จากการอ่านสู่การดู วันนี้เรามี 7 ภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือดีที่สุด ที่จะเข้าโรงในปีนี้มาฝาก! หลายคนอาจพูดถึงหนังทุกวันนี้ว่าเป็นยังงู้นยังงี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมตลอดมานั้นคือ: ฮอลลีวูดไล่ตามเนื้อเรื่องดีๆ เสมอ และด้วยความที่ปีนี้จะมีภาพยนตร์จากหนังสือออกมาอีกไม่น้อย วันนี้เราเลยมาเอาใจแฟนๆ สายนี้ ด้วยการแจ้งไว้ก่อนดีกว่า เผื่อจะอยากไปหาหนังสือพวกนี้มาอ่านไว้ก่อนไง เอาจริงนะ จะมีอะไรดีไปกว่าการนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วอ่านหนังสือยามบ่ายอีก (เราว่า ไม่) เอาล่ะ ไปดูกันเลย! หนังสือ 7 เรื่องที่ควรค่าแก่การอ่าน ที่น่าจะทำให้คุณสนใจได้แน่ เพราะแม้แต่ฮอลลีวู้ดยังอยากเอาไปทำหนังเลยนี่นา! ทางเราก็ขอภาวนาไม่ให้เนื้อหาถูกเปลี่ยนจนแย่ก็แล้วกัน
1. Fahrenheit 451
ประเภท: ไซไฟ
วันที่เข้าฉาย วันที่ 19 พฤษภาคม ทางช่อง HBO
ถ้าคุณเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐที่อเมริกา แล้วมีครูสอนภาษาอังกฤษที่ จิตหลอน ล่ะก็ คุณต้องอ่าน Fahrenheit 451 แล้วล่ะ น่าตลกตรงที่ หนังสือเล่มนี้ถูกขึ้นหิ้งว่าเป็นหนังสือที่ถูกแบน ซึ่งแปลได้ อย่างเดียว นั่นคือ: มันคือหนังสือที่ยังไงก็ต้องอ่านให้ได้!
Fahrenheit 451 เล่าถึงโลกดิสโทเปียในอนาคต ที่เป้าหมายเดียวของนักเผาคือเผาทำลายหนังสือทิ้ง หนังสือเรื่องนี้เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังแล้วครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ึมันจะดียิ่งกว่าเดิม!
Fahrenheit 451 ในเวอร์ชั่นนี้ นำแสดงโดย ไมเคิล บี. จอร์แดน ตัวร้ายที่รัก คิลมองเกอร์ของเราเองจ้าาาา (ก็ฮอทซะขนาดนี้!) และสำหรับเทรลเลอร์ ก็ดูน่าลุ้นเหลือเกินนนน เราว่าคราวนี้หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องอยากดูแน่ๆ แล้วล่ะ!
2. To All The Boys I’ve Loved Before
ประเภท: ชีวิต, โรแมนติก
วันที่เข้าฉาย 23 สิงหาคม
คุณจะรู้สึกยังไง ถ้าคนที่คุณเคยชอบทุกคน เกิดรู้ขึ้นมาว่าคุณเคย "รู้สึก" ยังไงกับพวกเขาขึ้นมา..."พร้อมๆกัน" ใช่ เราเห็นด้วย: มันต้องเหวอมากแน่ๆ แต่อย่างน้อยคนที่รู้ก็ยังเป็นคนที่คุณชอบอยู่บ้างล่ะน่า
จากนิยายวัยรุ่นโดย เจนนี่ ฮาน To All The Boys I’ve Loved Before เล่าถึง ลาร่าวัย 16 ปี ที่ชอบทำเรื่องประมาณว่า เขียนจดหมายรัก แต่ไม่คิดจะส่ง อะไรแบบนั้น ซึ่งจดหมายพวกนี้ ลาร่าก็ได้ระบายความคิด ความปรารถนาที่เธอเคยมีต่อหนุ่ม 5 คน ในสมัยเด็ก
วันหนึ่ง จดหมายพวกนั้นก็ถูกส่งออกไป -- ไม่เหมือนการส่งภาพสแนปหรือ DM ในตอนเช้าซะด้วย ที่แย่ที่สุดคืออะไรรู้มั้ย? ลาร่าปฎิเสธไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอไม่ได้เขียนจดหมายพวกนั้น! ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า โรมีโอ ทุกคนของนางมีจดหมายฉบับลายมือ เขียนรายละเอียดที่น่าอายจนไม่กล้าพูดออกมาดังๆ ซะแล้ว
3. Where'd You Go Bernadette
ประเภท: ตลก, ชีวิต
วันที่เข้าฉาย: 19 ตุลาคม
บี วัย 15 ไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของ เบอร์นาเด็ทท์ คุณแม่ของเธอเอง แต่เธอยังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของแม่อีกด้วย บีอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจความแปลกประหลาดทั้งหลายทั้งปวงของเบอร์นาเด็ท อย่างแท้จริง วันหนึ่ง เบอร์นาเด็ทท์หายตัวไป และเป็นหน้าที่ของบีที่จะต้องรวบรวมทุกหลักฐานที่มี เพื่อตามหาแม่ของเธอที่หายไปใน...แอนตาร์กติกา!
