ก่อนอื่นต้องเตือนก่อนว่าข่าวนี้สปอยล์แรงมาก ฉะนั้นหากใครยังไม่ได้ชม Deadpool 2 และไม่ต้องการถูกสปอยล์ให้เสียอรรถรสในการรับชมก็เชิญปิดข่าวนี้ไปก่อนได้เลย... สำหรับใครที่ได้ชม Deadpool 2 กันไปแล้วก็คงจะเต็มอิ่มกับเซอไพรซ์มากมายที่หนังเรื่องนี้จัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่ก็แน่นอนว่ามันคงมีอีกหลายประเด็นที่พวกคุณยังคงรู้สึกข้องใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ล่าสุดทาง EW จึงคว้าตัวสองมือเขียนบทเร็ทท์ รีส (Rhett Reese) และพอล เวอร์นิค (Paul Wernick) มานั่งพูดคุยเจาะลึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนัง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซในอนาคต
EW: หนังเรื่องนี้จัดหนักทั้งเซอไพรซ์และนักแสดงรับเชิญที่มาปรากฏตัว พวกคุณเก็บความลับต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ไว้ได้ยังไง โดยที่ไม่มีอะไรหลุดรอดออกมาเลย?
พอล เวอร์นิค: มีแค่ไม่กี่คนที่อยู่วงในจริง ๆ ตอนที่เราเขียนสคริปท์ โดยปกติแล้วมันก็มีแค่รีส ตัวผม ไรอัน และแน่นอนผู้กำกับ เดฟ ลิตช์ ที่ได้เห็นบทในฐานะที่พวกเขามีส่วนร่วมในการเขียน ทั้งทีมนักแสดงและเอเจนท์ไม่มีใครได้รับสคริปท์เลย มันเป็นเรื่องที่คุณจะต้องเข้ามาออฟฟิสแล้วก็อ่านสคริปท์ตลอด
เร็ทท์ รีส: เราต้องทำเหมือนว่าตัวเราเป็นสายลับที่อยู่เบื้องหลังศัตรูตลอดเวลา คุณต้องแสร้งทำเป็นว่าคุณอยู่ในหน่วยซีไอเอ
EW: หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้คือตัวละครใหม่ ๆ ที่มาสมัครเป็นสมาชิกทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซ รวมถึงสหายปีเตอร์ผู้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ ที่รับบทโดยร็อบ เดลานีย์ (Rob Dalaney) เขามาจากไหน?
พอล เวอร์นิค: มันอิงมาจากตัวของเร็ทท์ รีส
เร็ทท์ รีส: มันเป็นไอเดียของไรอันที่ต้องการให้มีใครสักคนที่ไม่ได้มีพลังพิเศษใด ๆ เลย จากนั้นเราก็คิดกันว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นแค่ชายธรรมดา ๆ จริง ๆ คนที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน มีหนวดและทำงานอยู่ท่าเรือ?” ตอนนั้นเราคุยกันว่าผมจะเล่นในส่วนนั้น แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่เกิดขึ้น เพราะร็อบ เดลานีย์เขาดีกว่าผมเป็น 10,000 เท่า
EW: เราจะมีโอกาสได้เห็นปีเตอร์อีกครั้งมั้ย?
พอล เวอร์นิค: ผมคิดว่างั้นนะ นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้พบปีเตอร์หรอก
EW: ในตอนจบของหนัง คุณได้ก่อตั้งทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซขึ้น นี่จะเป็นทีมเดียวกับทีมที่อยู่ในหนังของดรูว์ ก็อดดาร์ด (Drew Goddard) มั้ย?
