปนไม่ธรรมดา
  • หนังผีสเปนขึ้นชื่อว่า ดุ แปลกไม่ธรรมดา! 25 มิถุนายนนี้ เตรียมพบกับ "32 มาลาซานญ่า ย่านผีอยู่"
  • ทัวร์ "5 สถานที่เฮี้ยนหนัก" กลางเมืองสวยติดอันดับโลก "กรุงมาดริด"
  • 5 กูรูแถวหน้าสายหนัง-สยอง การันตี ลายเซ็นหนังผีสเปน ดุ!ไม่แพ้ใครในโลก 32 มาลาซานญ่า ย่านผีอยู่
  • ส่อง 10 อันดับย่านผีอยู่! ทำเลดี ผีเฮี้ยน ท้าคนใจถึงลองเข้ามาดู ก่อนเจอของจริง 32 Malasana Street
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :