"ตุ๊กแกรักแป้งมาก” ภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนย้อนอดีตกลับไปในยุคที่ผู้คนไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในโลกออนไลน์ แต่มันคือยุคอันสดใสของหนุ่มสาวที่ให้ค่าของความรักมากกว่าความเกลียดชัง วันนี้เรามาทราบถึงความเป็นมาของภาพยนตร์เรื่อง "ตุ๊กแกรักแป้งมาก” จากผู้กำกับต้อม ยุทธเลิศ
"ประมาณ 15 ปีที่เเล้ว ผมได้เดินเข้าไปเสนอหนังกับคุณวิสูตร ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าของบริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ (ปัจจุบัน ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ คือ อักษรตัว T ใน GTH) ตอนนั้น ผมเสนอเรื่อง "ตุ๊กแกรักแป้งมาก” ไปพร้อมๆกับเรื่อง “โอ-เนกกะทิฟ” เท่าที่จำได้ คอมเม้นต์ที่คุณวิสูตรบอกกับตุ๊กแกก็คือ “หนังที่เกี่ยวกับนักมวย มันไม่ทำเงิน” ผมเก็บตุ๊กแกเข้าลิ้นชัก หันไปจับโปรเจ็ค โอ-เนกกะทิฟ เเละพัฒนามันจนกลายเป็นบท สุดท้าย “โอ-เนกกะทิฟ” ก็ตกไปอยู่ในมือของยุทธนา มุกดาสนิทแห่งแกรมมี่ฟิล์ม ส่วนผมออกจากโปรเจค ไปทำหนังเรื่อง “ มือปืน/โลก/พระ/จัน” ให้กับบริษัท อาวอง ของ อาร์เอส
อีก 10 ปีต่อมา ผมได้นำโปรเจคหนังหลายเรื่องไป เสนอที่ค่ายหนัง GTH หนึ่งในนั้นมี “ตุ๊กแกรักแป้งมาก” ถูกส่งเข้าไปด้วย แต่สุดท้ายทาง GTH เลือกที่จะทำ “รักสามเศร้า” ผมเก็บตุ๊กแกเข้าลิ้นชักอีกครั้งและได้เเต่คิดปลอบใจตัวเองว่า มันคงไม่ใช่เวลาของตุ๊กแก
ปัจจุบัน หนังไทยหลากหลายเเนวได้ฝ่ากำแพงความเชื่อของคนดูหนังไทยจนประสบความสำเร็จร้อยล้านกันจนครบแทบทุกแนวไม่ว่าจะเป็นเเนวตลก แนวผี แนวรัก แนวบู๊จาพนมหรือเเนวมหากาพย์นเรศวร แต่ที่ยังไม่มีคือหนังแนวน่ารักที่ถูกเก็บไว้ในในลิ้นชักแบบตุ๊กแก ซึ่งนั้นมันอาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำให้มันถึงต้องซุกตัวอยู่แต่ในลิ้นชักแบบนั้น
แต่เเล้ววันหนึ่งผมก็ได้รู้จักกับบริษัททำหนังหน้าใหม่ที่มีชื่อว่า "TRANFORMATION FILM” ผมตัดสินเสนอโปรเจคตุ๊กแกอีกครั้ง เเล้วมันก็กลายเป็นครั้งแรกในรอบสิบห้าปีที่ตุ๊กแกได้รับการอนุมัติจากนายทุน ผมคิดว่าการอนุมัติโปรเจคของTRANFORMATION FILM น่าจะเป็นการอนุมัติที่นอกจากจะต้องใช้วิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว ผู้บริหารคงต้องอาศัยความกล้าบ้าบิ่นกันมากพอสมควร แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด สิ่งทีผมคิดว่ามันอยู่เหนือเหตุผลทั้งหลายนั่นก็คือ “เวลา” เวลานี้ มันคงเป็นเวลาของตุ๊กแกจริงๆ
จากวันนั้นถึงวันนี้ บทตุ๊กแกก็ถูกเปลี่ยนไป จากบทนักมวยหูตึง ตุ๊กแกกลายเป็นเด็กศิลป์ผู้หลงไหลในแผ่นฟิล์ม แต่ไม่ว่าตุ๊กแกจะเปลี่ยนไปเป็นใคร สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความทรงจำอันงดงามในอดีตเเละเด็กผู้หญิงเเสนดีที่มีชื่อว่าแป้ง”
หลายคนอาจจะไม่เเน่ใจกลัวว่า "ตุ๊กแกรักแป้งมาก" จะไปเหมือนกับ “แฟนฉัน” ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่กล้าเลียนแบบหนังในดวงใจของคนไทยทั้งประเทศหรอกครับ เเต่ถ้าจะบอกว่าล้อเลียน อันนี้ไม่เเน่ ผมอาจจะอดใจไม่ได้จริงๆ
เเล้วมันเหมือนหรือเเตกต่างกันตรงไหน? ตรงนี้ครับ ถ้ามันจะเหมือน มันก็คงจะเหมือนตรงความเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ตุ๊กแกก็ไม่ได้มีอะไรวิเศษวิโสแตกต่างจากเด็กในหนังแฟนฉันเท่าไรนัก แต่สิ่งที่เเตกต่างของตุ๊กแกก็คือ “ตุ๊กแกรักแป้งมาก” ไม่ได้เป็นหนังเด็กที่เล่าเรื่องความหลังในวัยเยาว์ เเต่ตุ๊กแกเป็นหนังชีวิตของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ไม่มีแต้มต่อทางสังคมแต่มันมีแต่แรงผลักดัน ดันจนทำให้มันก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลาย ซึ่งเเรงผลักดันนั้นเขาก็ได้ค้นพบว่า มันมาจากความรู้สึกอันมั่นคงที่เขามีต่อเด็กผู้หญิงที่เขารู้จักในวัยเยาว์ที่มีชื่อว่า “แป้ง” นั่นเอง
ผมเชื่อว่าความรักคือการให้ และผมเชื่อว่าการให้ที่ดีที่สุดคือการให้เวลาแก่กันเเละกัน ถ้าคุณเป็นพ่อหรือเป็นเเม่ ลองนึกดูครับ หนังเรื่องสุดท้ายที่ไปดูกับลูกมันเมื่อไหร่ แต่ถ้าคุณเป็นลูก ก็ลองนึกสิว่าไม่ได้พาพ่อแม่เข้าโรงหนังนานรึยัง ถ้ายัง ผมในฐานะผู้กำกับอยากขอโอกาสให้ "ตุ๊กแกรักแป้งมาก" ได้เป็นข้ออ้างในการให้เวลาแก่กันสำหรับคุณๆทุกคนครับ ผมไม่ขอเยอะครับ ขอเเค่สองชั่วโมง"
ในยุคที่โซเซี่ยลเน็ตเวิร์กยังมาไม่ถึง
ในยุคที่ไม่มีใครรู้จักเฟสบุ๊ค
ในยุคที่ไม่มีใครแคร์จำนวนไลค์
ไม่มีใครแคร์คอมเม้นท์ ไม่มีการเช็คอิน ไม่มี Selfie
เราสื่อสารความคิดถึงกันอย่างไร
วันนี้ เรื่องตลกในอดีต และ เรื่องสวีทในวันวาน
จะกลับมาหวานฟรุ้งฟริ้งพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์