เมื่อเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก หนังสือเรื่อง Where’d You Go, Bernadette ของมาเรีย เซมเปิ้ล ก็ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน แต่คุณลูกสาวก็ยังจะตามไปหาคุณแม่สุดที่รักอยู่ดี! งานนี้ ตัวแม่อย่าง เคท แบลนเชตต์ จะมาแสดงเป็นเบอร์นาเด็ทท์ งานนี้ต้องแซ่บชัวร์!
4. The Hate U Give
ประเภท: ชีวิต
วันที่เข้าฉาย: ยังไม่กำหนดวันฉาย
นิยายวัยรุ่นโดย แองจี้ โธมัส อย่าง The Hate U Give เนี่ยบอกได้เลยว่าสดและแซ่บ! แบบที่เหมาะเว่อร์กับพาดหัวข่าววันอาทิตย์! เรื่องนี้จะพูดถึง สตาร์ สาวน้อยแอฟริกัน-อเมริกันที่เข้าเรียนโรงเรียนที่มีคนขาวเป็นส่วนใหญ่ แต่เจ้าตัวอาศัยอยู่ในถิ่นที่เต็มไปด้วยเพื่อนบ้านผิวดำที่จนๆ หน่อย วันหนึ่ง สตาร์เห็นว่าคาลิล เพื่อนสมัยเด็กของเธอถูกยิงและฆ่าโดยฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และเนื่องจากสตาร์นั้นไปๆ มาๆ ระหว่างโลกทั้งสองที่แตกต่างกัน เธอจึงรู้ว่าจะหาเสียงของตัวเองให้เจอ และนิยามคำว่าความยุติธรรมในแบบของเธอเอง ภายในสังคมอันไม่แตกแยกที่เธออาศัยอยู่ The Hate U Give อาจเป็นหนึ่งในหนังที่ทรงพลังที่สุดในปีนี้ก็ได้ กับเรื่องราวที่ใกล้เคียงความเป็นจริิง ที่เราได้ยินอยู่ทุกวัน
5. Crazy Rich Asians
ประเภท: โรแมนติค คอเมดี้
วันที่เข้าฉาย: 23 สิงหาคม
ถ้าคุณเดทกับใครสักคนนานพอ คุณจะรู้ว่าเราเรื่องราวของเราสองจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ จริงจังสุดๆ เมื่อเราได้ "พบครอบครัว" ของอีกฝ่ายนั่นแหละ จากนิยายโดย เควิน ควาน Crazy Rich Asians เล่าถึงเรื่องราวของราเชล ชู (คอนสแตนซ์ วู) สาวจีนที่เกิดและโตในอเมริกา ซึ่งมาค้นพบความจริงว่า ที่จริงแล้ว นิค (เฮนรี่ โกลดิ้ง) แฟนหนุ่มของเธอน่ะ รวยสุดขีด -ชนิดที่นิคยังยอมรับ - ว่าเขาน่ะ คือเจ้าชายเฮนรี่แห่งเอเชีย!
