2017 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของนิค โจนาส (Nick Jonas) นอกจากความสำเร็จด้านผลงานเพลงแล้ว ปีนี้เขายังมีโอกาสได้โชว์ฝีมือด้านการแสดงให้แฟน ๆ ได้เห็นกันอีกด้วย ทั้งการที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่อง Chaos Walking ของผู้กำกับดัค ไลแมน (Doug Liman) ประกบ 2 นักแสดงดาวรุ่งทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) และเดซี่ ริดลี่ย์ (Daisy Ridley) แล้วก็การที่ได้ก้าวเข้ามาสู่โลกของหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ ด้วยผลงานเรื่อง Jumanji: Welcome to the Jungle แถมล่าสุดเขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำด้วยเพลง Home ของเขาจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Ferdinand ด้วย ซึ่งวันนี้เราได้นำบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของโจนาสที่พูดถึงการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Jumanji แล้วก็เรื่องที่แฟน ๆ พูดถึงเป็นอย่างมากกับการที่แจ็ค แบล็ค (Jack Black) ตกหลุมรักเขาในหนัง รวมไปถึงก้าวต่อไปในอนาคตสำหรับผู้ชายที่ชื่อนิค โจนาส ด้วย

อะไรคือเรื่องที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการที่ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ?

เรื่องของการพิสูจน์ความมีประสิทธิผลของมัน ในฐานะนักแต่งเพลงคนหนึ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนว่านี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ที่แค่ต้องนั่งพิงแล้วพูดว่า "เอาล่ะ สำหรับช่วงเวลา 12 ปีของการเขียนเพลง แล้วก็การทำงานในส่วนที่ว่าจะสร้างสรรค์เพลง ๆ หนึ่งออกมายังไง นี่คือการพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของมันจริง ๆ แล้วมันก็เป็นการการันตีในความรู้สึกด้วย"

แน่นอนว่าออสการ์คือเวทีต่อไป คุณเคยคิดถึงเรื่องนั้นบ้างมั้ย?

ก็นิดหน่อยครับ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเครียดกับมันหรอกนะ เพราะมันคงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ๆ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง แต่ถ้าไม่ทุกอย่างมันก็โอเคอ่ะ แล้วผมก็คิดว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะไปให้ถึงจุดนั้นก็คือการมีสติ (โจนาสหัวเราะ)

ใครคือคนที่คุณคอยจับตามองว่าน่าจะได้เข้าชิงในช่วงฤดูล่ารางวัลนี้บ้าง?

ตอนที่ผมอยู่ที่งาน Met Gala ในปีนี้กับอาร์มี่ แฮมเมอร์ (Armie Hammer) เรานั่งโต๊ะเดียวกัน และเราก็มีช่วงเวลาดี ๆ การได้สังสรรค์กับเขาอีกครั้งมันคงจะเป็นช่วงเวลาดี ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นการที่เราทั้งคู่ได้มาพบปะกันในหนทางที่เราเป็นอยู่ มันเป็นเรื่องที่เจ๋งไปเลยนะ

 

 

คุณมีปฏิกิริยายังไงตอนที่กำลังดูหนัง Jumanji ภาคแรกเมื่อตอนคุณเด็ก ๆ?

ตอนนั้นผมอายุ 5 หรือ 6 ขวบเองมั้ง ตอนที่ได้ดูมันครั้งแรก ผมเช่ามันมาเพราะมันเป็นหนังที่ถูกเรียกว่า Blockbuster (โจนาสหัวเราะ) มันทำให้ผมตื่นเต้นมากตอนที่ได้ดูมันครั้งแรก เหมือนว่ามันสร้างขึ้นมาเพื่อคนจำนวนมาก มันทำให้คุณตกหลุมรักมัน แล้วมันก็กลายเป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่ส่วนนึงในชีวิตวัยเด็กของคุณ ตอนที่ผมได้อ่านสคริปท์ผมถูกพัดพาไปด้วยวิธีการที่พวกเขาหยิบมาใช้ แล้วก็ไอเดียของการเปลี่ยนร่างแบบนี้ การที่ถูกดูดเข้าไปในโลกของเกมส์ในช่วงเวลานี้มันเป็นความสดใหม่จริง ๆ แล้วการที่ได้มาร่วมงานกับนักแสดงที่น่าทึ่งเหล่านี้มันก็เป็นความฝันอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน

คุณรู้สึกกังวลบ้างมั้ยว่ามันจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังภาคแรกมากมายขนาดไหน? แล้วอะไรคือความกดดันที่ต่างออกไปนอกจากเรื่องนั้น?