เร็ทท์ รีส: เราได้มอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เอาไว้ให้ดรูว์เล่นกับมัน แต่ผมว่าเขาก็มีอิสระที่จะตัดหรือเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาในทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซด้วย ไม่ว่ามันจะมีอยู่ 6 หรือ 7 ที่เดินทางมาไกลถึงตอนจบในหนังของเรา ที่ยังเหลือให้เห็นกันอยู่ แต่ผมว่าที่แน่ ๆ เคเบิล โดมิโน่ และเดดพูลคงจะต้องไปอยู่ในจุดนั้น
EW: ความจริงที่ว่าจักเกอร์นอทอยู่ในหนังเรื่องนี้มันก็เป็นอีกเรื่องที่ถูกปิดเงียบเป็นความลับ ทำไมถึงทำแบบนั้น แล้วทำไมถึงเลือกเขามาเป็นหนึ่งในตัวร้าย?
เร็ทท์ รีส: จักเกอร์นอทคือพลังแห่งธรรมชาติในการ์ตูน เขาแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง แล้วโดยส่วนมากก็โกรธอย่างบ้าคลั่งด้วย เขาไม่เคยถูกทำออกมาอย่างถูกต้องเลย ไม่มีใครเคยทำซีจีจักเกอร์นอทมาก่อน ตอนนั้นเราก็แค่คิดว่าทำไมไม่นำเสนอเขาเข้ามาในเรื่องราวของเราล่ะ? Deadpool มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโกลาหลล้วน ๆ แล้วมันก็ไม่มีใครที่จะลงโทษมันได้อย่างจักเกอร์นอทแล้ว ตอนนั้นเรายังคิดอีกว่าจะใช้อุบายดี ๆ ยังไงสำหรับสิ่งที่โคลอสซัสควรจะเป็น มันมีใครสักคนที่แข็งแกร่งและใหญ่ยิ่งกว่าโคลอสซัส และเขาก็เปลี่ยนให้โคลอสซัสกลายเป็นเบี้ยล่างได้ โดยปกติแล้วตัวอย่างและหนังต่าง ๆ มันจะเผยความลับออกมาเยอะเกินกว่าที่เราคิด ดังนั้นเราก็เลยเก็บเรื่องของแบรด พิตต์ (Brad Pitt) และจักเกอร์นอท รวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้ในที่ปลอดภัย
EW: พวกคุณฆ่าตัวละครเอ็กซ์-ฟอร์ซจากการ์ตูนไปเยอะเลย อย่างเบดแลม ของเทอร์รี่ ครูว์ส (Terry Crews) แล้วก็ไซท์ไกสท์ ของ บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgard) คุณไม่กังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบรับของแฟน ๆ บ้างหรอ?
พอล เวอร์นิค: ผมคงต้องบอกว่าใช่ มันแน่นอน น่ากลัวสุด ๆ เลยล่ะ พวกนี้เป็นตัวละครที่เติบโตมาพร้อมกันตั้งแต่เด็ก ๆ ดังนั้นไอเดียที่แชตเตอร์สตาร์แค่กระโดดลงมาจากเครื่องบินแล้วตาย มันแบบ อืมมม... แต่บททดสอบของเราสำหรับ Deadpool คือถ้าคุณไม่สามารถทำมันในหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ได้ คุณควรจะทำมันใน Deadpool มันเหมือนว่าเราได้รับอนุญาตให้ผลักขอบเขตต่าง ๆ ออกไป และแน่นอนว่ามันเป็นขอบเขตที่เรากังวลอยู่ มันเป็นเรื่องที่ทั้งช็อก ทั้งบ้า แล้วมันก็สนุกด้วย เราสร้างแคมเปญจ์การตลาดของเราทั้งหมดด้วยคนเหล่านี้ ผู้ชมที่มาดูหนังต่างคิดว่าคนเหล่านี้จะได้มารวมตัวกันแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซ แต่พวกเขาทั้งหมดดันตายในฉับพลัน! ไพ่ความหรรษาที่ถูกทิ้งออกมามันดีกว่าการคาดคะเน
