เมื่อพูดถึงภาพยนตร์แนวสงครามในฮอลลีวู้ด ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน ถ่ายทอดปฏิบัติการของเหล่าทหารบกที่ต้องปะทะกับศัตรูแบบระยะประชิด และใช้อาวุธปืน ระเบิด หรือรถถังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรบ แต่ยังมีหนังสงครามอีกส่วนหนึ่งที่หยิบเอาเรื่องราวปฏิบัติการในสมรภูมิใต้ทะเลลึก โดยมีสุดยอดอาวุธ "เรือดำน้ำ" เป็นตัวชูโรงซึ่งแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นเต้นของฉากรบใต้น้ำ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมไม่น้อยหน้าหนังสงครามใดๆ แม้แต่น้อย มาร่วมนับถอยหลังก่อนปฏิบัติการครั้งใหม่ใน "Hunter Killer สงครามอเมริกาผ่ารัสเซีย" จะอุบัติ ไปกับ 5 หนังสงครามเรือดำน้ำ เรื่องเยี่ยมที่โลกไม่เคยลืม
Das Boot (1981) ภาพยนตร์สงครามสัญชาติเยอรมันที่ได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์เรือดำน้ำที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีการสร้างมา โดยฝีมือของผู้กำกับ วูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน ดำดิ่งไปกับภารกิจของเรืออู-96 ในปฏิบัติการทำลายขบวนเรือสินค้าของอังกฤษแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก ก่อนที่จะต้องเปิดฉากโจมตีกับกองเรือของอังกฤษระหว่างเล็ดลอดผ่านช่องแคบยิบรอลตา
ปีเตอร์เซนนำเสนอภาพยนตร์ผ่านมุมมองของลูกเรือ โดยเน้นถึงความเป็นอยู่ของลูกเรือขณะใช้ชีวิตในเรือดำน้ำ ทั้งความเครียด ความอึดอัด และความหวาดกลัวขณะทำการรบ ภาพยนตร์ใช้เวลาถ่ายทำนานถึงสองปี ใช้กล้องมือถือติดตามนักแสดงที่ใช้ชีวิตอยู่ในฉากเรือดำน้ำเป็นเวลานานหลายเดือนโดยไม่มีโอกาสได้ออกมาอยู่กลางแจ้ง ภาพยนตร์สร้างด้วยงบประมาณสูงถึง 35 ล้านมาร์กเยอรมันเนื่องจากผู้กำกับต้องการให้มีความสมจริงในทุกด้าน นับเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นอันดับสองของเยอรมนี
The Hunt For Red October (1990) ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ดัดแปลงจากผลงานเรื่องแรกในนวนิยายชุด แจ็ค ไรอัน โดยปลายปากกาของ ทอม แคลนซี เป็นผลงานกำกับของ จอห์น แมคเทียร์แนน เรื่องราวของผู้บังคับการเรือฝ่ายโซเวียตที่ต้องการแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตกเป็นหน้าที่ของ แจ๊ค ไรอัน CIA หนุ่มที่ต้องพิสูจน์เบื้องหลังของการเปลี่ยนฝ่ายครั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างสองชาติ นำแสดงโดย ฌอน คอนเนอรี และอเล็ก บอลด์วิน
ในตอนแรก The Hunt For Red October เป็นนวนิยายที่ได้รับความนิยมแต่ยังไม่มีค่ายไหนสนใจจะนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เนื่องจากมีเนื้อหาที่ซับซ้อนและสุ่มเสี่ยง ในที่สุด อเล็ก บอลด์วิน ถูกเรียกตัวให้มาแสดงในช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1988 เขาได้รับการฝึกให้ควบคุมเรือดำน้ำชั้นลอสแอนเจลิสโดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะได้รับบทเป็น "แจ็ค ไรอัน" ในขณะที่ ฌอน คอนเนอรี รับบท "มาร์โก เรเมียส" ผู้บังคับการเรือ Red October ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกได้สูงถึง 200.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงบสร้างแค่ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Crimson Tide (1995) ถือเป็นภาพยนตร์เรือดำน้ำที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนอีกเรื่องหนึ่ง เพราะได้สองดาราแม่เหล็กในเวลานั้นอย่าง เดนเซล วอชิงตัน มาประชันบทกับ "ยีน แฮคแมน" แถมบวกกับฝีมือของ โทนี่ สก็อตต์ สุดยอดผู้กำกับสายแอคชั่นผู้ล่วงลับ ทำให้ Crimson Tide ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความระทึกและความสมจริงของยุทธการทางทหารจนครองใจทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์
เรื่องราวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตระดับโลก กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้ยิงนิวเคลียร์ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นทันทีที่นาวาโทสูงประจำเรือดำน้ำ (แฮคแมน) และรองผู้บังคับการคนสนิท (วอชิงตัน) ขัดแย้งกันเรื่องความน่าเชื่อถือของคำสั่ง และต่อสู้กันด้วยจิตวิทยาเพื่อเป็นผู้บังคับเรือลำนี้
U-571 (2000) นำแสดงโดย แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, บิลล์ แพ็กซ์ตัน, ฮาวีย์ ไคเทล และจอน บอง โจวี กำกับการแสดงโดย โจนาธาน มอสโทว์ ค.ศ. 1942 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเรือสหรัฐจับสัญญาณเรดาร์ได้ว่า เรือดำน้ำของนาซีเยอรมันรุ่น อู-571 (U-571) ลำหนึ่งจอดเสียลอยน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ที่สำคัญในเรือลำน้ำมีเครื่องส่งสัญญาณ อีนิกม่า (Enigma) อยู่ด้วย ซึ่งถ้ายึดเครื่องนี้มาได้จะเป็นจุดหักเหของยุทธบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเลยทีเดียว
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีงานสร้างและการออกแบบศิลป์ย้อนไปในยุคสมัยนั้นอย่างแท้จริง จนมีการนำไปเปรียบเทียบกับเรื่อง Das Boot และเมื่อเข้าฉายแล้วก็สามารถทำรายได้เป็นอันดับ 1 ของตารางบ็อกออฟฟิศได้ถึง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ว่าสร้างบรรยายกาศกดดันได้เป็นอย่างดี และได้ชนะเลิศรางวัลออสการ์ สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยมในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 73
K-19: The Widowmaker (2002) เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงของเรือดำน้ำชั้นโฮเทล หมายเลข K-19 ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1961มันคือเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สัญชาติโซเวียต ที่ประสบอุบัติเหตุกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลเนื่องจากระบบหล่อเย็นชำรุดขณะ ปฏิบัติการอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ภาพยนตร์กำกับโดยผู้กำกับหญิงแกร่งของวงการ แคทริน บิเกโลว์ ที่ต่อมาเธอกลายเป็นผู้ชนะรางวัลออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากอีกหนึ่งภาพยนตร์สงครามเรื่อง The Hurt Locker
นำแสดงโดยสองตัวพ่อแห่งวงการแอคชั่น แฮร์ริสัน ฟอร์ด และเลียม นีสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ใช้ทุนสร้างสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นภาพยนตร์อิสระที่สร้างด้วยทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์ริเริ่มจากแนวคิดของแคทริน บิเกโลว์ ที่ต้องการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเรือดำน้ำ K-19 ผู้เขียนบทเดินทางไปรัสเซียเพื่อพบกับ นาวาเอกนีโคไล ซาเตเยฟ ผู้บังคับการเรือ และนาวาเอกวลาดีมีร์ เยนิน ต้นเรือ ต่อมาบิเกโลว์เดินทางไปสมทบ และสัมภาษณ์ลูกเรือทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่