1. เปิดตัวโรบินฮู้ดคนใหม่ของโลก ทารอน อีเกอร์ตัน นักแสดงหนุ่มสายเลือดอังกฤษที่โด่งดังไปทั่วโลกจากบทบาทแจ้งเกิดใน Kingsman รับบทเป็น "พยัคฆ์ร้ายโรบินฮู้ด" ที่รับรองว่าแตกต่างจากโรบินฮู้ดทุกเวอร์ชั่นและเข้าถึงคนเจเนอเรชั่นใหม่อย่างแน่นอน จากนายทหารผ่านศึกในสงครามครูเสดก้าวสู่ฐานะวีรบุรุษจอมโจรที่มากับตัวตนที่วัยรุ่นกว่า กล้าได้กล้าเสีย บู๊มันสะใจ ลีลาการต่อสู้สุดโลดโผน มุ่งมั่นปล้นคนชั่วคืนศักดิ์ศรีให้ชาวเมืองนอตติงแฮม
2. ประกบด้วยเจ้าของรางวัลออสการ์ เจมี่ ฟ็อกซ์ จาก Ray และผลงานบล็อคบัสเตอร์อย่าง The Amazing Spider-Man 2 และ Baby Driverในบทบาทของ ลิตเติ้ล จอห์น สหายคนสนิทที่เป็นเสมือนเมนเทอร์คู่หูของโรบินฮู้ด คอยฝึกฝนวิชาการต่อสู้อันเหนือชั้น และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพลิกโฉมจากนายทหารให้เป็นวีรบุรุษจอมโจรของปวงชน
3. เสริมกำลังรบทีมพยัคฆ์โดย เจมี่ ดอร์แนน นักแสดงหนุ่มหล่อที่จะล้างภาพของหนุ่มเซ็กซี่สะท้านโลกในไตรภาค Fifty Shades ด้วยการพลิกบทบาทในภาพยนตร์แอคชั่นเต็มตัว รับบท วิล สการ์เลต โจรหนุ่มหัวกบฎที่ฝีมือเดือดไม่แพ้ใครผู้ต้องการทวงความยุติธรรรมกลับคืนให้ผู้คนเช่นกัน อย่างไรก็ดี ถึงวิลจะเป็นเพื่อนร่วมรบแต่ก็เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของโรบินฮู้ดเมื่อทั้งสองต่างปรารถนาในตัวหญิงสาวคนเดียวกัน
4. นักแสดงสาวสุดสวยชาวไอริช อีฟ ฮิวสัน ที่แจ้งเกิดจากผลานคุณภาพของ สตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่อง Bridge of Spies สู่บทนางเอกเต็มตัวกับการรับบทของ แมเรียน สาวงามมาดเลดี้แต่หัวใจแกร่งไม่แพ้บุรุษ เธอเกิดมาเป็นผู้นำที่มองออกว่าบ้านเมืองของเธอต้องการการเปลี่ยนแปลง และเธอผู้นี้คือผู้หญิงที่เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางให้ผู้ชายอย่างโรบินฮู้ดยินดีจะมอบทั้งชีวิตให้ นอกจากนี้ อีฟ ฮิวสัน ยังเป็นลูกสาวคนสวยของศิลปินระดับตำนานอย่างโบโน่แห่งวง U2 ด้วย
5. เบน เมนเดลโซห์ อีกหนึ่งนักแสดงดาวร้ายของทศวรรษนี้ จากเจ้าของบทผู้บัญชาการสุดเหี้ยม ออร์สัน เครนนิค ที่แฟนหนังจดจำได้ดีใน Rogue One: A Star Wars Story สู่บทบาท นายอำเภอแห่งนอตติ้งแฮม ผู้กระหายอำนาจเหนือทุกสิ่ง แต่การถ่ายทอดบทนายอำเภอของเขาในเวอร์ชั่นนี้ซับซ้อนยิ่งกว่า อำมหิตกว่า และมีเป้าหมายเดียวคือต้องการให้คนอื่นทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับตัวเขาที่เคยเติบโตมาอย่างเด็กกำพร้า
6. Robin Hood ในเวอร์ชั่น 2018 นี้ ได้ซูเปอร์สตาร์หนุ่ม ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มานั่งแท่นผู้อำนวยการสร้าง ด้วยความประทับใจในแก่นเรื่องที่สุดคลาสสิค และมองเห็นโอกาสในการตีความใหม่ต่อต้นกำเนิดความเป็นขบถของโรบินฮู้ดให้เข้ากับผู้ชมในยุคปัจจุบัน
7. ผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่อย่าง ออตโต บาตเฮิร์ส ที่ฝากผลงานจากสองซีรี่ย์สที่ประสบความสำเร็จอย่าง Black Mirror และ Peaky Blinders ได้รับมอบหมายในการปฏิวัติภาพของโรบินฮู้ดที่คนทั้งโลกเคยเห็นกันจนชินตา ให้เป็นทั้งภาพยนตร์แอคชั่นและภาพยนตร์จารกรรมที่เสี่ยงตาย มันส์ระทึก กระชับฉับไว แต่ยังคงจิตวิญญาณแอนตี้ฮีโร่ที่ไม่ขอยอมรับการกดขี่ขมเหงในทุกรูปแบบเอาไว้อย่างครบถ้วน
