บทบาทและคาแร็คเตอร์ใน “ฟินสุโค่ย”
รับบทเป็น “เสือโคร่ง” ครับ ก็เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน โผงผางนิดหน่อย ตัวเสือโคร่งมีแฟนก็คือหนูนา (รับบทโดย สายป่าน) ตัวหนูนาก็เป็นพวกคลั่งไคล้ศิลปินแบบสุดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เสือโคร่งไม่เข้าใจ แบบว่าทำไมต้องไปคลั่งไคล้ศิลปินต่างชาติทั้งๆ ที่มีแฟนอยู่แล้วซึ่งเป็นตัวเสือโคร่งเอง ทำไมเค้าถึงละเลยเราไป ใช้เราทำนู่นทำนี่ ทั้งๆ ที่เราเป็นตัวจริงทำไมเค้าไม่มองมาที่เราบ้าง
บทบาทที่ได้รับใน “ฟินสุโค่ย” แตกต่างจากที่เราเคยรับมายังไง
แตกต่างเหมือนกัน บทที่เคยได้รับมาก็ดูเป็นคนเป็นคนทะเล้นกะล่อน แต่ว่าเรื่องนี้จะเป็นคนที่จริงจัง โผงผางมากขึ้นคืออารมณ์ร้อนแล้วก็พูดออกมาเลย จริง ๆ แล้วเสือโคร่งเป็นคนที่รักหนูนามาก และก็เป็นคนที่ตามใจปากมากกว่าที่จะคิดก่อนแล้วค่อยพูด ก็คือจะพูดออกไปเลย ก็เลยทำให้เกิดเรื่องราวเกิดขึ้นเพราะไปพูดไม่ดีกับหนูนาเข้า
กับผลงานเรื่องนี้มีความกดดันหรือท้าทายกับตัวเราอย่างไรบ้าง
ก็ท้าทายแล้วก็กดดันอยู่เหมือนกัน อย่างแรกคือการต้องทำงานกับร็อกสตาร์ระดับเอเชียอย่างมาโกโตะ จริงๆ เคยร่วมงานกับเขามาแล้ว แต่เป็นแค่การไปแสดงคอนเสิร์ตที่เดียวกัน พอมาทำงานด้วยกันจริงๆ ก็เกร็งเหมือนกันเพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน จะเข้มงวดในเรื่องไหนบ้าง แต่พอมาทำงานด้วยกันเขาก็เฟรนด์ลี่ แล้วก็ตั้งใจมากๆ ส่วนการได้มาทำงานกับพี่กอล์ฟก็ถือเป็นครั้งแรก ก็เคยติดตามผลงานของพี่เขามาก่อน ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นคนที่เก่งมาก ก็กดดันเหมือนกันกลัวทำออกมาได้ไม่ดี แล้วก็ต้องมาเจอกับสายป่าน, กาย, ติ๊นา ซึ่งไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนตรงนี้ก็เกร็งอยู่เหมือนกัน
เรื่องราวใน “ฟินสุโค่ย”
ก็เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าหนูนา(สายป่าน) ซึ่งมีแฟนอยู่แล้วก็คือเสือโคร่ง (เต๋า เศรษฐพงศ์) แต่ตัวหนูนา ชอบแล้วก็เป็นแฟนคลับของมาโกโตะ พอมาโกโตะได้เข้ามาเปิดคอนเสิร์ต แล้วก็มาหานางเอกเอ็มวีที่เมืองไทย หนูนาก็พยามทำทุกอย่างให้บรรลุความฝันที่จะได้ไปอยู่ใกล้ๆ กับมาโกโตะ แล้วฝันก็เป็นความจริง แต่พอได้ใกล้กันอย่างที่ฝันแล้ว ความสัมพันธ์กับแฟนตัวเองและกับเพื่อนในกลุ่มที่มีอยู่ ทั้งหมูแฮม (ติ๊นา) กับ ไก่โต้ง (กาย) ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ที่ผลมาจากความฟินของหนูนา มันก็อลวนวุ่นวายกันไปหมด แต่จะลงเอยยังไง ต้องไปหาคำตอบกันในหนัง