เร็ทท์ รีส: อีกอย่างนะ สิ่งที่นักแสดงต่างประหลาดใจมาก ๆ ที่ต้องทำก็คือการถ่ายทำฟุตเทจที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่ในตัวอย่างจริง ๆ ดังนั้นเราก็น่าจะสามารถใช้อุบายให้ผู้ชมคิดว่าพวกเขาจะอยู่ในหนังได้นานกว่าที่พวกเขาเป็นจริง ๆ ได้เหมือนกัน ถ้าคุณได้ชมตัวอย่างและโฆษณาต่าง ๆ คุณจะเห็นเบดแลมกับแชตเตอร์สตาร์ออกมาเตะตูดผู้คนบนถนน ทั้งหมดนั่นมันทำออกมาด้วยความเข้าใจที่ว่ามันคงไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ในหนัง
พอล เวอร์นิค: นี่คือความงดงามของมัน เดดพูลได้เกาะกุมอุปกรณ์ท่องเวลาของเคเบิล ดังนั้นเราน่าจะสามารถพาคนเหล่านี้กลับมาได้ถ้าเราต้องการจะทำ
EW: เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตอนจบเดดพูลก็น่าจะเปลี่ยนเวลาแล้วช่วยวาเนสซ่า ของโมเรนา บัคคาริน (Morena Baccarin) เอาไว้ แต่นั่นมันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เราได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้มั้ย? อย่างเช่นว่าเขายังจะได้เจอกับโดมิโน่อยู่มั้ย?
เร็ทท์ รีส: โอ้พระเจ้า คุณกำลังเบี่ยงเบนสมองของเรา มันเป็นเรื่องที่ยอดมาก ๆ เลย เราเคยคิดถึงเรื่องนั้น บางทีเราก็คิดว่า Deadpool เป็นหนังแฟรนไชน์ที่บ้าพอ ซึ่งผู้ชมไม่ได้มาดูเพื่อเอาสาระอะไรแบบนั้นหรอก แต่เราจะได้เห็นกันว่าเราอาจตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างสาหัสเลยล่ะ เราพยายามที่ทำในสิ่งที่มันเป็นความบันเทิงที่สุดเมื่อไตร่ตรองทุกอย่างแล้ว
EW: ถ้าตอนนี้วาเนสซ่ามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เป็นไปได้มั้ยว่าเธอจะสามารถกลายเป็นมิวแทนส์ก็อปปี้แคทเหมือนในการ์ตูน?
เร็ทท์ รีส: แน่นอน เราทิ้งจุดนั้นไว้เป็นทางเลือกแบบเปิด แน่นอนว่าเรายังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ ในระหว่างเส้นเรื่องนั้น แต่เราคิดมาตลอดว่านั่นมันน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สนุกดีสำหรับเธอ คำถามคือจะมอบพลังเหล่านั้นให้เธอยังไงดีโดยไม่ให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่บังเอิญจนเกินไป คุณต้องจัดการกับเหตุผลให้เรียบถ้าคุณจะก้าวไปยังจุดนั้น แต่ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ผมว่าผู้ชมน่าจะชอบที่ได้เห็นวาเนสซ่าที่เจ๋ง ๆ
EW: ล่าสุดไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) บอกว่าเขาไม่คิดว่า Deadpool 3 จะเกิดขึ้น พวกคุณคิดว่ายังไง?
เร็ทท์ รีส: ตอนที่ทีมผู้บริหารฟ็อกซ์อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณ ผมว่าพวกเขาทุกคนคงแทบจะหัวใจวาย X-Force จะมาเป็นเรื่องต่อไป ความปรารถนาสำหรับ Deadpool 3 มันคือจุดนั้นอย่างแน่นอน แต่เราทุกคนต่างก็อยากที่จะคิดให้ดีก่อนที่จะพูดออกมาถึงสิ่งที่มันเป็น นอกเหนือจาก Iron Man 3 หรือ Spider-Man 3 เราอยากจะค้นหาอะไรแบบนั้น
พอล เวอร์นิค: มันอาจจะไม่ได้เป็น Deadpool 3 แต่แน่นอนว่ามันจะเป็น Deadpool 4 (เขาหัวเราะ)