เป็นเวลากว่า 1 เดือนมาแล้วที่ภาพยนตร์เรื่อง Joker ของผู้กำกับ ทอดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) เข้าฉาย จากนั้นหนึ่งในประเด็นที่ผู้ชมหลาย ๆ คนนำมาถกเถียงกันก็คือชะตากรรมของตัวละคร "โซฟี ดูมันด์" ที่รับบทโดย เซซี่ บีทซ์ (Zazie Beetz) ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของเธอมันลงเอยยังไงกันแน่? แล้วทุกอย่างก็คลี่คลายเมื่อผู้กำกับภาพ ลอว์เรนซ์ เชอร์ (Lawrence Sher) ออกมาบอกว่า โซฟี ไม่ได้ถูก "อาเธอร์ เฟล็ก" ของ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ฆ่า

"ทอดด์ ทำให้มันชัดเจนว่าเธอไม่ได้ถูกฆ่า อาเธอร์เขาฆ่าผู้คนที่ทำผิดกับเขาโดยตรง แต่โซฟีไม่เคยทำอะไรผิดกับเขา" ลอว์เรนซ์ เชอร์ เฉลยความลับจากหนังเรื่องนี้

ใน Joker ฟิลลิปส์ ได้ทิ้งบทสรุปของ โซฟี ไว้อย่างคลุมเครือ หลังจาก อาเธอร์ เข้าไปในอพาทเมนต์ของเธอ และมันก็เผยว่าเธอไม่ได้รู้จักเขา (ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในหนังมันคือความเพ้อฝันของอาเธอร์เท่านั้น) แล้ว ฟิลลิปส์ ก็ตัดภาพไปที่อาเธอร์กำลังเดินจากไป ซึ่งนั่นทำให้แฟน ๆ ข้องใจว่าสรุปแล้วอาเธอร์ฆ่าโซฟีไปหรือยัง?

ล่าสุด ฟิลลิปส์ ก็ได้ออกมาไขข้อข้องใจนี้อีกครั้งขณะให้สัมภาษณ์กับ IndieWire พร้อมยืนยันชัดเจนว่าโซฟียังมีชีวิตอยู่ในตอบจบของ Joker "เขาไม่ได้ฆ่าเธออย่างแน่นอน ในฐานะผู้กำกับและคนเขียนบทผมกำลังจะบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่าเธอ เราชอบไอเดียที่ว่ามันเกือบจะเหมือนกับการทดสอบสำหรับผู้ชมที่พูดว่า 'เขามันบ้าขนาดไหน?' ผู้ชมส่วนใหญ่ที่ผมพูดถึงนั้นคิดว่าเขาไม่ได้ฆ่าเธอเพราะพวกเขาเข้าใจถึงไอเดียที่ว่าเขาจะฆ่าแค่คนที่ทำผิดกับเขาเท่านั้น เธอไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น ผู้ชมส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องนั้นดี ถึงแม้จะเป็นวายร้ายแต่เขาก็มีหลักเกณฑ์ในการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเขาไม่ได้ฆ่าผู้หญิงคนนี้"

ฉากอพาทเมนต์เป็นฉากสุดท้ายที่เราได้เห็น เซซี่ บีทซ์ ใน Joker แต่ ฟิลลิปส์ เผยว่าจริง ๆ แล้วเขายังมีแผนสำรองเตรียมเอาไว้หลังจากฉากนั้นเพื่อให้ชะตากรรมของโซฟีไม่คลุมเคลือด้วย ฟิลลิปส์ บอกว่าในสคริปท์มันมีฉากที่ตัดไปตอนที่ อาเธอร์ ไปนั่งให้สัมภาษณ์ในรายการของ "เมอร์รีย์ แฟรงคลิน" ซึ่งรับบทโดย โรเบิร์ต เดอ นิโร (Robert De Niro) แล้วก็ตัดภาพมาขณะที่โซฟีกำลังนั่งดูรายการนั้นอยู่ ซึ่งช็อตนั้นเตรียมไว้เพื่อเฉลยว่าอาเธอร์ไม่ได้ฆ่าเธอ แต่สุดท้าย ฟิลลิปส์ ก็ตัดสินใจตัดฉากนั้นทิ้งไป เพราะเขาต้องการให้หนังเรื่องนี้มันถ่ายทอดถึงมุมมองของอาเธอร์เพียงอย่างเดียว หากใส่ฉากนั้นเข้ามามันอาจทำให้โครงสร้างของเรื่องราวที่ต้องการจะถ่ายทอดยุ่งเหยิงไป

ที่มา: Indiewire.com