ได้ยินมาว่าเข้าฉากวันแรกก็ได้ฟินสมชื่อหนังเลย เพราะต้องเล่นเลิพซีนกับสายป่าน
ก็ไม่ได้ฟินอะไรครับ มันคือการแสดง (หัวเราะ) คือซีนแรกตอนแรกเข้าใจว่าต้องเล่นซีนกุ๊กกิ๊กๆ กับสายป่าน คือในบทมันแค่กุ๊กกิ๊กๆ กันธรรมดา แต่พอไปถึงหน้าเซ็ต พี่กอล์ฟบอกไหนลองจูบกันดูซิ เราก็อ้าวจูบเลยหรอซีนแรก เพิ่งมานะ พี่กอล์ฟบอกเอาเลยจูบเลย จะได้ละลายพฤติกรรมไปด้วย จะได้รู้ว่าเป็นแฟนกันจะต้องทำกันยังไง สายป่านเค้าเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ก็คือแบบว่าพี่กอล์ฟบอกจูบเลยจูบจริง ก็หันไปมองสายป่านแล้วแบบโอเคก็เล่นเลยไม่ได้มีนัดแนะ คือตามอารมณ์ไปเลย คือหายเขินกันไปเลยวันนั้นก็ได้ผลจริง ๆ เพราะว่าพอเราผ่านซีนนั้นไปได้ ซีนอื่นคือแบบสบายแล้ว คือทำให้ผมกับสายป่านเชื่อว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ
การทำงานกับผู้กำกับ “กอล์ฟ ธัญญ์วาริน”
พี่กอล์ฟสวยมากเลยครับต้องชมก่อน (หัวเราะ) พี่กอล์ฟเป็นคนเขียนบทเองเรื่องนี้ เขาจะรู้มิติของตัวละครทุกตัวว่าอะไรเป็นยังไง เขาจะเป็นทั้งแอ็คติ้งโค้ช แล้วก็เป็นผู้กำกับให้ด้วย พี่กอล์ฟจะปล่อยให้เราทำการบ้านมาก่อน เล่นกันไปก่อน อันไหนไม่ผ่านจริงๆ แล้วค่อยมาตบกลับเข้ามา เขาจะไม่กดดันนักแสดงเลย จะไม่มีแบบว่าเวลานี้ต้องได้แล้วนะ ต้องเสร็จนะ ถ้ามันไม่ได้จริงๆ พี่กอล์ฟก็ไม่ปล่อยผ่านก็คือมืออาชีพมากครับ
พี่กอล์ฟได้มีการแนะนำหรือสอนอะไรเรากับการมารับบทเสือโคร่งบ้าง
พี่กอล์ฟจะเน้นความดิบ ๆ ของตัวเสือโคร่ง เพราะว่าผมอาจจะนุ่มนวลเกินไป พอพี่กอล์ฟบอกมันไม่ได้อะเต๋า เสือโคร่งมันต้องแบบดิบๆ ห่ามๆ โผงผาง เราอย่าแบบหวานๆ นุ่มนวลไม่ใช่แล้ว เราต้องไม่ใช่ผู้ชายที่มาทะนุถนอมผู้หญิงมันไม่ใช่ มันต้องแบบผู้ชายที่ตรงๆ แมนๆ เลย ก็จะแนะนำตรงจุดนั้น แล้วก็จะมีเรื่องราวความหลังด้วยว่าทำไมเราถึงมาเป็นแบบนี้เพราะอะไร ทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้ ก็จะช่วยตรงนั้น ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ชัดเจนมากขึ้น
การทำงานร่วมกับนักแสดงสาวมากฝีมือ “สายป่าน อภิญญา”
สายป่าน ผมได้เห็นผลงานหนังของเขามานนานแล้ว ก็ถือเป็นนักแสดงที่แสดงได้เก่งมากๆ เคยไปงานเดียวกับที่สายป่านได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์ ก็บอกกับตัวเองว่าอยากร่วมงานกับเขาสักครั้ง เพื่อที่ผมจะได้เรียนรู้ทักษะการแสดงของเขาเผื่อจะได้เอามาใช้กับตัวเองบ้าง พอได้มาร่วมงานจริง ๆ ก็สมใจเลย ตอนที่ทำงานด้วยกันสายป่านจะช่วยนักแสดงทุกคนในการทำงาน อย่างอยู่ในเข้าฉากเขาจะส่งอารมณ์เต็มที่แม้ว่ากล้องไม่ได้จับหน้าเขา แต่ก็ส่งอารมณ์เต็มที่ ถึงแม้กระทั่งเค้าสามารถคงอารมณ์ไว้ ต้องสลับคนเปลี่ยนคนกันมา แต่เค้ายังอยู่ในอารมณ์ สมาธิเค้าดีมากๆ เลย
