ผ่านสัปดาห์ที่สองของการเข้าฉายพร้อมความสำเร็จ และผลตอบรับที่ดีเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง จากบรรดาผู้ชมออกมาแสดงความรู้สึกจนเกิดกระแส “บอกต่อปากต่อปาก (word of mouth)” ถึงความโรแมนติคซาบซึ้ง อบอุ่นหัวใจที่ไม่ได้เห็นมานาน ทำเอาหลายๆ คนที่ไม่ได้ออกจากบ้านมาชมภาพยนตร์เป็นสิบปี ต้องออกมาพิสูจน์ถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น “เป็นหนังรักในดวงใจแห่งปีของTimeline จดหมาย-ความทรงจำ ที่ทุกคนรักและเป็นที่ยอมรับอย่างเต็มหัวใจ” โดยเฉพาะ “กระแสตอบรับจากผู้ที่ได้ชมแล้ว ต่างเขียนบรรยายถ้อยความรู้สึกผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คหรือ โพสต์ภาพว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สัมผัสความประทับใจของเรื่องราวจากภาพยนตร์ ทั้งนักแสดง คนดังไปจนถึงผู้ชมภาพยนตร์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชื่นชอบตัวละคร จูน-แทน-แม่มัท-เจ้ากระป๋อง และฉากสำคัญๆในภาพยนตร์” ในลักษณะแฟนอาร์ท งานนี้ทำเอา อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับ และ นางเอกสาวเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ ทีมงานนักแสดงปลื้มกันสุดๆ กับผลตอบรับ โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ EAT@Double U ชั้น 9 โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์
พี่อุ๋ย : ผม อยากขอบคุณทุกๆ คอมเมนท์ ทุกๆ โพสต์ที่เข้ามาเขียนในอินสตาแกรมเฟสบุคส์ หรือในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ฯลฯ ในหน้าเพจของผมก็จะมีหลายคนที่ดูแล้วก็จะมาโพสต์รูปตั๋วหนังเต็มไปหมดเลย หรือมาลงคอมเมนท์เกี่ยวกับหนัง ซึ่งส่วนมากก็จะชื่นชอบตัวหนังกัน อย่างเช่นอยากให้พี่อุ๋ยรับผิดชอบ คือไม่ได้ดูหนังแล้วร้องไห้มาเป็นสิบปีแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังใจให้กับผม นักแสดง และทีมงานทุกๆ คน ต้องเรียกได้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Timeline มีตอบรับที่ดีมากๆ แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือแฟนๆ ผู้ชมที่ดูแล้วเขียนรูปจากหนังออกมาเป็นการ์ตูน ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์มากๆ เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับผมเลยนะครับ ดีใจที่ตัวหนังทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วม แชร์ออกมา ดีใจที่ทุกคนรักภาพยนตร์เรื่องนี้และพูดถึงหนังด้วยอารมณ์ที่ซาบซึ้ง เป็นความตั้งใจหลักของเราที่อยากให้อารมณ์ความรักกลับมาสู่ผู้คน”
เต้ย : ตอน นี้ทุกคนเรียกเต้ยว่าจูนแล้วค่ะ เต้ยเองเวลาลงรูปอะไรในอินสตาแกรมก็จะมีเข้ามากดไลก์ มาคอมเมนท์กันคือแฟนๆ เขาก็จะรู้สึกอินกับตัวละครจูน เห็นรูปในอินสตาแกรมตัวเองมีคนมาคอมเมนท์ไม่ได้เขียนว่าเต้ยแต่เขียนว่าจูนๆ สำหรับตัวเต้ยถือว่าประสบความสำเร็จนะคะ แสดงว่าเขาอินกับตัวละครจริงๆ เต้ยก็รู้สึกดีใจกับตัวเองด้วยและดีใจแทนพี่อุ๋ยด้วย อย่างที่เต้ยประทับใจมากคือมีคนที่เขาเข้ามาคอมเมนท์เขาบอกว่าตอนแรกเขา เหมือนอยากจะตายด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ต่อไปทำไม แต่หนังของเราได้สร้างแรงบันดาลใจให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไป เห็นความรักของคุณพ่อคุณแม่และแม้กระทั่งอีกหลายๆ เรื่อง ก็อยากให้ทุกคนออกมาและได้รับสิ่งดีๆ จากหนังเรื่องนี้ค่ะ”
