ภาพจาก Pramborsfm.com
ขณะไปเยือนรายการ Good Morning America วิลล์ สมิธ (Will Smith) ได้เผยถึงการที่เขาสร้างตัวละครยักษ์ "จีนี่" ขึ้นมาในแบบฉบับของเขาเองเพื่อภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่น "Aladdin" ให้ทราบ โดยสมิธยอมรับว่าเดิมทีเขาไม่อยากจะมารับบทนี้เพราะเขาคิดว่า โรบิน วิลเลี่ยมส์ (Robin Williams) เคยทำมันเอาไว้อย่างดีเลิศแล้ว "เวลาที่คุณต้องมารับบทอะไรแบบนี้ คุณจะต้องลองศึกษาดูว่ามีใครเคยทำเอาไว้ยังไงบ้าง แล้วมันมีอะไรที่คุณจะสามารถทำให้มันต่างออกไปได้บ้างมั้ย?"
"มันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมได้ยึดเกาะมันเอาไว้นั่นก็คือไอเดียที่มันจะทำออกมาเป็นฉบับไลฟ์แอ็คชั่น ความจริงที่ว่ามันเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่น มันทำให้ผมรู้ว่ามันมีช่องว่างหลงเหลือให้ผมได้ใส่อะไรลงไปอีกนิดหน่อย" สมิธ กล่าว พร้อมบอกด้วยว่าเขารู้สึกเลื่อมใสในไอเดียที่ต้องการจะปฏิวัติหนังรีเมคเรื่องนี้ของผู้กำกับ กาย ริชชี่ (Guy Ritchie) นอกจากนี้ สมิธ ยังมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกเพลงประกอบหนังเรื่องนี้อีกด้วย "สำหรับผม มุมมองของฮิปฮอปมันคือมุมมองที่ผมเห็นว่าน่าจะมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ของผม การได้ฟังเพลงแล้วเกิดคำถามว่า 'ผมควรจะทำอะไรกับเพลงนี้ดี?' แล้วในท้ายที่สุดของวัน มันก็เป็นเพลงที่ผมมองเห็นว่าตรงไหนที่ผมน่าจะเติมอรรถรสของผมเพิ่มลงไปได้บ้าง ตรงไหนที่ผมน่าจะให้เกียรติต่อความอาวรณ์และน่าจะแสดงความเคารพที่มีต่อ โรบิน ได้บ้าง แต่ยังไงผมก็ต้องสามารถเติมอรรถรสใหม่ ๆ ในแบบฉบับของผมเข้าไปได้ด้วย"
วิลล์ สมิธ บอกว่าตอนนี้ "Aladdin" ได้กลายมาเป็นหนังอีกเรื่องในดวงใจที่เขาได้ทำไปแล้วด้วย "ผมได้ทำหนังดี ๆ มาหลายเรื่อง และผมก็ได้ทำบางอย่างที่เป็นปัญหาลงไปบ้าง ผมเคยสร้างปัญหาไว้ในอดีต แต่นี่มันเป็นอะไรที่งดงาม มันเป็นหนังที่งดงาม แล้ว กาย ริชชี่ ก็ทำหน้าที่ของเขาได้เป็นอย่างดี เขาเพิ่มความทันสมัยลงไปในหนังเรื่องนี้ด้วย ผมสามารถอยู่ในมโนธรรมแล้วก็สร้างแรงผลักดันให้คุณไปดูหนังเรื่องนี้ได้"
แม้ในหนัง "จีนี่" จะสามารถให้พร อะลาดิน ได้ถึง 3 ข้อ แต่ สมิธ กลับบอกว่าเขามีพรเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้นที่อยากจะได้ "หนึ่งในสิ่งแรก ๆ เลยที่ผมปรารถนานั่นก็คือผมหวังว่าผมจะสามารถเข้าใจอะไรได้อย่างโจ่งแจ้ง ผมแค่ต้องการที่จะเข้าใจ ผมแค่ต้องการที่จะรู้ เพราะเมื่อคุณรู้มันก็จะเป็นเรื่องง่ายมากที่จะแบ่งปันมันกับโลก แต่ถ้าคุณไม่รู้ คุณก็จะไม่สามารถสอนอะไรได้เลย"
"การได้มาทำหนังเรื่องนี้ สิ่งที่งดงามมากเลยก็คือแนวคิดเบื้องหลังของหนังซึ่งมันเป็นแนวคิดที่ผมอยากจะแชร์กับโลกใบนี้ แนวคิดของการเป็นตัวของตัวเอง แนวคิดของการเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง และแนวคิดของการเป็นคนที่เข้มแข็งมากพอ รวมไปถึงการให้เกียรติต่อสิ่งที่คุณรู้สึกขัดแย้ง เหมือนกับว่าคุณจะต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อความปรารถนาของคนอื่น ๆ" สมิธ กล่าว
"Aladdin" พร้อมฉาย 23 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
ที่มา: Hollywoodreporter.com