การทำงานร่วมกับสาวหล่อขวัญใจสาวๆ อย่าง “ติ๊นา ศุภนาฏ” กับหนุ่มหล่อมาดนิ่ง “กาย นวพล”
ติ๊นาในเรื่องชื่อหมูแฮม ส่วนกายชื่อไก่โต้งก็เป็นเพื่อนของฝั่งหนูนาคือสองคนนี้ก็จะตามนางเอกไปเรื่อย ๆ จะเป็นเพื่อนของกลุ่มนางเอกซึ่งเราก็ไม่ได้สนิทมากในเรื่อง แต่ก็ด้วยความที่เราไปกับแฟนบ่อย เราก็จะได้เจอกับกลุ่มนี้บ่อยทำให้เราเริ่มรู้จักสองคนนี้เรื่อย ๆ แล้วพอเกิดเหตุการณ์ที่เราทะเลาะกับแฟน เราไม่รู้จะปรึกษาใคร เราก็ต้องไปปรึกษาสองคนนี้ว่ายังไงดี ส่วนการทำงาน ติ๊นากับกายก็จะอายุไล่ๆ กันก็จะเข้าใจกันง่ายขึ้นคือคุยกันรู้เรื่องภาษาเดียวกันถูกคอกัน ส่วนการทำงานทุกคนก็เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงทุกคนปล่อยของออกมาเต็มที่มากๆ
ช่วงเวลาที่ทีมงานและนักแสดงยกพลกันไปเก็บบรรยากาศความฟินถึงญี่ปุ่น เป็นยังไงบ้าง
ตอนที่ถ่ายทำที่ญี่ปุ่นสนุกมากครับ จำได้ว่าตอนที่ไปถึงวันแรกลงเครื่องปุ๊บนี่มุ่งหน้าไปถ่ายทำกันเลย ไปถ่ายกันที่เอโดะ วันเดอร์แลนด์ ต้องใส่ชุดกิโมโนแล้วสวมบทเป็นซามูไรฟันดาบกัน แล้วก็มีไปถ่ายกันที่บ่อน้ำพุร้อนออนเซ็น ตอนที่ถ่ายทำก็สนุกมากเพราะว่าทุกคนจะเขิน เพราะต้องใส่กางเกงในตัวเดียว แล้วก็ต้องเอาผ้ามาปิดไว้ บางคนก็เขิน โดยเฉพาะผู้หญิง ติ๊นา สายป่าน ก็ต้องลงบ่อเดียวกันกับพวกผมก็จะมีแซวกันก็จะเขินๆ กัน แล้วก็มีไปถ่ายที่สะพานชินเคียว สวยมากครับเห็นว่าเป็นมรดกโลกด้วย ซีนนี้ต้องถ่ายว่าแข่งกับเวลา เพราะว่าพระอาทิตย์ที่นู่นตกเร็วมาก ห้าโมงก็จะมืดแล้วเพราะว่ามันเป็นหน้าหนาวของที่นู่น แล้วอากาศก็หนาวมากด้วย แต่ทุกคนก็ช่วยกันจนผ่านไปได้ ช่วงที่ไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นประสบการณืที่ดีสำหรับตัวผมครับ
การทำงานกับร็อกสตาร์ระดับเอเชีย “มาโกโตะ”
จริงๆ ผมเคยเห็นผลงานแล้วก็รู้จักชื่อเสียงของเขามานานแล้ว ตั้งแต่ยังเด็ก เราก็เริ่มไปติดตามผลงานของเขาอีกตอนที่รู้ว่าจะต้องร่วมงานกัน พอมาถึงเมืองไทยเราจะได้เข้าไปคุยกันได้ เขาเป็นคนที่เป็นกันเองมาก แล้วก็คุ้นเคยกับเมืองไทยอย่างดี อาจเพราะว่าเขามาเมืองไทยหลายรอบแล้ว แล้วเขาก็รู้ว่าธรรมชาติของคนไทยเป็นยังไง คือเข้าหากันคุยกันสนุกสนาน และถ้าว่างเขาก็ชอบมาทำไข่เจียวให้ทีมงานกิน จะชอบปล่อยมุกตลกผ่านล่ามอีกที ให้ทีมงานฟัง
