หลังเปิดตัวได้อย่างดีงามทั้งในแง่ของเสียงวิจารณ์และยอดรายได้ Warner Bros. ก็ไม่รอช้าประกาศเดินหน้าแผนสร้างภาคต่อ Crazy Rich Asians อย่างเป็นทางการทันที ข่าวดีนี้ถูกประกาศออกมาหลังจาก Crazy Rich Asians เข้าฉายไปเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งตัวผู้กำกับ จอน เอ็ม. ชู ก็แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉายแล้วว่าเขาอยากจะทำภาคต่อ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันต้องให้ผู้ชมเป็นคนตัดสิน และเมื่อยอดตัวเลขบนบ๊อกซ์ออฟฟิสมันเดินทางมาถึง 44.4 ล้านเหรียญจากเฉพาะโรงภาพยนตร์ในอเมริกาเหนือ มันก็เนรมิตให้ฝันของชูเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
ปีเตอร์ เชียเรลลี่ และอเดล ลิม ผู้อยู่เบื้องหลังสคริปท์ Crazy Rich Asians ภาคแรก ก็กำลังเตรียมแผนจะกลับมาช่วยชูสานต่อเรื่องราวความมั่งคั่งของชาวเอเชียในหนังภาคต่อด้วย แม้พวกเขาจะยังไม่ได้มีการตกลงมารับหน้าที่นี้อย่างเป็นทางการ ขณะที่ทีมโปรดิวเซอร์ทั้ง นิน่า จาคอบสัน, แบรด ซิมป์สัน และจอห์น เพนอตติ ก็น่าจะกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งด้วยเช่นกัน
“มันคือจุดมุ่งหมายที่สมบูรณ์ของเราที่ต้องการจะทำมัน” เพนอตติเคยให้สัมภาษณ์กับ EW ถึงความเป็นไปได้ที่จะสร้างหนังภาคต่อตามออกมา ก่อนที่จะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ “ผมคิดว่าการตอบสนองของผู้ชมในช่วงสุดสัปดาห์นี้มันจะเป็นการตอกย้ำความมั่นใจอย่างสุด ๆ เลย ผมว่าสุดสัปดาห์นี้มันจะมอบแรงผลักดันอันดีเยี่ยมให้กับเรา เพื่อที่จะได้เห็น Crazy Rich Asians มากขึ้นไปอีกในโลกนี้”
“อืม ฉันคงยังไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่ที่แน่ ๆ ฉันหวังว่าสารของเรามันจะสามารถถ่ายทอดไปถึงผู้ชมได้” จาคอบสันเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนข่าวดีถูกประกาศออกมาเช่นกัน “เราจะรอคอยหนังอีกเรื่องนั้น แต่ผู้ชมคงต้องตะโกนมันออกมาให้กึกก้องและชัดเจน เรารักพวกเขาในจุดนั้น”
Crazy Rich Asians อิงมาจากหนังสือเล่มแรกในชุดไตรภาคของนักเขียน เควิน ควาน ส่วนหนังสือเล่มต่อมาก็คือ China Rich Girlfriend ก่อนจะปิดท้ายด้วย Rich People Problems หนังภาคแรกได้ คอนสแตนซ์ วู และเฮนรี่ โกลดิง มารับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง เพื่อถ่ายทอดถึงเรื่องราวของอาจารย์สาวลูกครึ่งอาเซียน-อเมริกัน “เรเชล ชู” (รับบทโดย วู) ที่ต้องเดินทางมาประเทศสิงคโปร์ในช่วงฤดูร้อน เพื่อร่วมงานแต่งเพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม “นิค ยัง” (รับบทโดย โกลดิง) แล้วเธอก็ได้พบว่าจริง ๆ แล้วแฟนหนุ่มของเธอนั้นเป็นถึงทายาทของครอบครัวที่รวยที่สุดในประเทศ แถมยังเป็นที่หมายปองของสาว ๆ อีกมากมาย และนั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอต้องพบกับความวุ่นวายจากทั้งครอบครัวของนิค คนรอบ ๆ ตัวเขา รวมถึงสาว ๆ ขี้อิจฉาที่หมายปองจะได้แฟนหนุ่มของเธอไปครองด้วย
“เราแค่เล่าถึงส่วนแรกของเรื่องราวทั้งหมด ทุกคนมักจะเริ่มทำมันจากจุดเริ่มแรกเพื่อที่จะทำออกมาเป็นไตรภาค” ควานกล่าว “เราอยากจะย้ำในสิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นกับ The Hunger Games หรือที่มันเคยเกิดขึ้นกับ Harry Potter หรือที่มันเคยเกิดขึ้นกับซีรี่ย์ทั้งหมดทำนองนี้ เราจะเล่ามันให้จบลงโดยสมบูรณ์ นั่นคือเป้าหมาย”
คล้ายกับ Black Panther หนังที่ใช้นักแสดงผิวดำทั้งหมด ความสำเร็จที่ Crazy Rich Asians ได้รับมันก็เริ่มมาจากความกล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะท้าทายขีดจำกัดเดิม ๆ ของวงการฮอลลีวู้ดที่มักจะให้ความสำคัญกับนักแสดงผิวขาวเลือดบริสุทธิ์จากแดนตะวันตกมาก่อน Crazy Rich Asians ได้รวบรวมนักแสดงชาวเอเชียมากฝีมือมาช่วยกันฉีกกรอบเดิม ๆ เพื่อนำไปสู่ความเท่าเทียมในสังคมฮอลลีวู้ด ทั้ง มิเชล โหยว, อควาฟิน่า, เคน จอง, เจมม่า ชาน, แฮร์รี่ ชัม จูเนียร์, คริส ผาง, จิมมี่ โอ. หยาง, ปิแอร์ ปิง, เรมี่ ไฮ และอีกมากมาย
“มันนานมากแล้วที่มีหนังที่เป็นนักแสดงเอเชียล้วน ๆ” โหยวกล่าว “ฉันโชคดีมากที่เคยมีโอกาสได้ทำงานแบบนี้ครั้งหนึ่งมาแล้วก่อนหน้านี้ ในเรื่อง Memoirs of a Geisha (2005) แต่พวกมันก็มีน้อยเกินไป”
“นี่คือเรื่องเกี่ยวกับการที่สาวน้อยคนหนึ่งต้องไปที่ไหนสักแห่งที่มีแต่ความไม่คุ้นเคยสำหรับเธอ เพื่อที่จะได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงที่เธอเป็น” วูอธิบาย “มันเป็นเรื่องราวที่งดงาม เพื่อที่จะโชว์ให้เห็นเรื่องของคนย้ายถิ่นชาวอาเซียน-อเมริกันที่ต้องกลับไปเอเชีย แล้วก็ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่มันเหลื่อมล้ำ และเชื่อมต่อเราไว้ทั้งหมด หลายสิ่งอย่างในเรื่องของครอบครัว หลายสิ่งอย่างในเรื่องของความรัก”
ที่มา: EW.com