นักแสดงหนุ่มวัย 38 ปี เจค จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal) ได้มานั่งให้สัมภาษณ์กับ วิลลี่ ไกสต์ (Willie Geist) ในรายการ Sunday Today ถึงการมาสวมบทคุณพ่อในผลงานบรอดเวย์เรื่อง Sea Wall / A Life และความหวังส่วนตัวที่อยากจะกลายเป็นคุณพ่อจริง ๆ ในสักวัน
"มันเป็นโชว์ที่พูดถึงความศรัทธาและครอบครัว รวมไปถึงความยุ่งเหยิงและความหรรษาในชีวิต คุณรู้ใช่มั้ย? จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่อ 2 คน สำหรับตัวละครของผม เขาเป็นใครคนหนึ่งที่กำลังจะได้กลายเป็นพ่อคน เขาจึงย้อนกลับมาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับพ่อ รวมไปถึงการจากไปของพ่อ มาคิดดูว่าเรื่องนั้นมันทำให้เขารู้สึกยังไง มาจนถึงการได้กลายมาเป็นพ่อคนเองบ้าง" จิลเลนฮาล กล่าวก่อนเสริมว่า "คุณก็รู้อยู่ว่าผมยังไม่เคยเป็นพ่อคน แต่ผมก็หวังว่าจะได้เป็นคุณพ่อในสักวัน"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ จิลเลนฮาล เอ่ยปากว่าอยากเป็นพ่อคน เมื่อปี 2015 เขาก็เคยให้สัมภาษณ์กับ ET ไว้ครั้งหนึ่งว่า "ผมยังไม่ได้เป็นพ่อคน แต่แน่นอนว่านั่นมันคือความฝันอย่างนึงของผมเลย ผมคงเป็นคนโชคดีถ้าเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นจริง"
นอกจากนี้ในรายการ Sunday Today จิลเลนฮาล ยังมีโอกาสได้พูดถึงบทบาทที่ฮือฮาที่สุดในชีวิตการแสดงของเขาจากเรื่อง Brokeback Mountain (2006) หนังชายรักชายสุดปังที่เขาแสดงนำคู่กับ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) อีกด้วย "หนังเรื่องนั้นมันเปิดประตูให้กับผมหลายบานเลย มันคือความอัศจรรย์ มันคือความบ้าคลั่ง มันคือความอัศจรรย์" จิลเลนฮาล พูดถึงชีวิตของเขาหลังจาก Brokeback Mountain "แล้วมันก็ให้นิยามการงานของผมในรูปแบบที่ต่างออกไปด้วย"
"ผมได้เจอผู้ชมที่มาหยอดมุขใส่ผม แล้วก็มาวิจารณ์ให้ผมฟังเกี่ยวกับบทที่ผมพูดไปในหนังเรื่องนั้น และนั่นมันก็คือสิ่งที่ทำให้ผมรัก ฮีธ เขาไม่มีทางจะทำให้มันเป็นเรื่องตลกเลย" จิลเลนฮาล กล่าว "บางคนอาจจะอยากทำให้มันเป็นแค่เรื่องตลกเกี่ยวกับเรื่องราวหรืออะไรก็ตามแต่ที่มันเกิดขึ้น แต่เขาจะแบบ... 'ไม่ นี่มันคือเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก นั่นคือสิ่งที่มันเป็นนะเพื่อน'"
เมื่อปี 2015 จิลเลนฮาล เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ NPR ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของ เลดเจอร์ เมื่อปี 2008 ว่า "ผมคิดถึงเขาอย่างที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งคิด และผมก็คิดถึงตอนที่ได้ร่วมงานกับเขา ผมคิดว่าการสูญเสีย ฮีธ และการที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ซึ่งเป็นเหมือนกับหนังเรื่องหนึ่ง หนังที่เราทุกคนร่วมทำมาด้วยกัน มันทำให้คุณได้เข้าใจในสิ่งนั้น มันทำให้คุณได้เห็นคุณค่าในสิ่งนั้น และหวังเป็นอย่างยิ่งเลยว่าการที่ย้ายคุณออกไปจากหลาย ๆ สิ่ง มันจะไม่ได้มีผลอะไรต่อหลาย ๆ สิ่งที่คุณทำไว้"
ที่มา: Etonline.com