มีฉากไหนที่เข้ากับมาโกโตะแล้วประทับใจเป็นเพิเศษไหม
มีครับ อย่างฉากที่ผมจะต้องชกมาโกโตะตกสระน้ำ แล้วเขาก็แบบเอาเทคเดียวเลยนะ ซ้อมก่อนไหม ซ้อมไปเรื่อยเขาจะคอยให้ทีมงานเช็คว่ามุมกล้องตรงนี้โอเคหรือยัง เพราะว่ามันจะเปียกได้ครั้งเดียวไงครับ เพราะถ้าตกไปแล้วเรียบร้อยมันจะถ่ายไม่ได้ ผมก็แบบต้องมาต่อยมาโกโตะหรอเนี่ย แล้วก็จะมีอีกฉากหนึ่งเป็นฉากที่มาโกโตะจะแสดงโชว์คอนเสิร์ต แล้วเขาต้องเล่นสด ท่าทางของเขากับวงของมืออาชีพมาก ผมดูแล้ว โอ้โห สุดยอด เหมือนเข้าไปอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ เลย แสงสีเสียงได้หมด ตัวมาโกโตะเอง
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า “ไม่สนิท” ซึ่งเต๋าเป็นคนร้องเองด้วย
ผมได้มีโอกาสได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ ชื่อเพลงว่า “ไม่สนิท” ซึ่งผมคิดว่ามันบอกอะไรได้หลายอย่างเหมือนกันสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะว่าความที่เราไม่รู้ว่าการที่เราพูดออกไปเนี่ยมันจะทำให้เราเสียคนๆ นั้นไปหรือเปล่าหรือว่าการที่เราพูดออกไปแล้ว เราจะสามารถได้ใจคนนั้นกลับมามั้ย อารมณ์น่ามาจะประมาณนี้ เหมือนกับตัวละครในเรื่องนี้ที่มีความลับบางอย่างอยู่ในใจกัน แต่ด้วยความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนมันเลยทำให้มันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ก็ขอฝากเพลง “ไม่สนิท” ให้ทุกคนลองฟังกันดูครับ
ในฐานะที่เราก็เป็นศิลปินที่มีแฟนคลับคอยติดตามและให้กำลังใจ ส่วนตัวเราคิดว่าเราเป็นอะไรในชีวิตของแฟนคลับเหล่านั้น
ความรู้สึกอาจจะคล้ายๆ กันแต่คงจะแตกต่างกันหน่อย เพราะว่าญี่ปุ่นกับเมืองไทยวัฒนธรรมอาจไม่เหมือนกัน อย่างตัวผมเกิดมาจากรายการที่มันเป็นเรียลิตี้โชว์ คนก็จะรู้จักตัวตนของผมว่า ผมเป็นคนยังไงนิสัยยังไง แล้วเขาก็จะมาให้กำลังใจกันมากกว่า ถ้าถามว่าผมเป็นอะไรในชีวิตเขา ก็คงเป็นเหมือนแรงบันดาลใจมั้งคับ น้องๆ เนี่ยก็จะเห็นพี่เต๋าเป็นตัวอย่างอยากจะเป็นเหมือนพี่เต๋า อยากจะเป็นนักร้อง อยากจะเข้ามาบ้าน AF บางคนก็จะให้ผมถ่ายคลิปมาให้ แล้วบอกว่าให้ตั้งใจเรียนหนังสือนะ ก็เป็นกำลังใจในการเรียนหนังสือของเขาไป
กลับกันแล้วแฟนคลับที่ชื่นชอบเรา เขาเป็นอะไรในชีวิตของเรา
