กระแสวิจารณ์ด้านลบของหนัง Suicide Squad หลัก ๆ เป็นเรื่องที่พุ่งเป้าไปหาผู้กำกับเดวิด เอเยอร์ (David Ayer) โดยตรง ซึ่งล่าสุดระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Tonight เอเยอร์ก็ได้เปิดใจยอมรับว่ากระแสวิจารณ์แย่ ๆ ดังกล่าว มันส่งผลมาถึงการกำกับหนังเรื่อง Bright ของเขาด้วย

“มันเป็นเรื่องแย่ ๆ ครับ มันเป็นการวิจารณ์แบบแย่ ๆ ผมเหมือนโดนประหาร” เอเยอร์พูดถึง Suicide Squad ที่เหล่านักวิจารณ์เรียกงานชิ้นนี้ว่า “ไร้ความตื่นเต้น” “เดาง่าย” “ความสับสนทางใจแบบโง่ ๆ” รวมถึงหนังที่ “เป็นหนี้บุญคุณต่อทัศนวิสัยร่วมกันของการดัดแปลงหนังดีซีเรื่องอื่น ๆ ในปัจจุบัน” 

“มันเป็นหนังที่ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายสุด ๆ การแบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างเหลือเชื่อ” เอเยอร์เสริมก่อนจะชี้แจงเพิ่มว่ากระแสวิจารณ์แย่ ๆ พวกนี้มันมีผลต่อเขาในการก้าวเข้ามากำกับ Bright ยังไง “มันเหมือนกำลังก้าวไปสู่สังเวียนมวย แล้วก็กำลังจะถูกน็อค นั่นคือคำอธิบายว่ามันรู้สึกยังไง แต่ผมก็ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในสังเวียนมวยอีกครั้ง แล้วการกำกับมันก็คือเกมส์แห่งความเชื่อมั่น เพราะคุณกำลังทำให้ทุกคนเชื่อมั่นด้วยบางสิ่งที่มันยังหลงเหลืออยู่ในหัวของคุณ พวกนักแสดงต่างก็รู้สึกเชื่อมั่นที่จะไว้วางใจอย่างที่คุณรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ รวมไปถึงการทำกับทีมงานของคุณด้วย ในฐานะผู้กำกับคุณต้องเป็นคนตั้งโทน จริง ๆ แล้วมันเป็นผลมาจากหนังเรื่องนั้น ผมเข้าใจถึงหลุมพรางต่าง ๆ ผมเข้าใจถึงอันตรายต่าง ๆ ผมรู้ว่าพวกภัยอันตรายมันซ่อนอยู่ตรงไหน คุณก็รู้ใช่มั้ย? ดังนั้นผมเลยอยากทำให้มั่นใจว่าผมไม่ได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก”  

แม้จะระวังตัวขนาดไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะกระแสตอบรับจากนักวิจารณ์กลุ่มแรกที่ได้ชม Bright ดูเหมือนจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก บางคนเรียกมันว่าเป็นหนังที่ “เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ” ในขณะที่บางคนบอกว่า “จัดอยู่ในกลุ่มหายนะ” นอกจากนี้ยังมีนักวิจารณ์อีกคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่า “หนังยอดแย่ประจำปี 2017” แล้วเอเยอร์ก็ออกมาตอบกลับเสียงวิจารณ์ดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า “สิ่งนี้มันเกิดขึ้นในตู้เย็นของผม คำชมเชยที่สูงส่งที่สุดคือปฏิกิริยาตอบรับอันแข็งแกร่งในหนทางใดหนทางหนึ่ง นี่คือมหากาพย์เสียงวิจารณ์ยอดแย่เสียงหนึ่ง มันเป็นหนังที่สนุกมากเรื่องหนึ่งเลยนะ คุณสามารถมั่นใจได้ถึงการเรียงร้อยถ้อยคำต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน มิสเตอร์ เอร์ลิช ผมรักที่ได้อ่านสคริปท์ต่าง ๆ ที่คุณเขียนเอาไว้” 

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น และมันคงไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะสามารถพิชิตใจคนดูได้หมด 100% มันจะโดนใจหรือไม่โดนใจใคร มีเพียงตัวคุณเองเท่านั้นที่จะสามารถยืนยันได้ เอาเป็นว่าเราก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้เดวิด เอเยอร์ สามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่มีความสามารถไม่น้อยไปกว่าใครในแวดวงภาพยนตร์ได้สำเร็จแล้วกัน 

ที่มา: Ew.com