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดีๆ จากภาพยนตร์ไปยังน้องๆ ในชนบทกับ “เปลี่ยนปรากฎการณ์ Timeline เป็นจักรยานแห่งความทรงจำเพื่อฝันของน้องๆ” นำเงินรายได้ที่รวบรวมจากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์รอบการกุศล“Timeline Premiere Screening of Love in Chiangmai” ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ จ.เชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาโดย บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), และรายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืด T-Shirt และผ้าเช็ดหน้า เวอร์ชั่นพิเศษของภาพยนตร์ ที่ทางผกก.อุ๋ยนนทรีย์ และน้องอิงฟ้า ลูกสาวได้จัดทำขึ้นรวมเป็นเงิน 181,000 บ. ร่วมสมทบทุนเพื่อซื้อจักรยานให้กับน้องๆ ที่ด้อยโอกาสในชนบททั้ง 4 ภาค ของประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มมิตรภาพสร้างสรรรค์ Bike Finder โดยคุณญาตา กาญจนภัคพงค์ ประธานกลุ่มและคุณโอศุทธวีร์ฝ่ายกิจกรรมจักรยาน ที่จะเข้าไปร่วมสอน และแนะนำให้เด็กๆ เป็นไกด์มัคคุเทศน์ยุวชนจักรยานเพื่อให้จักรยานเป็นสื่อกลางในการสร้างฝัน และโอกาสให้กับน้องๆต่อไป
พี่อุ๋ย : จาก ที่เราจัดรอบการกุศลขึ้นที่เชียงใหม่ทำให้ เราเก็บเงินมาได้ 81,000 บาทนำมารวมกับรายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืดเวอร์ชั่นพิเศษของหนัง กับผ้าเช็ดหน้าที่ลูกสาวผมทำขึ้นมาอีกประมาณแสนกว่าบาทโดยเรานำไปจัดซื้อ จักรยาน 100 คันเพื่อเด็กผู้ด้อยโอกาสในต่างจังหวัด ที่บางคนใช้ปั่นไปโรงเรียนไปกลับ 8 กิโล หรือบางคนในระหว่างวันที่ต้องปั่นจักรยานมาป้อนข้าวป้อนน้ำแม่ที่ไม่สบาย ซึ่งตัวภาพยนตร์ของเราเองก็มีเรื่องที่เกี่ยวกับจักรยานเป็นสัญลักษณ์ด้วย อยู่แล้ว ก็เลยอยากที่จะสานต่อ โดยร่วมกับทางกลุ่มมิตรภาพสร้างสรรค์ bike Finder คือทางเราจะไปคุยกับทางททท. ในแต่ละภาคเพื่อจะให้มีการอบรม 1.การใช้จักรยานให้ถูกต้อง 2.แนะนำให้เขารู้จักสร้างรายได้ให้กับตัวเขาเองก็คือให้เขารู้จักให้เป็น มัคคุเทศน์รู้จักให้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในชุมชนของเขาเวลานักท่องเที่ยวมาเขาก็จะสามารถเป็นไกด์คอยพาไปเที่ยวได้ น้องเขาก็จะได้รายได้ตรงนั้นที่จะมาบำรุงจักรยานหรือเพื่อที่จะมีรายได้มี โอกาสในการที่จะศึกษาต่อได้
เต้ย : เดิม พี่อุ๋ยตั้งเป้าไว้แค่ 50 คัน แต่ตอนนี้เราได้จักรยาน 100 คันก็รู้สึกดีใจกันมากๆ สำหรับใครที่สนใจอยากจะมาช่วยกันร่วมบุญช่วยเหลือน้องๆ ได้ ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าก็ยังเหลืออยู่นะคะ ซื้อได้ที่แฟนเพจของพี่อุ๋ย http://facebook.com/nonzee.nimibutr และใครที่คิดว่าจะดูแล้วยังไม่มีเวลาว่างนะคะ ก็อยากชวนให้ออกมาดูกัน ก็อยากให้ทุกคนออกมาและได้รับสิ่งดีๆ จากหนังเรื่องนี้ค่ะ
พี่อุ๋ย : หนัง ของเรายังฉายอยู่นะครับ และอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในความรู้สึกในความรักในความจับใจในความอิ่มเอม ความรู้สึกดีๆด้วยกันนะครับก็ออกมาดูกันเถอะครับน้องๆ พี่ๆ ผู้ชายที่กลัวว่าจะเสียฟอร์มกับการร้องไห้ เชื่อผมเถอะครับ ว่าความปิติ ความอิ่มเอมมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว มันเติมความรักในน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้เต็มที่จริงๆ ให้ได้มีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป”