ช็อควงการฮอลลีวู้ด เมื่อ The Hollywood Reporter รายงานว่า เบิร์ต เรย์โนลด์ (Burt Reynolds) นักแสดงรุ่นใหญ่ผู้เป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งฮอลลีวู้ด ได้จากไปอย่างกระทันหันเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยวัย 82 ปี เขาเสียชีวิตลงที่ศูนย์การแพทย์จูปิเตอร์ ในฟลอริดา ย่านบ้านพักของเขา ซึ่งตามข่าวระบุถึงสาเหตุการจากไปว่าเป็นเพราะภาวะหัวใจและปอดหยุดทำงาน (Cardiopulmonary arrest)
เรย์โนลด์เริ่มเข้ามาสู่เส้นทางสายบันเทิงด้วยผลงานทางโทรทัศน์ช่วงปลายยุค 50 อาทิ ซีรี่ย์เรื่อง Riverboat และ Gunsmoke ด้วยงานแสดงเหล่านี้และการไปร่วมรายการทอร์คโชว์ต่าง ๆ มันทำให้ผู้ชมและทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังมากมายได้เห็นเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของเขา แล้วมันก็ช่วยผลักดันให้เขามีโอกาสได้ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงหนัง และการตัดสินใจเป็นคนดังชายคนแรกที่ยอมเปลื้องผ้าถ่ายแบบวาบหวิวให้กับนิตยสาร Cosmopolitan เมื่อปี 1972 มันก็ช่วยให้เขาได้คว้าบทอันเลื่องลือใน Deliverance (1972) มาครองได้สำเร็จ แม้นักแสดงคนอื่น ๆ อาทิ มาร์ลอน แบรนดู (Marlon Brando) จะขอเทบทบาทนี้ แต่เรย์โนลด์ก็ยังต้องการจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานกำกับของ จอห์น บัวร์แมน (John Boorman) แล้วผลลัพธ์มันก็ออกมาค่อนข้างดีซะด้วย Deliverance เป็นหนึ่งในหนังที่ได้เสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมในปีนั้น และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคทองในสายนักแสดงหนังของเรย์โนลด์ด้วย
เรย์โนลด์ ในภาพยนตร์เรื่อง Deliverance (1972)
ช่วง 5 ปีแห่งการเริ่มต้นในปลายยุค 70 เรย์โนลด์ถือได้ว่าเป็นนักแสดงทำเงินเบอร์หนึ่งประจำบ็อกซ์ออฟฟิสเลยทีเดียว หลังจาก Deliverance เรย์โนลด์ก็มีโอกาสได้มารับบทที่ส่งให้เขาเป็นตำนานอีกครั้งใน The Longest Yard (1974) ที่ถูกนำกลับมารีเมคใหม่อีกครั้งในปี 2005 โดยมี อดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler) มารับบทเป็นตัวละครของเขา แล้วเรย์โนลด์เองก็ได้มีส่วนร่วมในหนังเวอร์ชั่นรีเมคด้วย จากนั้นหนังเรื่อง Smokey and the Bandit (1977) ก็ได้สร้างให้เขากลายเป็นนักแสดงผู้โด่งดังที่แท้จริงอย่างที่เราได้รู้จักกันในทุกวันนี้ การร่วมมือร่วมแรงกับ แซลลี่ ฟิลด์ (Sally Field) ส่งให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แล้วก็ทำให้มีภาคต่อตามออกมาอีกหลายภาค ซึ่งถือได้ว่า Smokey and the Bandit นั้นเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตนักแสดงของเรย์โนลด์เลยก็ว่าได้
เรย์โนลด์ ในภาพยนตร์เรื่อง Smokey and the Bandit (1977)
หลังจากประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงแล้ว เรย์โนลด์ก็พยายามเปลี่ยนมาลองชิมรางงานกำกับดูบ้าง หนังที่เขามานั่งแท่นกำกับเป็นเรื่องแรกนั่นก็คือ Gator (1976) แล้วจากนั้นเขาก็ลองเปลี่ยนมากำกับหนังดาร์กคอมเมดี้เรื่อง The End (1978) ต่อมาในยุค 80 เรย์โนลด์ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะตามหาความสำเร็จครั้งต่อไปอย่างต่อเนื่อง แล้วเขาก็ได้พบกับมันอีกครั้งและอีกครั้งใน Rough Cut (1980), The Best Little Whorehouse in Texas (1982) และ City Heat (1984) น่าเสียดายที่หนังอีกหลาย ๆ เรื่องของเขาในยุค 80 นั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ อาทิ Stroker Ace (1983), Cannonball Run II (1984) และ Rent-a-Cop (1987) เมื่อพลังในการแสดงของเขาเริ่มลดลง เขาก็ตัดสินใจย้ายไปฟลอริดาเพื่อเปิดโรงภาพยนตร์จูปิเตอร์ แล้วจากนั้นเรย์โนลด์ก็หวนกลับมาสู่จอแก้วอีกครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งเขาทั้งแสดงนำและร่วมอำนวยการสร้างซีรี่ย์ Evening Shade ตั้งแต่ปี 1990 ไปจนถึงปี 1994
Boogie Nights (1997) ของผู้กำกับพอล โธมัส แอนเดอร์สัน (Paul Thomas Anderson) ได้พาเรย์โนลด์กลับมาสู่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้ง การรับบทเป็นโปรดิวเซอร์สายสยิวทำให้เรย์โนลด์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากนั้นเรย์โนลด์ก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่เขารักอย่างต่อเนื่องมาจนถึงช่วงต้นยุค 2000 ทั้งผลงานเรื่อง Universal Soldier III: Unfinished Business (1998), The Dukes of Hazzard (2005) และอีกหลาย ๆ เรื่อง นอกจากนี้เรย์โนลด์ยังได้มาปรากฏตัวในซีรี่ย์ยอดฮิตอีกมากมาย อาทิ The X-Files, My Name is Earl และ Burn Notice
เรย์โนลด์ ในภาพยนตร์เรื่อง Boogie Night (1997)
ก่อนจากไปอย่างกะทันหันเรย์โนลด์ได้ตกลงเซ็นต์สัญญามารับบท "จอร์จ สปาห์น" ชายตาบอดเจ้าของสถานที่ที่ชาร์ล แมนสันและเหล่าผู้ติดตามของเขาพักอาศัยอยู่ตอนวางแผนฆาตกรรม ในหนังชีวประวัติเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ของ เควนติน ทาแรนติโน่ (Quentin Tarantino) ไว้ ซึ่งโปรเจ็คนี้กำลังเดินหน้าถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ แต่น่าเสียดายที่เรย์โนลด์ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำในส่วนของเขาเอาไว้เลย ดังนั้นเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นเขาในหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเรย์โนลด์ก็ยังทิ้งท้ายผลงานเอาไว้ให้ชมกันอีกเรื่องใน Defining Moments ที่กำลังจะเข้าฉายปลายปีนี้ ทางเว็ปไซต์ Nangdee.com ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเบิร์ต เรย์โนลด์ มา ณ ที่นี้ด้วย
ที่มา: Hollywoodreporter.com