ทอม ฮาร์ดี้ (Tom Hardy) และริซ อาห์เหม็ด (Riz Ahmed) มีโอกาสได้มานั่งให้สัมภาษณ์กับ RTE Entertainment พร้อมเปิดใจถึงความกดดันที่ต้องมารับบทเป็นตัวละครที่มีสาวกตัวยงจากทั่วโลกคอยติดตาม และคาดหวังเป็นอย่างสูงต่อผลลัพธ์ที่ออกมา โดยในเรื่องฮาร์ดี้จะรับบทเป็นทั้งนักข่าวสืบสวน เอ็ดดี้ บร็อค และเอเลี่ยนซิมไบโอต เวน่อม ขณะที่อาห์เหม็ดจะรับบทเป็น คาร์ลตัน เดรค มหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ ผู้นำองค์กร Life Foundation ที่กำลังศึกษาทดลองเกี่ยวกับซิมไบโอต
“การเดิมพันหลาย ๆ อย่างมันมักจะมีมูลค่าสูงเสมอ เพราะผมต้องการที่จะมั่นใจว่าผมได้สร้างผลงานดี ๆ ออกมาให้กับเหล่าสาวกตัวยงด้วยหนังแบบนี้ และสำหรับ Venom มันก็ยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่” อาห์เหม็ดพูดถึง Venom หนังฉายเดี่ยวเรื่องแรกที่จะพาเวน่อมออกมาแนะนำตัวกับผู้ชมบนจอยักษ์อย่างเป็นทางการ “มันน่าอัศจรรย์ที่ได้เห็นความสนใจระดับนั้น หลาย ๆ คนเรียกผมให้หยุดบนถนนเพื่อที่จะถามถึงหนังเรื่องนี้”
ฮาร์ดี้แทรกขึ้นมาว่า “พวกเขารักเวน่อมจริงมั้ย” แล้วอาห์เหม็ดก็เสริมว่า “ผมคิดว่ามันวิเศษไปเลย ตอนนี้เขามีช่วงเวลาของตัวเองที่จะได้เปล่งประกาย ด้วยการที่ตัวละครจากการ์ตูนได้มีหนังเป็นของตัวเขาเอง เพราะผมคิดว่าผู้ชมเองก็หิวกระหายที่จะได้เห็นมัน เรารู้ดีว่ามันมีการติดตามอะไรแบบนั้น เราต้องทำมันออกมาอย่างถูกต้องเพื่อตัวละครนี้ และเพื่อแฟน ๆ เหล่านั้นอย่างแน่นอน”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮาร์ดี้ต้องมารับบทเป็นตัวละคร 2 ตัวในหนังเรื่องเดียว ก่อนหน้านี้เขาเคยรับบทเป็นฝาแฝดตระกูลเครย์ในหนังอาชญากรรม Legend (2016) มาแล้ว ฮาร์ดี้บอกว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ตัวละครเวน่อมขึ้นมาจากนักสู้ MMA ชาวไอริช คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ (Conor McGregor) เพราะแม็คเกรเกอร์ต้องการจะฉีกคู่ต่อสู้ทุกคนให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ “มันมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของ เอ็ดดี้ บร็อคที่ควรจะยึดติดไว้ด้วยใครสักคนที่มีพละกำลังคล่องตัวอย่างน่าทึ่ง และแน่นอนว่าคอเนอร์เขาเป็นคนที่มีพละกำลังคล่องตัวอย่างน่าทึ่ง มันเป็นมุมมองของทางสตูดิโอที่ต้องการใครสักคนที่สามารถต่อสู้ได้ ซึ่งพวกเขามักจะทำอะไรแบบนี้เสมอในหนังฮีโร่ พวกเขาอยากได้ใครสักคนที่สามารถฉีกคู่ต่อสู้ให้เป็นชิ้น ๆ ได้ แน่นอนว่าคอเนอร์เขาก็ต้องการที่จะฉีกคู่ต่อสู้ทุกคนเป็นชิ้น ๆ เหมือนกัน ซึ่งนั่นมันมีประโยชน์มากเลย”
ฮาร์ดี้ยังบอกอีกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่า Venom เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ด้วยมุมมองหลาย ๆ อย่าง “แน่นอนว่ามันเป็น” ฮาร์ดี้ยอมรับ ก่อนจะอธิบายเสริมว่า “แต่สำหรับผมภายในของมันและการที่ได้เข้ามาทำงานในหนังเรื่องนี้ มันโคตรกดดันเลยที่ต้องมาเล่นเป็นสัตว์ประหลาด ผมคงไม่บอกว่ามันเป็นมอนสเตอร์หรอกนะ แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่มีอยู่อย่างแท้จริง มันมีลักษณะเฉพาะตัวที่ยิ่งใหญ่ มันมีชีวิตชีวาสุด ๆ เลยด้วย มันทั้งสนุกแล้วก็อันตราย มันไปเช่าพื้นที่เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่ในร่างของมนุษย์ และพยายามที่จะเจรจาถึงข้อเท็จจริงอะไรแบบนี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่วิกลจริตในมุมมองของใครหลาย ๆ คน แต่นั่นมันกลับกลายเป็นไดนามิคที่แท้จริงของมัน มันมีทั้งการต่อสู้ที่ดีและเลวร้าย แต่มันมีความเป็นสีเทามากกว่านั้น มันมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของซูเปอร์ฮีโร่ และโลกของการ์ตูน แต่ตัวละครที่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ซูเปอร์แมนที่จะมาใส่กางเกงในแล้วบินขึ้นไปในอากาศด้วยแสงเลเซอร์ในดวงตา มันมีความเป็นมนุษย์และความดั้งเดิมมากกว่านั้น”
ด้านอาห์เหม็ดเสริมต่อว่า “ผมว่ามันมีเวลาเยอะมากที่ตัวละครหลาย ๆ ตัวจะถูกนำเสนอทั้งในฐานะตัวดีและตัวร้าย ผมว่าอย่างที่ฮาร์ดี้บอกนั่นแหละหนังเรื่องนี้มันจะมีพื้นที่สีเทาค่อนข้างเยอะหน่อย มันมีทั้งเรื่องดีแล้วก็ไม่ดีเกี่ยวกับ เอ็ดดี้ บร็อค แล้วมันก็มีทั้งเรื่องดีแล้วก็ไม่ดีเกี่ยวกับเวน่อมด้วย เหมือนกับตัวละครของผม คาร์ลตัน เดรค ความตั้งใจของเขาคือการปกป้องมวลมนุษยชาติ แล้วก็ต้องการจะมั่นใจว่าพวกเราจะมีบ้านอยู่หลังจากแผ่นดินโลกมันไร้ประโยชน์ เมื่อมันถูกทำลายล้างเพราะสภาพแวดล้อมมันพังทลายลง ดังนั้นเขาก็เลยพยายามที่จะปกป้องเรา เขาเป็นคนที่เราควรจะให้กำลังใจ! มันแค่เกิดขึ้นด้วยหนทางที่เขาควรจะเลี่ยงมันสักหน่อย”
Venom พร้อมฉาย 11 ตุลาคมนี้