สำคัญมากนะ สำหรับอาชีพของผม แล้วก็ตัวผมเองด้วย ถ้าไม่มีคนที่ติดตาม ก็คงไม่มีเต๋า AF ในวันนี้ เพราะว่าเขาก็ต้องเชียร์เราตั้งแต่อยู่ในบ้านถึงแม้ว่าออกจากบ้านมาแล้วก็ยังติดตามผลงานของเรา สนับสนุนผลงานของเรา คอยเป็นกระบอกเสียงให้ กระจายข่าวเต๋ามีผลงานนี้นะ ไปร้องเพลงที่นี่นะ เขาก็จะช่วยโปรโมท แล้วก็เวลาผมไปร้องเพลงที่ไหนต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพ เขาก็จะตามไปมีป้ายไฟมาให้ ก็คือเป็นกำลังใจที่สำคัญมากสำหรับผมเลย
ถ้าสมมติว่าเรามีแฟนที่เป็นติ่งศิลปินแบบในหนัง เราจะทำยังไง
ถ้าสมมติว่าผมมีแฟนแล้วแฟนเป็นติ่งศิลปินใช่ไหม จะรู้สึกยังไง ก็คงต้องทำความเข้าใจกัน แล้วก็คงคุยกันว่าแค่ขนาดไหนมันคือพอดี ถ้ามันมากเกินไปก็คงต้องบอกคุยกันด้วยว่าบางครั้งเราก็ไม่เข้าใจเขาว่าคลั่งไคล้อะไรขนาดนั้น จนมีรูปติดโปสเตอร์เต็มห้องไปหมดแต่รูปเราเล็กนิดเดียว ก็คงต้องคุยกันว่าความชอบของเขาเป็นยังไง แต่จริงๆ แล้วถ้าเป็นแฟนกันเราคงต้องยอมรับการเป็นตัวตนของแต่ละคนให้ได้ก่อน เพราะก่อนที่จะมาเป็นแฟนกัน ก็ต้องมีการทำความรู้จักกันก่อนอยู่แล้ว ผมว่าก็คงจะรับได้ คงไม่ถึงขั้นต้องบอกเลิกกันเหมือนในเรื่อง
ความสนุกของ “ฟินสุโค่ย” เราคิดว่ามันอยู่ที่ตรงไหน
ความสนุกของหนังเรื่องนี้อย่างแรกเลยคือ เราจะได้ติดตามกันว่าความฟินของแต่ละคนมันเกิดขึ้นและจะลงเอยยังไง สายป่านกับเสือโคร่งจะกลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่า หลังจากที่ความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ความรักที่คนธรรมดามีให้ศิลปินกับความรักของคนธรรมดาที่มีให้กัน พอไม่เข้าใจกัน มันจะรักษาแผลใจกันได้หรือเปล่า นอกจากนั้นก็จะมีความรักของเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และก็พร้อมที่จะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างที่เขาสามารถมองข้ามไปทำให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งนะสำหรับหนังพี่กอล์ฟ ก็เป็นมุมมองของความรักที่พี่กอล์ฟไม่ค่อยได้ทำหนังแบบนี้มาก่อน แล้วพอได้มาทำมันก็จะได้เห็นมุมมองอีกมุมมองหนึ่งซึ่งคนหลายๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามันเป็นยังไง คนก็จะได้มาเห็นในหนังในเรื่องนี้ครับ
ฝากผลงานภาพยนตร์ “ฟินสุโค่ย”
เต๋าก็ฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะครับ “ฟินสุโค่ย” จะเข้าโรงแล้ว วันที่ 25 กันยายนนี้นะครับ ฝากทุกคนติดตามกันด้วยรับรองว่าฟินแน่นอนแล้ว ก็มาลุ้นกันว่าเสือโคร่งกับสายป่านจะลงเอยยังไง แล้วก็ความลับความฟินของแต่ละคนจะออกมาในรูปแบบไหน ก็ฝากไว้ด้วยนะครับ “ฟินสุโค่ย” ครับ