กิลเลอร์โม่ เดล โทโร่ (Guillermo del Toro) ยังคงจำสถานที่ที่ซึ่งเขาได้ค้นพบ "Scary Stories to Tell in the Dark" เป็นครั้งแรกได้ดี ซึ่งสถานที่แห่งนั้นมันก็คือร้านหนังสือแห่งหนึ่งในเมืองซานอันโตนิโอในช่วงต้นยุค 80 แล้วเขาถูกชื่อเรื่องที่ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของมันดึงดูดในทันทีที่พบ แล้วไม่นานเขาก็ได้พบว่าตัวเองได้หลงเสน่ห์เรื่องสั้นอันน่าขยะแขยงของ อัลวิน ชวาร์ทซ (Alvin Schwartz) และภาพประกอบชวนขนลุกของ สตีเฟ่น แกมเมลล์ (Stephen Gammell) เข้าให้ซะแล้ว
"พวกมีความเรียบง่ายของเรื่องราวแคมป์ไฟ" เดล โทโร่ เผย "พวกมันมีรสชาติของความเชื่อแบบพื้นเมือง และเรื่องเล่าแบบปากต่อปาก ที่มาพร้อมกับความรู้สึกอันยอดเยี่ยมของเค้าโครงเรื่อง แล้วก็หมัดเด็ด"
10 ปีให้หลัง เดล โทโร่ ก็เริ่มพยายามที่จะดัดแปลงเรื่องราวความสยองจากหนังสือเหล่านี้มาทำเป็นภาพยนตร์บนจอยักษ์ ในฐานะโปรดิวเซอร์และผู้ร่วมเขียนบท เดล โทโร่ ก็ได้เข้าใจในทันทีว่ามันไม่ได้เป็นแค่งานเขียนเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่มันคือการรวมเป็นหนึ่งเดียวของเรื่องราวกับกรอบการบอกเล่าปากต่อปากซะมากกว่า ดังนั้นผลงานใหม่ชิ้นนี้ที่กำกับโดย อังเดร โอเวรดัล (Andre Ovredal) มันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1968 เพื่อติดตามเรื่องราวของเด็กกลุ่มหนึ่ง กับการที่พวกเขาแต่ละคนต่างต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จากเรื่องสยองที่ต่างกันออกไป โดยมันจะอิงมาจากสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุด ซึ่งสุดท้ายแล้วตัวละครหญิงซีดเซียวจากเรื่อง The Dream ของ ชวาร์ทซ และ แกมเมลล์ มันได้กลายมาเป็นมอนสเตอร์ตัวโปรดของทั้ง โอเวรดัล และ เดล โทโร่
"เธอทำให้สิ่งที่มันสนุกมากเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้มันมีชีวิต ความทะลึ่งไร้เดียงสาที่มันแฝงอยู่ภายใต้บางสิ่งที่มันมีความอันตรายและน่ากลัวมาก ๆ" อังเดร โอเวรดัล พูดถึงตัวละครหญิงซีดเซียว ด้าน กิลเลอร์โม่ เดล โทโร่ ก็เสริมว่า "เธอเป็นตัวละครที่ท้าทายที่สุดในการที่จะถอดเรื่องราวจากหน้ากระดาษออกมาถ่ายทอดลงบนจอยักษ์"
"แกมเมลล์ เขาวาดภาพที่มีอายุสั้นมาก ๆ เหล่านี้เอาไว้ และเราก็ได้พยายามที่จะเปลี่ยนพวกมันมาเป็น 3D" เดล โทโร่ กล่าว "จริง ๆ แล้วผมได้จ้างประติมากรที่ดีที่สุดที่ผมรู้จักมา ซึ่งพวกเขาก็คือ ไมค์ ฮิลล์ และ นอร์แมน คาเบรร่า แล้วก็ได้พุ่งเข้าไปหาบริษัทแต่งหน้าแอฟเฟ็คที่ยอดเยี่ยมที่สุด รวมไปถึงบริษัทจัดแต่งเรื่องการเคลื่อนไหวของผีที่ดีที่สุดด้วย และจากจุดที่เราได้มุ่งไป เรายังคงให้เกียรติกับงานภาพของ แกมเบลล์ ไปด้วย เราได้ทำตัวละครหลาย ๆ ตัวจากในหนังสือออกมา ในแต่ละตัวอย่างมันทำให้เรารู้สึกว่า 'มันดูเป็นยังไงบ้าง แล้วมันให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในกระดาษมั้ย?' ครั้งหนึ่งที่คุณได้เห็นพวกมันเคลื่อนไหวในหนังเรื่องนี้ พวกมันจะผ่านเข้ามาให้คุณได้ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถเข้าใจว่างานภาพของ แกมเมลล์ มันมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ด้วย"
ที่มา: Ew.com