โรเบิร์ต รอดริเกซ (Robert Rodriguez) ผู้กำกับที่เป็นที่รู้จักมาจากผลงานทุนสร้างปานกลาง อาทิ Sin City (2005) และหนังแฟรนไชน์ชุด Spy Kids ได้ตัดสินใจก้าวออกจากโซนปลอดภัย เพื่อเข้ามารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Alita: Battle Angel ที่กำลังจะเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019
"ผมรู้ดีว่ามันเป็นความท้าทายที่ต้องมาทำหนังที่มันใหญ่กว่าเดิม" รอดริเกซให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ที่งาน New York Comic Con พร้อมเสริมว่าทุนสร้างที่มากขึ้นมันทำให้เขาสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้นด้วยเหมือนกัน "ผมว่าผมสามารถบริหารมันให้อยู่ภายใต้ต้นทุนที่แน่นอนได้ แล้วผมก็แค่ทำให้มันดูดี ผมจะเลือกใครก็ได้ที่ผมต้องการมาแสดง ทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากจะทำ ผมชอบที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในจุดนั้นนะ"
THR เคยรายงานเอาไว้เมื่อปี 2016 ก่อนที่หนัง Alita จะเคาะทุนสร้างไว้ที่ประมาณ 175 - 200 ล้านเหรียญว่าโปรเจ็คนี้มันอยู่ในแผนสร้างมานานแล้ว โดยวางตัวให้ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) เป็นคนกำกับตั้งแต่ช่วงกลางยุค 2000 ดังนั้นมันจึงถือได้ว่าเป็นภาระที่หนักหน่วงไม่น้อยเมื่อรอดริเกซต้องก้าวเข้ามาสานต่อชิ้นงานของคาเมรอน หลังจากคาเมรอนตัดสินใจถอนตัวจะตำแหน่งผู้กำกับ Alita เพื่อหันไปทุ่มเทเวลาให้กับ Avatar (2009) และหนังภาคต่อของมันแทน
"งานของผมคือการเข้ามาทำให้สิ่งที่เขาสร้างสรรค์เอาไว้แล้วมันมีชีวิตขึ้นมา ซึ่งเขาไม่สามารถทำได้เพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับโปรเจ็คหนัง Avatar เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นเราก็คงไม่มีวันได้ดูหนังเรื่องนี้" รอดริเกซกล่าว "สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการก็คือผมอยากให้เขาดูมัน แล้วก็ไม่พูดออกมาว่า 'เอ่อ... ให้ตายเถอะ ผมรู้แล้วว่าผมควรจะถ่ายมันด้วยตัวเอง' ดังนั้นผมเลยอยากให้เขารู้สึกว่ามันก็เป็นหนังเรื่องหนึ่งของ จิม คาเมรอน เองด้วยเหมือนกัน"
Alita: Battle Angel อิงมาจากการ์ตูนมังงะที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดย ยูกิโตะ คิชิโระ (Yukito Kishiro) ในช่วงยุค 90 ทั้งตัวละคร อลิตา และการ์ตูนเป็นผลงานที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนตกหลุมรัก เมื่อรอดริเกซได้ก้าวเข้ามาช่วยสานต่อสคริปท์ เขาจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญในการหานักแสดงที่เหมาะสมเพื่อมารับบทเป็นอลิตา
"เราได้เจอกับเด็กผู้หญิงเป็นร้อย ๆ คน" รอดริเกซพูดถึงการแคสติ้ง โรซา ซาลาซาร์ (Rosa Salazar) มารับบทเป็นอลิตา "เธอเป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกมาได้ดีที่สุด เธอจับความรู้สึกได้ดีที่สุด นับจากครั้งแรกที่เราได้เจอเธอ ผมก็ไม่สามารถจินตนาการถึงใครคนไหนได้อีกเลย" ด้านซาลาซาร์เองก็เล่าถึงประสบการณ์ที่ต้องผ่านกระบวนการออดิชั่นอันยาวนานไว้ว่า "ฉันเป็นคนที่มีหลากหลายอารมณ์ ซึ่งฉันคิดว่านั่นมันคือส่วนหนึ่งที่โอบกอดมันไว้สำหรับตัวฉัน"
ในงาน New York Comic Con ฟ็อกซ์ได้โชว์คลิปต่าง ๆ จากหนัง Alita: Battle Angel ให้สื่อมวลชนและแฟน ๆ ที่มาร่วมงานได้ชมกันกว่า 20 นาที ซึ่งมันได้โชว์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างอลิตากับพ่อของเธอ ดร.ไดสัน อิโดะ ที่รับบทโดย คริสตอฟ วอลท์ซ (Christoph Waltz) รวมไปถึงทักษะการต่อสู้ระดับเทพของเธอ ซึ่งซาลาซาร์บอกว่าเธอต้องเข้ารับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบอย่างหนักเพื่อมารับบทนี้
"ฉันต้องฝึกทั้ง กรงเล็บอินทรีย์, มวยไทย, คิกบ็อกซิ่ง แล้วก็ฝึกกับคนด้วย" ซาลาซาร์กล่าว "มันเป็นการฝึกฝนร่างกายให้คล่องแคล่วที่เราต้องทำกันมากว่า 5 เดือน 2 ชั่วโมงครึ่งในทุก ๆ วัน ยกเว้นวันอาทิตย์ มันได้เปลี่ยนวิถีการไดเอ็ทแล้วก็ชีวิตของฉันไปเลย"
เพื่อที่จะทำออกมาอย่างถูกต้องรอดริเกซและทีมงานของเขาได้มาร่วมมือกับบริษัท Weta Digita ที่เคยทำงานให้หนังยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เรื่อง อาทิ Lord of the Rings films, King Kong, The Jungle Book และ Avatar "แม้ว่าพวกเขาจะทำมันทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำเหล่านั้น แต่เราก็ยังพยายามที่จะปรับเปลี่ยนใบหน้าของอลิตาอยู่เรื่อย ๆ" รอดริเกซกล่าว "ทุกครั้งพวกเขาจะเข้ามาเพื่อเปรียบเทียบฉากใหม่ที่โรซาต้องแสดงออกเยอะ ๆ เธอแสดงสีหน้าที่มันไม่สามารถถอดความได้ พวกเขาเลยต้องปรับเปลี่ยนใบหน้าใหม่อีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ต้องเปลี่ยนใบหน้าทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำมาก่อนหน้านี้เพื่ออัพเดทพวกมัน"
รอดริเกซทิ้งท้ายว่าเขาอยากให้ทุกคนได้ชม Alita: Battle Angel ในระบบ IMAX 3D "เราถ่ายมันด้วย Native 3D จิมกับผมขอสนับสนุนให้ชมบนจอยักษ์ 3D เพราะมันเป็นทัศนวิสัยของอนาคตที่แท้จริง ผมหมายถึงว่าจริง ๆ แล้วมันมีรายละเอียดเยอะเลยที่จะได้เห็น ได้ยิน แล้วมันก็น่าประทับใจมาก ผมเองก็อยากจะดูหนังของจิม คาเมรอนบนจอใหญ่เหมือนกัน ผมได้ดู Avatar บนจอ IMAX ยักษ์ และนั่นมันก็ได้ประทับตราเอาไว้ในชีวิตผม"
ที่มา: hollywoodreporter.com