ต้องย้ายจากอเมริกาก็เรื่องนึง แต่การเข้าสู่โลกของคนรวยและอำนาจ (จากแม่สามีไง จะใครล่ะ) นั้นมากพอจะครอบงำทุกคนได้เลย ราเชลพยายามจะเอาชนะใจคุณแม่แฟน (ที่รับบทโดย มิเชล โหยว) ที่ตัดสินไปซะแล้วว่าเธอน่ะ ไม่ผ่าน เพราะเป็นคนนอกย่ะ! เอาจริง ใครจะว่าราเชลได้ ที่อยากจะขอลาพักร้อนจากการพักร้อนครั้งนี้ (ลองคิดสภาพว่าต้องไปเจอ "ครอบครัวแฟน" ที่สถานที่ห่างไกลก็แย่แล้ว แต่ราเชลกับสถานการณ์บ้าบอทั้งหลายของเธอน่ะหนักกว่าเยอะ)
6. Mary, Queen of Scots
ประเภท: ประวัติศาสตร์
วันที่เข้าฉาย: 7 ธันวาคม
ใครเตรียมรอดูดราม่าระหว่างราชินีกันบ้าง? และแน่นอน เราไม่ได้กำลังพูดถึง RuPaul's Drag Race. กันอยู่ ไม่ใช่พวกนางตัวแม่นะคะ เรากำลังพูดถึงราชินีแท้ๆ แบบว่ามหากาพย์ประวัติศาสตร์ระหว่างราชินีอลิซาเบธที่ 1 กับ ราชินีแมรี่แห่งสก็อตแลนด์
จากหนังสืออัตชีวประวัติโดย จอห์น หาย Mary, Queen of Scots นำแสดงโดย ซัวเรยส์ โรนัน ในบท แมร์รี่สจ๊วต พระองค์ต้องเข้ารับตำแหน่งราชินีแห่งฝรั่งเศส จากนั้นจึงกลับมายังสก็อตแลนด์เพื่อเรียกร้องสิทธิ์อันชอบธรรมในบัลลังค์ของเธอกลับคืนมา เมื่อสก็อตแลนด์และอังกฤษต่างตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชินีอลิซาเบธที่ 1 (มาร์ก็อต ร็อบบี้) ความติดขัดในการรักษาสมดุลระหว่างตำแหน่งและอะนาจภายใต้การปกครองของราชินีอลิฐซาเบธที่ 1 ทำให้แมร์รี่เลือกหนทางแห่งการฉ้อฉล,กบฎ และทำลายตัวเอง!
7. The Bell Jar
ประเภท: ชีวิต
วันที่เข้าฉาย: ยังไม่กำหนดวันฉาย
โอเค นี่อาจจะเร็ว ไปหน่อย ที่จะตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณเป็นเหมือนเรา เคยอ่านงานของ ซิลเวีย แพลธ มาล่ะก็ คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะไมีตื่นเต้น! The Bell Jar ของแพลธเล่าถึงเรื่องราวของ เอสเทอร์ กรีนวู้ด นักเขียนวัยรุ่นมากความสามารถผู้ได้งานในนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง เพียงเพื่อจะต้องประสบกับปัญหาความเจ็บป่วยทางใจจากเหตุการณ์ทั้งหลายแหล่
เตือนไว้ก่อนเลย The Bell Jar มีเซ็ตติ้งอยู่ในช่วงปี 1950 และเขียนมาจากประสบการณ์จริงของแพลธเอง และคราวนี้ คนที่ได้เก้าอี้ผู้กำกับไปครอง คือแม่สาว คริสเต็น ดันส์ เอ็มเจ จาก สไปเดอร์แมน (2002) คนนั้นเองจ้า นอกจากจะขึ้นแท่นแล้ว เธอยังหน้าที่อื่นอีกด้วยนะ!
ไม่เพียงแค่เขียนบทภาพยนตร์ให้กับ The Bell Jar แต่งานนี้เธอยังได้รับหน้าที่ผู้กำกับเป็นครั้งแรกอีกด้วย! โอ๊ะ แล้วก็ คนที่ถูกวางตัวให้เล่นเป็นเอสเทอร์ กรีนวู้ด คือ ดาโกต้า แฟนนิ่ง นะจ๊ะ เหมือนฝันเลยใช่มะ?
ที่มา : Zimbio.com