แซค เอฟรอน (Zac Efron) ต้องสวมวิญญาณเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เท็ด บันดี ในภาพยนตร์ชีวประวัติ Extremely Wicked, Shockingly Evil And Vile ที่อิงมาจากบันทึกชีวิตประจำวันของ เอลิซาเบธ โคลปเฟอร์ อดีตแฟนสาวของ บันดี แม้จะต้องทุ่มเทพยายามเป็นฆาตกรโรคจิตให้สมบทบาท แต่ เอฟรอน ก็ยอมรับว่าตอนถ่ายทำเขาต้องพยายามไม่ดำดิ่งเข้าไปสู่ความเป็น เท็ด บันดี มากจนเกินไป และต้องคอยดึงสติตัวเองไม่พาตัวละครนี้กลับบ้านไปพร้อมกับเขาด้วย
"ผมต้องคอยระมัดระวังอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ต้องคอยระวังความปลอดภัยของตัวเอง" เอฟรอน ให้สัมภาษณ์กับ Press Association "นี่คือหนังที่ผมไม่ได้พยายามจะดำดิ่งเข้าไปสู่จิตวิญญาณของตัวละครมากจนเกินไป ผมต้องแยกแยะตัวผมเอง แล้วก็ทิ้งเขาไว้ที่กองถ่าย ทิ้งเอาไว้ในห้องขังโดยส่วนใหญ่แล้วอ่ะนะ"
ขณะเดียวกันผู้กำกับ โจ เบอลิงก์เกอร์ (Joe Berlinger) ก็เผยว่า เอฟรอน คือตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวที่เขาอยากให้มาสวมบท บันดี ในหนังเรื่องนี้ "เขาเป็นคนเดียวที่ผมอยากให้มารับบทนี้ เป็นคนแรกที่ผมอยากจะให้มารับบทนี้ด้วย เขาถูกโน้มน้าวนิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เห็นด้วย เพราะเขามองว่ามิชชั่นของหนังเรื่องนี้มันไม่ได้แค่เป็นเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นเพราะว่าเรามีเรื่องที่ต้องการจะสื่อสารออกไปจริง ๆ"
ก่อนที่จะมากำกับหนังเรื่องนี้ เบอลิงก์เกอร์ เคยกำกับซีรี่ย์ชีวประวัติ Conversations with a Killer: The Ted Bundy Tapes ให้ Netflix มาก่อน เมื่อถูกถามว่าเคยคิดมั้ยว่าผลงานทั้ง 2 ชิ้นของคุณมันจะทำให้ บันดี มีชื่อเสียงขึ้นมา เบอลิงก์เกอร์ ก็ตอบว่า "หลาย ๆ คนไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ บันดี มาก่อน ผมไม่คิดว่าพวกเราจะกำลังจะทำสิ่งที่มันน่าชื่นชมออกมาให้ดูกันหรอกนะ เพราะในตอนจบของหนังเหล่านี้ คุณจะได้เห็นว่าสิ่งที่เขาเป็นมันเลวร้าย แล้วมันก็เป็นการใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุด"
เท็ด บันดี ถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีและมีเสน่ห์คนหนึ่ง เขาถูกประหารชีวิตที่ฟลอลิด้าเมื่อปี 1989 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมเด็กวัย 12 ปี รวมถึงพี่น้องอีก 2 คนในงานเลี้ยงมหาวิทยาลัยฟลอลิด้า ก่อนที่เขาจะตายเขาได้สารภาพออกมาว่าเขาลงมือฆ่าผู้หญิงไปมากกว่า 30 คนในช่วงปี 1970 แต่ตัวเลขที่แท้จริงของเหยื่อที่ถูก บันดี ฆ่าก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด และเป็นไปได้ว่ามันอาจจะมากกว่าที่ บันดี สารภาพออกมาก็ได้
ที่มา: Rte.ie