8. ทำไมโรบินฮู้ดถึงกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมากว่า 800 ปี? นั่นเป็นเพราะ โรบินฮู้ด เป็นเสมือนตัวแทนที่สะท้อนให้เห็นว่าเขาก็เหมือนกับเราทุกคนที่ไม่ได้เกิดมามีพลังพิเศษแบบซูเปอร์ฮีโร่ แต่เขาคือตัวแทนที่ขอลุกขึ้นสู้กับความบ้าอำนาจ คอรัปชั่น และการกดขี่จากคนที่เป็นใหญ่ในสังคม ซึ่งมีอยู่บนโลกใบนี้ทุกยุคทุกสมัย และไม่ใช่แค่โลกภาพยนตร์ โรบินฮู้ดยังเป็นตำนานที่จุดประกายให้กับนักเขียน ศิลปิน นักเล่าเรื่อง และคนทำละครมาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาในการสร้างสรรค์จินตนาการเรื่องราวของเขาในมุมมองที่แตกต่างกันไป
9. ผู้กำกับภาพยนตร์ ยกเครื่องเมืองนอตติ้งแฮม ใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนให้นอตติ้งแฮมในเวอร์ชั่นนี้มีเอกลักษณ์เป็นเมืองอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนา ซึ่งหากนอตติ้งแฮมล่มสลาย จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแผ่นดินอังกฤษแน่นอน
10. ทารอน อีเกอร์ตัน ต้องฝึกยิงธนูอย่างหนักกับสองปรมาจารย์แห่งศาสตร์ยิงธนู สตีฟ ราล์ฟส และ ลาร์ส แอนเดอร์เซน เพื่อสวมวิญญาณเป็นนักรบธนูของแท้ และเข้าฉากแอคชั่นแบบไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน และทั้งสองต่างต้องทึ่งกับทักษะการยิงธนูแบบชวนตะลึงของ ทารอน โดยเขาสามารยิงธนู 3 ดอกได้ภายในเวลาแค่ 2 วินาที! แน่นอนว่า เพียงแค่ความเร็วสูงของธนูก็เปลี่ยนมุมมองที่ผู้คนมีต่อโรบินฮู้ดไปตลอดกาล
11. และธนูของโรบินฮู้ด 2018! ที่ไม่ใช่ธนูธรรมดาสำหรับต่อสู้ระยะไกลเท่านั้น แต่ในภาคนี้ธนูของโรบินยังสามารถสู้ในระยะประชิดได้อีก โดยทางทีมออกแบบอาวุธ ได้ออกแบบให้ธนูของเขาติดสนับมือที่ด้ามจับ เพื่อใช้ปลายธนูแหลมโจมตีระยะประชิดได้อีกด้วย
12. ธนูไม่ใช่อาวุธเดียวที่ได้รับการพัฒนาเท่านั้น! แต่ Robin Hood ยังได้ ทิม ไวล์ดกูส นักออกแบบอาวุธชื่อดัง (จากผลงานอย่าง World War Z และ Assassing's Creed เป็นต้น) มาเป็นหัวหอกในการออกแบบอาวุธต่อสู้สุดเจ๋งอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าไม้ที่ยิงได้ต่อเนื่องไม่ต่างจากปืนกล, ปืนอาร์พีจีแบบยิงลูกธนู 30 ดอกพร้อมกัน, หน้าไม้ยิงระเบิดแก๊ส, ธนูสไนเปอร์ และ กระบองนอตติ้งแฮม และอาวุธที่ใช้ในเรื่องทุกชิ้นสามารถใช้งานได้จริง
13. ทุ่มทุนใช้อุปกรณ์การถ่ายทำระดับโปร! ผู้กำกับภาพใช้กล้อง Panavision DXL 65mm ที่สามารถบันทึกความละเอียดได้ถึง 8K! รวมทั้งการถ่ายทำในฟอร์แมต 65 มม. ด้วยเลนส์ความละเอียดสูง Primo 70 ทำให้ควบคุมความชัดลึก-ชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ ไม่เพียงเท่านั้น ยังใช้อุปกรณ์แฮนด์เฮลด์แบบพิเศษในการถ่ายฉากกระโจนข้ามหลังคาช่วยให้ภาพออกมาดุเดือดสมจริงไม่ต่างจากหนังสงครามอย่าง Black Hawk Down
14. ลงทุนถ่ายทำฉากหลักใน 2 ประเทศตลอดระยะเวลาเวลา 120 วันของการถ่ายทำ ได้แก่เมืองประวัติศาสตร์ของ Unesco อย่างเมือวดูบรอฟนิกในประเทศโครเอเชียที่เคยใช้ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ Game of Thrones สตูดิโอในบูดาเปสต์ ฮังการี ที่เนรมิตให้เป็นเมืองนอตติงแฮมและฉากหลังของสงครามครูเสดสุดยิ่งใหญ่!
15. ทีมงานของ Robin Hood ได้ออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าขึ้นมาใหม่ถึง 95% ของจำนวนทั้งหมด โดยฉีกกฏการออกแบบให้เป็นยุคกลางที่มีกลิ่นอายโมเดิร์น ทะมัดทะแมง รวมทั้งชุดสำคัญของเรื่อง เสื้อฮู้ด ของโรบินฮู้ด ที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดของแก๊งค์มอเตอร์ไซค์มาผสมผสานกับผ้าคลุมนักรบซามูไร
16. ฮู้ด ที่โรบินฮู้ดสวมใส่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้อำพรางตัวเท่านั้น แต่มันยังเป็นสิ่งที่ปลุกจิตวิญญาณของนักรบที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจมืด ฮู้ด จึงกลายเป็นเสมือนส่วนหนึ่งในตัวเขาทุกครั้งที่เขาสวมมัน