เพื่อเป็นเกียรติให้กับ 007 ที่อยู่มายืนยงคงกระพันที่สุดในประวัติศาสตร์ ทางนิตยสาร EW จึงขอเรียนเชิญ แดเนียล เคร็ก และผองเพื่อนจาก No Time to Die ทั้ง ลีอา แซดู, รามี่ มาเลค และ ลาชานา ลินช์ มาชักภาพจารึกบันทึกไว้ในความทรงจำผ่านนิตยสารฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ก่อนที่ทุกคนจะได้พบกับการเดินทางครั้งสุดท้ายของ เคร็ก ในฐานะ 007 ในวันที่ 9 เมษายนนี้
ใน No Time to Die รามี่ มาเลค จะเปิดตัวในฐานะวายร้าย ซาฟิน แต่รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเส้นเรื่องของเขายังคงเป็นความลับ ณ ตอนนี้ทราบเพียงแค่ว่าเขาจะเป็นคนที่ล่อให้ เจมส์ บอนด์ เดินทางมายังประเทศคิวบา และนั่นทำให้เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ มาเลค เรียกว่า "ความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต"
ลาชานา ลินช์ นักแสดงสาวผิวสีจาก Captain Marvel (2019) ถูกเพิ่มเข้ามาเสริมทัพในฐานะสายลับเจ้าของรหัส 00- นามว่า โนมิ ทำให้เกิดการคาดเดาและพากันผุดทฤษฎีต่าง ๆ นานาไปทั่วโลกว่าเธออาจเป็นคนที่ได้ก้าวเข้ามารับช่วงต่อรหัส 007 หลัง เคร็ก วางมือ แต่ล่าสุดโปรดิวเซอร์ No Time to Die ก็ออกมาดับมโนทุกคนด้วยการประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าบอนด์ของพวกเขาจะไม่มีวันเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอนไปแล้ว
ลีอา แซดู จะกลับมาในฐานะนักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศส เมเดอลีน สวอนน์ ในตอนเริ่มของ No Time to Die เราจะได้เห็นเธอกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่ประเทศจาไมกา กับบอนด์ที่ขอวางมือจากภารกิจมาใช้ชีวิตอย่างสันโดษแล้ว แต่เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามันไม่มีอะไรที่จะยั่งยืนไปตลอดกาลในโลกของ 007
"เรื่องแย่ ๆ มันเกิดขึ้น! ทุกอย่างมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ" แซดู พูดถึงเส้นเรื่องระหว่างตัวละครของเธอกับตัวละครของ เคร็ก
การกลับมาของ เคร็ก ใน No Time to Die เกือบจะไม่เกิดขึ้น "ผมทำหนังภาคที่แล้วเสร็จพร้อมกับขาที่แตกร้าว" เคร็ก บอกกับ EW "ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าสภาพร่างกายของผมยังทำมันอีกสักเรื่องไหวมั้ย หรือผมยังอยากจะทำมันอีกสักครั้งมั้ย? เพราะการที่มีคนโทรศัพท์มาหาภรรยาของผมแล้วบอกเธอว่า 'ผมขาหัก' มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจเท่าไหร่หรอกนะ"
"เขารู้สึกว่าเขาน่าจะได้ทำตอนจบของหนังเรื่องสุดท้ายลงไปแล้วน่ะ" โปรดิวเซอร์ บาร์บาร่า บรอคโคลี อธิบาย "ฉันบอกเขาไปว่า 'ฉันไม่คิดว่าคุณจะทำมันแล้วหรอกนะ ฉันว่ามันยังมีเรื่องราวสำหรับบอนด์ของคุณที่ยังหลงเหลือให้ถ่ายทอดออกไปอยู่' โชคดีจริง ๆ ที่เขาก็เห็นด้วยกับเรื่องนั้น"
โฟบี้ วอลเลอร์-บริดจ์ ผู้สร้าง Fleabag ถูกเลือกให้เข้ามาช่วยเขียนบทหนังภาคนี้ ซึ่งนั่นทำให้ มาเลค รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก "เธอเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อสิ่งที่ผมทำค่อนข้างมาก" มาเลค กล่าว "ผมอยากที่จะโทรไปหารือกับเธอนาน ๆ เลย เพื่อที่จะอธิบายให้เธอฟังถึงบริบทของสิ่งที่เรามุ่งหวังจะได้เห็นในฉากต่าง ๆ เป็นพิเศษ แล้วเธอก็ตอบกลับมาด้วยไอเดียที่น่าทึ่งอย่างรวดเร็ว เราต่างก็รู้จักเธอในฐานะนักเขียนผู้เฉียบแหลมและสนุกสนาน แต่เธอก็มีความสามารถพิเศษทางด้านดราม่าและความตึงเครียดด้วยเหมือนกันนะ"
ที่มา: Ew.com