ครั้งหนึ่งผมได้พบความจริงที่ว่านั่นมันเป็นเรื่องของการคิดใหม่ทำใหม่ แล้วมันก็เป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของ Jumanji ด้วย ซึ่งนั่นมันก็ช่วยลดความกดดันบางส่วนออกไปได้บ้าง เพราะมันแค่เป็นเรื่องของการบอกเล่าเรื่องราวของตัวมันเอง มันไม่ได้มีประเด็นไหนที่ต้องไปประชันกับหนังภาคแรก มันเป็นหนังในดวงใจของใครหลาย ๆ คน และการแสดงของโรบิน วิลเลี่ยมส์ (Robin Williams) มันก็เป็นเรื่องที่เฉียบแหลมโดยแท้จริง ดังนั้นสำหรับพวกเราทุกคนมันเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาคำตอบว่า "เราจะทำชื่อหนังอันเป็นที่รักนี้ออกมายังไงดี จะทำให้มันเป็นเรื่องที่สดใหม่ยังไง แล้วจะใช้หนทางไหนเพื่อแสดงความเคารพต่อตัวละครอลัน แพร์ริช ของโรบิน วิลเลี่ยมส์ และการแสดงทั้งหมดของเขาดี"

คุณมีความรู้สึกยังไงบ้างเกี่ยวกับการแสดงความเคารพต่อหนังภาคแรก?

"ตอนที่ผมได้ดูหนังครั้งแรก ตอนที่อลัน แพร์ริช เป็นเด็กน้อยที่ถูกดูดเข้าไปในโลกของเกมส์ วิธีการที่เขาถูกดูดเข้าไปมันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรากฏแก่สายตาเลยนะ ผมชอบที่พวกเขายังคงรักษามันเอาไว้ในหนังภาคนี้เป็นอย่างดี แล้วก็ทำมันออกมาในเวอร์ชั่นของตัวเองด้วยองค์ประกอบนั้น แน่นอนฉากบ้านต้นไม้หลังใหญ่ที่แสดงความเคารพต่ออลัน แพร์ริช และความจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่นำทางสว่างมาให้กับตัวละครเหล่านี้ทั้งหมด และการช่วยพวกเขาในระหว่างการเดินทางของพวกเขามันเป็นองค์ประกอบที่เจ๋งสุด ๆ ไปเลยนะ"

 

 

อะไรคือความประทับใจของคุณที่มีต่อหนังเรื่องนี้?

ส่วนที่ดีที่สุดคือการได้มาร่วมงานกับนักแสดงที่น่าทึ่งเหล่านี้ แล้วการใช้เวลาอยู่ที่ฮาวายมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลย ไม่สามารถคร่ำครวญต่อเรื่องนั้นได้เลย! นอกจากเรื่องนั้นแล้วเรื่องของความท้าทายหลาย ๆ อย่างมันก็เป็นเหมือนหนังสเกลใหญ่ ๆ เรื่องอื่น ๆ แนว ๆ นี้ มันมีเรื่องของการเคลื่อนย้ายเยอะมาก แล้วเราก็ได้ทำมันในทุก ๆ วัน แล้วก็ได้ทำมันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลย มันมีชิ้นส่วนเยอะมากสำหรับจิ๊กซอร์นี้ แล้วก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ทุก ๆ คนให้ความช่วยเหลือกัน และมันยังมีเรื่องของความรักความห่วงใยอีกเยอะเลยด้วย ทุกคนอยากจะทำให้มันออกมาเป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

คุณได้ช่วยโปรโมทหนังลงในโลกโซเชียลอยู่บ่อย ๆ มันเลยทำให้เห็นถึงพลังงานบางอย่างระหว่างคุณ, เควิน ฮาร์ท (Kevin Hart) และเดอะร็อค (The Rock) มีเรื่องราวสนุก ๆ อะไรเกิดขึ้นบ้างตอนเดินสายโปรโมทหนังร่วมกัน?

พวกเขามีเคมีที่เข้ากันอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อลองมองย้อนกลับไปค่อนข้างนานมาแล้ว ซึ่งการมองหาที่สำหรับผมให้เข้าไปอยู่ในนั้น ในการเดินสายโปรโมทพร้อมทั้ง 2 คนมันเลยเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่มันก็สนุกมากจริง ๆ พวกเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม พวกเขาบอกว่า "แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เข้มข้นสุด ๆ จริง ๆ ที่จะกระโดดเข้ามา แล้วก็ค้นหาอารมณ์ความรู้สึกของคุณจากภายในเคมีนี้ที่เรามี แต่คุณทำมันได้ดี แล้วคุณก็เป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่งในสิ่งที่เราทำ"

วัยรุ่นทั้ง 4 คนที่ถูกดูดเข้าไปในโลกของเกมส์เป็นตัวแทนที่โชว์ให้เห็นกลุ่มสังคมที่ต่างออกไป สำหรับการเติบโตขึ้นมาในช่วงวัยรุ่นของคุณมีตัวละครไหนใน 4 ตัวนั้นมั้ยที่คุณสามารถพูดได้ว่ามันบ่งบอกถึงตัวตนของคุณมากที่สุด?

มาร์ธา เธอคือตัวละครที่กลายเป็นคาเรน กิลแลน (Karen Gillian) และเป็นสิ่งที่เป็นตัวตนจริง ๆ ของเธออยู่นิดหน่อย เธอเป็นคนที่มีโลกทัศน์กล้าหาญ และผมเองก็เติบโตมาแบบนั้น ผมได้กลายมาเป็นตัวผมในวัยผู้ใหญ่ทุกวันนี้ แต่แน่นอนว่าผมก็ยังมีความเป็นตัวผมในช่วงวัยรุ่นติดตัวมาด้วยอยู่ดี

 

 

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกอยากจะใช้ชีวิตแบบเดอะร็อค?

มันเกินกว่าแค่เรื่องของงานที่เขาทำบนจอยักษ์ เขานำมันมาประยุกต์ใช้กับตัวเขาเองในทุก ๆ ด้าน แล้วเขาก็ทำได้อย่างน่าทึ่งในการสร้างบรรยากาศทุก ๆ อย่างทั้งในกองถ่าย ในการเดินสายโปรโมท หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันเป็น ซึ่งมันคือบางอย่างที่ทุกคนรู้สึกว่ามันสำคัญแล้วก็มีคุณค่า นั่นมันเป็นหนทางที่ยาวไกลสำหรับใครหลาย ๆ คน นอกจากเรื่องนั้นแล้ว เขายังเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างน่าทึ่ง ยิ่งในบทบาทนี้โดยเฉพาะแล้วด้วย คุณจะเชื่อสนิทใจตลอดเวลาเลยว่าเขาคือเด็กอายุ 17 เขามีความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อยู่ในการแสดงที่มันเปล่งประกายออกมาจริง ๆ แล้วมันก็ยังช่วยในการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยหนทางที่หลักแหลมในช่วงเวลานั้นด้วย แต่ไม่ใช่แค่นั้นเขายังใส่มันเข้าไปในสเกลใหญ่ ๆ ของทุก ๆ สิ่งด้วย เขาอยู่บนพื้นฐานของความจริงโดยสมบูรณ์เลยล่ะ

ในหนังตัวละครของคุณกับแจ็ค แบล็ค มีเรื่องราวกุ๊กกิ๊ก ๆ กันนิดหน่อย คุณว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มันดูเหมือนว่าแจ็ค แบล็ค ตกหลุมรักคุณจริง ๆ?

แจ็คเขาเป็นคนที่ชัดเจนมาก ๆ เลยนะ (โจนาสหัวเราะ) ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ เลยล่ะ มันคือบทบาทที่โดดเด่นบทบาทหนึ่งในชีวิตการทำงานของเขาเลย การแสดงต่อหน้าเขามันคือเรื่องยากโดยแท้จริง เพราะผมต้องพยายามที่จะไม่หัวเราะออกมาอยู่ตลอดเวลา เคมีระหว่างเราเบื้องหลังจอทำให้มันออกมาสนุกมากขึ้นไปอีก

คุณคิดยังไงที่แฟน ๆ พูดถึงฉาก CPR กันมากมายเลยทีเดียว?

มันคือการ CPR นั่นคือทั้งหมดที่มันเป็น มันไม่ใช่จูบ มันเป็นเรื่องที่งุ่มง่ามมากในช่วงเวลานั้น เราทั้งคู่อยากที่จะมั่นใจว่ากลิ่นลมหายใจของเรามันโอเค แล้วมันก็ยังรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาถ่ายฉากนั้นหลายเทคยิ่งกว่าฉากอื่น ๆ ในหนังเลยด้วย

ผลงานชิ้นต่อไปของคุณคืออะไร แล้วบทบาทไหนที่คุณอยากจะลองแสดง?

ผมมีหลาย ๆ อย่างที่ผมอยากที่จะทำให้สำเร็จ แล้วก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่มีแรงผลักดันที่ดีมากจริง ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในทั้งช่วงเวลาที่เป็นนักแสดงแล้วก็ช่วงเวลาในการทำเพลง ผมเพิ่งถ่ายหนังอีกเรื่องเสร็จไป มันชื่อ Chaos Walking ซึ่งเป็นหนังอีกเรื่องของดัค ไลแมน ร่วมกับทอม ฮอลแลนด์ และเดซี่ ริดลี่ย์ด้วย นอกจากนี้มันก็เป็นเรื่องของงานเพลงในช่วงต้นปีหน้า การเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตกับบรูโน่ มาร์ส (Bruno Mars) ในเม็กซิโก แล้วก็ยังคงยุ่งอยู่ในการมองหาโปรเจ็คอื่น ๆ ที่จะสนุกสุดคลั่งไปกับมัน ผมอยู่ในช่วงเวลานั้น

 

 

ที่มา: Hollywoodreporter.com