แมตต์ เดมอน (Matt Damon) เผยขณะให้สัมภาษณ์กับ British GQ ว่าเขาไม่ได้เพียงแค่เคยได้รับข้อเสนอให้มารับบทนำในหนัง Avatar (2009) ของ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) เท่านั้น แต่ในข้อเสนอยังระบุอีกว่าเขาจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มอีก 10% จากผลกำไรของหนังหากเขายินดีที่จะรับเล่นหนังเรื่องนี้ แต่สุดท้าย เดมอน ก็เลือกที่จะปฏิเสธโอกาสครั้งสำคัญนั้นไปอยู่ดี
"จิม คาเมรอน เขาเสนอหนัง Avatar ให้ผม...และตอนที่เขาเสนอมันให้กับผมเขายังบอกอีกว่า 'ตอนนี้ ฟังนะ ผมไม่ได้ต้องการใครอื่นเลย ผมไม่ได้ต้องการนักแสดงดังสำหรับหนังเรื่องนี้ นักแสดงสักคนที่มีชื่อเสียงน่ะ ถ้าคุณไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้ ผมก็คงจะต้องไปหานักแสดงโนเนมแล้วเสนอบทนี้ให้กับเขา เพราะจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันไม่ได้ต้องการเขา แต่ถ้าคุณรับข้อเสนอ ผมจะให้คุณเพิ่มอีก 10%' นั่นมันก็เป็นเรื่องของเงินแหละครับ"
แล้ว เดมอน ก็หยุดเล่าทันทีโดยไม่ได้แถลงไขใด ๆ ให้สมบูรณ์
หนัง Avatar ภาคแรกของ คาเมรอน ได้กลายมาเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลหลังจากกวาดรายได้จากทั่วโลกไปกว่า 2.78 พันล้านเหรียญ กระทั่ง Disney ได้ส่ง Avengers: Endgame (2019) ออกมาเผด็จศึกยึดบัลลังก์ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
"ซึ่ง... ใช่ครับ ผมทิ้งเงินไว้บนโต๊ะมากกว่าที่นักแสดงคนไหน ๆ เคยทำมาเลยจริง ๆ...ผมคงไม่สามารถทำมันได้หรอก แต่ คาเมรอน เขาบอกกับผมตอนที่หารือกันว่า 'อืม... คุณรู้มั้ย ผมเองก็เพิ่งจะทำหนังมาแค่ 6 เรื่องเองนะ' ตอนนั้นผมไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อหรอก ผมพลาดโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเขา นั่นมันแย่มากจริง ๆ และนั่นมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ลูก ๆ ของผมช่วยทำลายความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดนั่น ผมว่าผมโอเคนะ"
ท้ายที่สุดนักแสดงชาวออสเตรเลียน แซม เวิร์ธธิงตัน (Sam Worthington) ก็คือคนที่ได้บทนั้นไปครอง และเขาก็กำลังจะกลับมาอีกครั้งในหนังภาคต่อ Avatar ที่มีแผนจะเข้าฉายในเดือนธันวาคม 2021 ด้วย ส่วน เดมอน เองก็กำลังจะส่งผลงานเรื่อง Ford v Ferrari ออกมาให้เราได้ชมกันวันที่ 5 ธันวาคมนี้
ที่มา: GQ-magazine.co.uk