ด้วยยอดตัวเลขสูงถึง 700 ล้านเหรียญบนบ็อกซ์ออฟฟิสสหรัฐฯ ได้ส่งให้ภาพยนตร์เรื่อง Black Panther กลายเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปแล้ว มันเป็นหนังอีกเรื่องที่สามารถทำลายกำแพงอุปสรรคของหนังที่ใช้นักแสดงผิวสีเป็นตัวละครหลักได้อย่างราบคาบ และเมื่อฝ่าบาท แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ออกมาปลุกแคมเปญจ์ล่ารางวัลเพื่อเป็นของขวัญให้กับชาววากานด้า และสาวกผู้ภักดีต่อที'ชาลล่าด้วยตัวเอง ก็ไม่แน่ว่างานนี้มันอาจจะช่วยหลอมละลายกำแพงเหล็กที่กั้นกลางระหว่างหนังดัดแปลงจากการ์ตูนกับเวทีออสการ์ก็เป็นได้ ที่สำคัญเขายังหวังไว้อีกว่ามันจะไม่ใช่แค่รางวัลภาพยนตร์ยอดนิยม ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่ออสการ์เพิ่งจะเพิ่มเข้ามาในปีนี้เท่านั้น แต่เขาอยากให้ Black Panther สามารถก้าวไปคว้ารางวัลสูงสุดของงานมาครองให้ได้มากกว่า
“เราไม่รู้ว่ารางวัลใหม่นั่นมันคืออะไร ดังนั้นผมก็เลยไม่รู้ว่าผมควรจะแฮ๊ปปี้กับมันหรือไม่” โบสแมนกล่าว “สิ่งที่ผมสามารถบอกได้ก็คือมันไม่ได้มีแคมเปญจ์ที่เราต้องการจะไต่เต้าสำหรับในส่วนของหนังยอดนิยม อย่างเช่นว่าถ้ามันจะมีแคมเปญจ์สักแคมเปญจ์หนึ่ง มันต้องเป็นแคมเปญจ์สำหรับหนังยอดเยี่ยม นั่นคือจุดยืนทั้งหมดของมัน”
ตามรายงานข่าวของ THR ระบุว่า Disney ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญที่แกร่งประสบการณ์อย่าง ซินเธีย สวาร์ทซ์ (Cynthia Swartz) ที่เคยช่วยส่ง The Social Network (2010), Boyhood (2014) และ The Grand Budapest Hotel (2014) ไปล่ารางวัลบนเวทีออสการ์มาแล้ว ให้มาช่วยหนุนแคมเปญจ์ลุ้น Black Panther เข้าชิงออสการ์ในปีนี้ และเช่นที่โบสแมนบอกมันดูเหมือนว่าพวกเขาสนใจจะส่งให้ Black Panther ขึ้นไปเป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีมากกว่าที่จะได้เป็นแค่หนังยอดนิยมแห่งปีเท่านั้น
“หนังดีมันก็คือหนังดี แล้วมันก็ชัดเจนเลยว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าจะต้องใช้เงินเพื่อทำให้มันกลายเป็นหนังดีสักเรื่อง (ในใจของสมาชิกอคาเดมี่) มากน้อยขนาดไหน เพราะหากมันทำให้ออกมาเป็นหนังดีได้ หนังพวกนั้นก็ควรจะได้เข้าชิง แล้วก็ชนะได้ ซึ่งในช่วงปีหลัง ๆ มานี้มันไม่ได้เป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ควรจะได้เข้าชิง และหากมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันก็ไม่สำคัญทั้งสองแง่นั่นแหละ สำหรับเงินของผมนะ สิ่งเดียวที่สำคัญเลยก็คือระดับความยากของมัน” โบสแมนกล่าว
“สิ่งที่เราทำลงไปมันยากมาก ๆ เราได้สร้างโลกใบหนึ่งขึ้นมา เราได้สร้างวัฒนธรรมหนึ่งขึ้นมา เราได้สร้างความศรัทธา สร้างจิตวิญญาณ และสร้างนโยบายอันเฉียบแหลมขึ้นมา เราได้สร้างสำเนียงเฉพาะขึ้นมา เราได้ถอนรากด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างเพื่อที่จะสร้างสรรค์สไตล์การแต่งตัว และสไตล์การไว้ผมขึ้นมา มันเหมือนเป็นชิ้นงานแห่งประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งมาก ๆ ดังนั้นมากเท่าที่มันน่ากังวล ผมขอท้าไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ตามที่พยายามจะเทียบระดับความยากของงานชิ้นนี้ แล้วอีกอย่างนะในความเป็นจริงผู้ชมจำนวนมากก็ชอบมันด้วย ถ้าคุณพูดว่ามันเป็นได้แค่หนังยอดนิยมเท่านั้น นั่นหมายความว่าคุณก็เป็นพวกหัวสูงที่เชื่อว่าสิ่งที่ตนคิดดีที่สุด” โบสแมนสรุปปิดท้าย
: