20th Century Fox จัดใหญ่เอาใจแฟนนิยายโรแมนติก-ดราม่าความรักในวัยรุ่น ด้วยการส่งภาพยนตร์ Love, Simon เข้าฉายในเดือนมีนาคมปีหน้า ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายยอดนิยม Simon vs. the Homo Sapiens Agenda งานเขียนจากปลายปากกาของเบ็คกี้ อัลเบอร์ทัลลิ ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ภายใต้การกำกับของเกร็ก เบอลานติ (Riverdale, The Flash)

ทาง EW ได้ปล่อยภาพเอ็กซ์คลูซีฟชุดแรกจาก Love, Simon ออกมาให้ชมกันแล้ว ซึ่งภาพชุดนี้จะประกอบไปด้วยนิค โรบินสัน (Jurassic World) ผู้รับบทไซม่อน และเพื่อน ๆ ของเขาทั้งจอร์จ เลนด์บูร์ก จูเนียร์ (Spider-Man Homecoming), อเล็กซานดร้า ชิปป์ (X-Men: Apocalypse) และแคทเธอรีน แลงฟอร์ด (13 Reasons Why) รวมไปถึงพ่อกับแม่ของไซม่อนที่รับบทโดยเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ (Miracles from Heaven) และจอช ดูฮาเมล (Transformers: The Last Knight)

จากสตูดิโอและทีมผู้สร้าง The Fault in Our Stars หนังเรื่อง Love, Simon จะยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายสุดคลาสสิคที่เป็นหัวใจหลักเกี่ยวกับเรื่องราวการเติบโตของวัยรุ่น ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งฟุตบอล ปาร์ตี้สังสรรค์ รวมไปงานโรงเรียน เพียงแต่ความโรแมนติกในเรื่องนี้มันจะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเรื่องราวของตัวละครนำชาย 2 คน ที่มันทั้งสนุก แสนหวาน เศร้า และท้ายที่สุดมันคือความแปลกใหม่

ไอแซค แอปเทคเกอร์ และเอลิซาเบธ เบอร์เกอร์ ได้มาร่วมมือกันดัดแปลงเรื่องราวจากงานเขียนคุณภาพนี้ ให้กลายมาเป็นบทภาพยนตร์ที่กำลังจะถูกถ่ายทอดลงบนจอยักษ์ใน Love, Simon โดยมีโรบินสันมาสวมบทบาทเป็นไซม่อน สเปียร์ เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ที่ได้สัมผัสรักครั้งแรกผ่านอีเมลล์ กับเพื่อนร่วมชั้นอีกคน ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือคับคั่งทั้ง จอช ดูฮาเมล, เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, แคทเธอรีน แลงฟอร์ด, ทาลิธา เบทแมน, โทนี่ เฮล, อเล็กซานดร้า ชิปป์, โลแกน มิลเลอร์ และคีย์แนน ลอนส์เดล

“มันมีส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ที่ตัดไป มันเป็นตอนที่ไซม่อนจินตนาการถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่งนี้ แล้วก็จินตนาการว่าพวกเขากำลังจูบกันอยู่ใต้ต้นมิสเซิลโทในวันคริสต์มาส” เบอลานติกล่าว “สำหรับค่ายหนังใหญ่ ๆ ค่ายอื่นแล้ว พวกเขามักจะทำหนังเกี่ยวกับผู้ชายกับผู้หญิง และมันก็มีบางสิ่งที่ทรงพลังสุด ๆ เกี่ยวกับการที่มันเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจินตนาการถึงตัวของเขาเองกับผู้ชายอีกคนในหนังอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันจะโดนใจตลาดและขายได้ด้วยหัวใจหลักของความโรแมนติกคอมเมดี้”

ที่มา: http://ew.com/