ทราวิส ไนท์ (Travis Knight) มีความตั้งใจที่จะทำให้หนังภาคแยก Bumblebee ต่างออกไปจากหนัง Transformers เรื่องอื่น ๆ ของไมเคิล เบย์ (Michael Bay) การถ่ายทำ Bumblebee เพิ่งจะเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของกระบวนการตัดต่อ ซึ่งไนท์วางแผนไว้ว่าจะทำให้มันเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยอิงจากสถานการณ์รอบ ๆ ตัวของเด็กสาวคนหนึ่ง แล้วก็การทำให้ทรานส์ฟอร์มเมอร์สในยุค 80 ของเธอมีชีวิตขึ้นมา พร้อมกับการแสดงที่มีชีวิต และผสมผสานเข้ากับเทคนิค CGI
ไนท์เป็นที่รู้จักกันดีมาจากผลงานที่เขาทำให้กับไลก้าแอนิเมชั่น รวมถึงภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาลงมือกำกับเองอย่างเต็มตัว Kubo and the Two Strings (2016) ดังนั้นมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะใช้ CGI ทำให้ Bumblebee มีชีวิตขึ้นมาบนจอยักษ์ เมื่อถูกถามว่าเขามีวิธีการที่จะทำให้ผลงานของเขาแตกต่างออกไปจากผลงานของไมเคิล เบย์ ยังไง? เขาก็บอกว่าเขาจะใช้ความชำนาญของเขาในการผสมผสานความสว่างและความมืดมนเข้าด้วยกัน
“ผมอยากที่จะเข้าไปหาความยิ่งใหญ่ และแฟรนไชน์ที่แผ่ขยายออกไป แล้วก็มุ่งเป้าไปที่มุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งของผืนผ้าจริง ๆ ทุก ๆ อย่างที่ผมเคยพยายามที่จะทำให้กับไลก้า อย่างการหาวิธีผสมผสานความมืดมนและความสว่างไสว ความร้อนแรงและความอบอุ่น ความตลกและความรู้สึก ผมต้องการที่จะใส่มันเข้าไปในหนังแฟรนไชน์ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส” ไนท์ชี้แจง
Bumblebee เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1987 ช่วงเวลาที่บัมเบิ้ลบีหนีไปหลบภัยในกองเศษเหล็ก ที่เมืองเล็ก ๆ ริมชายหาดแคลิฟอร์เนีย ชาร์ลี (เฮลีย์ สไตน์เฟลด์) เด็กสาววัย 18 ปี พยายามจะตามหาสถานที่ ๆ เหมาะกับเธอบนโลกใบนี้ แล้วเธอก็ได้มาพบกับบัมเบิ้ลบีที่มีรอยแผลเป็น และรอยแตกหักจากการต่อสู้ เมื่อชาร์ลีช่วยฟื้นฟูสภาพของเขาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอก็ได้เรียนรู้โดยทันทีเลยว่านี่ไม่ใช่แค่โฟล์กสวาเกนสีเหลืองธรรมดา ๆ รังสรรค์บทโดยคริสติน่า ฮ็อดสัน จาก Shut In
หนัง Bumblebee เป็นโปรเจ็คหนังภาคแยกเรื่องแรกที่ทางพาราเม้าท์หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นในการขยายจักรวาลทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ซึ่งมันจะมีทั้งหนังย้อนอดีตและหนังภาคแยกต่าง ๆ รวมกันอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ Bumblebee มีแผนเข้าฉายในเดือนธันวาคม 2018
ที่มา: Movieweb.com