สำหรับ มาร์ติน สกอร์เซซี่ (Martin Scorsese) แล้ว Joker ถือเป็นหนังจากการ์ตูนที่เขาให้ความสนใจต่างออกไปจากมุมมองที่เขามีต่อหนังจากการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ซึ่ง สกอร์เซซี่ ได้เผยขณะให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่าเขาเคยสนใจจะเข้าไปมีส่วนร่วมในหนัง Joker เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะตัดสินใจถอยออกมา เพราะไม่สามารถเจียดเวลามาทุ่มเทกับมันได้จริง ๆ
“ผมเคยคิดทบทวนเกี่ยวกับมันอยู่เยอะเลยเมื่อช่วงประมาณ 4 ปีที่แล้ว หนังเรื่อง Joker น่ะ แต่ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าผมคงไม่มีเวลาพอสำหรับมันหรอก”
ตอนที่ Warner Bros. ประกาศออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2017 ว่า ทอดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) จะมารับหน้าที่กำกับ Joker ตอนนั้น สกอร์เซซี่ ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อทีมโปรดิวเซอร์ด้วย แต่ภายหลังชื่อของเขาก็ถูกถอดออกไป แล้ว เอ็มม่า ทิลลิงเกอร์ คอสคอฟฟ์ (Emma Tillinger Koskoff) ผู้อยู่เบื้องหลัง The Wolf of Wall Street (2014), Silence (2016) และ The Irishman (2019) ของ สกอร์เซซี่ ก็ก้าวเข้ามาอำนวยการสร้าง Joker แทน
ในบทสัมภาษณ์ของ BBC ไม่ได้มีข้อมูลเปิดเผยออกมาชัดเจนว่า สกอร์เซซี่ กำลังพูดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะโปรดิวเซอร์ หรืออย่างที่ The Hollywood Reporter รายงานออกมาเมื่อเดือนที่แล้วว่าเขาสนใจจะมารับหน้าที่กำกับกันแน่ สกอร์เซซี่ แค่บอกอ้อม ๆ ว่า “เหตุผลส่วนตัวมันคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นั้น” แต่เขาก็เสริมอีกว่าเขารู้ดีว่า “สคริปท์มันดีมาก” และตัวหนังมันก็ “เป็นชิ้นงานที่น่าทึ่ง”
สกอร์เซซี่ ยังพูดถึงมุมมองของเขาที่เห็นว่าหนัง Joker มันแตกต่างออกไปจากหนังจากการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ด้วย
“สำหรับผมท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าถ้าผมเลือกที่จะลงมือก้าวต่อไป ซึ่งมันคือการพัฒนาตัวละครตัวนี้ขึ้นมาจากตัวละครในการ์ตูน พวกคุณจะติดตามมั้ย? มันจะถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นนามธรรม นั่นมันต่างไปจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ มันต่างออกไปเยอะเลยแหละ”
นอกจากนี้ สกอร์เซซี่ ยังพูดถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่ด้วยมุมมองที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ที่ออกมาซัดหนังมาร์เวลเข้าจัง ๆ เล็กน้อยด้วยว่า
“หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ผมพูดถึงมันคือรูปแบบของงานศิลปะอีกแขนงหนึ่ง มันไม่ง่ายเลยที่จะทำออกมา มันเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีความสามารถอยู่มากมายที่มาร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมา เต็มไปด้วยกลุ่มคนหนุ่มสาวที่สนุกไปกับหนังพวกนั้นมาก ๆ แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นสวนสนุก สวนสนุกที่มันขยายวงกว้างออกไปน่ะ”
ปัจจุบัน Joker กวาดรายได้จากทั่วโลกไปกว่า 900 ล้านเหรียญ และก้าวขึ้นมาเป็นหนังเรท R ทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งโปรเจกต์นี้ใช้ทุนสร้างไปแค่เพียง 55 ล้านเหรียญเท่านั้น นอกจากจะทำกำไรมหาศาลโดยไม่ง้อประเทศจีนแล้ว Joker ก็ยังประสบความสำเร็จในแง่ของเสียงวิจารณ์ไม่แพ้กัน นี่ถือได้ว่าเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงหนัง DC ให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งเลยก็ว่าได้
: