ประมาณเดือนธันวาคม 2015 เป็นครั้งแรกที่มีข่าวออกมาว่าเคท บลันเชตต์ (Cate Blanchett) อาจได้มารับบท เฮล่า ในหนัง Thor: Ragnarok แต่ทางมาร์เวล สตูดิโอก็ไม่เคยออกมายืนยันเรื่องนี้เลย จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2016 แล้วไม่กี่เดือนหลังจากนั้นบลันเชตต์ก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงการก้าวเข้ามารับบทจอมมารสาวเฮร่า และการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลมาร์เวลเอาไว้ว่า
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ เลยนะ ที่ใช้คอนเซ็ปของความตายเข้ามาสู่โลก ซึ่งนั่นมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นอมตะ” บลันเชตต์พูดถึงบทบาทของเธอในหนัง “คุณรู้มั้ย เมื่อคุณมองไปที่โลกตะวันตก และวัฒนธรรมส่วนใหญ่ที่นั่น ความตายมันเป็นเหมือนการถูกเนรเทศออกไปจากโลก ก็เหมือนกับผลลัพธ์อย่างหนึ่ง ฉันคิดว่ามันทำให้ชีวิตค่อนข้างวิตกนะ ดังนั้นฉันเลยคิดว่ามันมีด้านหนึ่งของความตายที่สามารถเป็นความอ่อนโยนของสุภาพบุรุษ และมันก็มีด้านหนึ่งของความตายที่สามารถเป็นความโหดร้ายและรุนแรงด้วย มันขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นความตายของใคร... ฉันคิดว่ามันมีประเด็นที่ต้องแตกออกไปเยอะเลย อย่างเรื่องของเธอกับแอสการ์ดในหนทางแต่ละก้าว เธอไม่ได้เจอผู้คนที่พร้อมจะยอมรับในตัวของเธอเลย แล้วฉันก็คิดว่าเธอค่อนข้างจะงง ๆ อยู่นะว่าทำไมทุกคนถึงหวาดกลัวเธอ แต่ความหายนะยิ่งกว่าก็คือเธอต้องการจะแก้แค้น มันเลยกลายเป็นทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
บลันเชตต์ยังพูดถึงการได้มาเป็นวายร้ายตัวหลักหญิงคนแรกแห่งจักรวาลมาร์เวลด้วยว่า “ฉันคิดว่าคุณคงแค่รู้สึกกดดัน ถ้าคุณคิดว่านี่คือการถ่ายทำแค่ครั้งเดียวที่จะมีผู้หญิงอยู่ นั่นมันเป็นเรื่องตลกนะ ฉันหมายถึงมันมีฐานแฟนพันธุ์แท้ผู้หญิงอยู่เยอะ และสำหรับตัวฉันเองที่มีลูกสาว ฉันก็อยากให้พวกเขาสามารถที่จะแยกแยะกับสิ่งเหล่านั้นที่มันเป็นจุดจบของสเปกตรัม เช่นเดียวกับเหล่าฮีโร่ แต่แน่นอนหลังจากนั้นไม่นานมาร์เวลก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่ากัปตันมาร์เวลเป็นผู้หญิง คุณคิดว่ามันเยี่ยมมั้ยล่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของการกลิ้งหินที่จะค่อย ๆ เพิ่มผู้หญิงอีกเยอะเลยเข้ามาปกคลุม... โอ้วนั่นมันเป็นจินตนาการที่น่ากลัวจริง ๆ”
สำหรับประเด็นที่ว่าตัวละครของบลันเชตต์จะมีลุคคล้าย ๆ กับโลกิของทอม ฮิดเดิลสตัน (Tom Hiddleston) มันเลยทำให้ทั้ง 2 คนชอบหมวกมีเขาเหมือน ๆ กัน “เฮล่าเธอดูคล้ายกับโลกิมาก ๆ แล้วฉันก็เคยพูดไปว่า ‘เราจะสามารถทำให้มันถูกต้องหรือทำให้มันมีความสร้างสรรค์มากขึ้นอีกสักหน่อยได้หรือไม่ยังไง?’ และพวกเขาก็เปิดกว้างที่จะรับฟังมันจริง ๆ ดังนั้นถึงแม้ว่าเฮล่าจะไม่ได้พกมันติดตัวไปตลอดทั้งเรื่อง นี่ไม่ได้สปอยล์นะ ฉันเคยลองพยายามกับช่างแต่งหน้าทำผม รวมถึงทีมงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อสร้างภาพการเดินทางให้กับเธอ ฉะนั้นนั่นคือเธอจะได้ที่สักแห่งเพื่อก้าวไป เหมือนกับพลังอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นของเธอ และนั่นมันจะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ๆ”
หนึ่งในภาพที่น่าประทับใจที่สุดของหนังเรื่องนี้คือช็อตที่วัลคีรี่ขี่เพกาซัสอยู่เหนือเฮล่า ซึ่งบลันเชตต์บอกว่าตัวเธอเองก็ชอบฉากนี้เหมือนกัน “โอ้พระเจ้า นั่นมันน่าทึ่งจริง ๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะการย้อนเวลาอย่างที่วัลทำ วิธีที่พวกเขาถ่ายทำฉากนั้น มันคือ... ฉันหมายถึง พวกเขามีม้าอยู่ตัวหนึ่ง ม้าจริง ๆ ตัวหนึ่งควบผ่านไปตรงนั้น ผ่านสตูดิโอ แต่วิธีที่มันใช้บันทึก มันจับความรู้สึกเวลาที่คุณมีฝันซึ่งมันมีความก้ำกึ่งจะเป็นฝันร้ายได้จริง ๆ มันมีทั้งความเบิกบานแล้วก็ภาระอันเหลือเชื่อ มันคือความแปลกประหลาด มันจับความรู้สึกเพ้อฝันที่ฉันมีอยู่แล้วได้จริง ๆ มันเป็นเรื่องอัศจรรย์”
บลันเชตต์ยังเปรียบเทียบการได้ร่วมงานระหว่างปีเตอร์ แจ็คสัน (Peter Jackson) กับไทกา เวทีที (Taika Waititi) ด้วยว่า “ทั้งไทกากับปีเตอร์เขามีจุดยืนแล้วก็พยายามรักษาจุดยืนของการมีโลกปัจจุบันที่เป็นรูปธรรมเยอะมาก คุณควรจะได้เห็นภาพประกอบส่วนตัวของไทกา เขาเป็นศิลปินที่น่าทึ่ง เขาเป็นจริง ๆ เขารู้ว่ามันสำคัญกับพวกนักแสดงยังไง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีลุคที่สมบูรณ์ให้เห็นก็ตามที ซึ่งพวกเขามีเซ้นท์ของสภาพบรรยากาศที่มันเป็นที่ซึ่งพวกเขาจะก้าวเข้าไป ดังนั้นนั่นมันเลยช่วยได้มากจริง ๆ ฉะนั้นคุณจะไม่ได้อยู่ในจักรวาลฉากสีฟ้าทั้งผืนโดยที่ไม่ได้มีไอเดียว่าคุณกำลังมองไปที่ไหน หรือคุณกำลังสัมผัสอะไรอยู่หรอกนะ”
นอกจากนี้ยังพลาดไม่ได้ที่จะพูดถึงตัวเอกของเรื่องอย่างธอร์ ที่รับบทโดยคริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) แถมบลันเชตต์ยังบอกอีกว่าพลังงานที่เฮมส์เวิร์ธนำเข้ามาในหนังเรื่องนี้มันยังมีส่วนช่วยในเรื่องการแสดงของเธอด้วย “มันเหมือนว่าคริสเขาได้ควบคุมพลังงานทั้งหมดของหนังก่อนหน้านี้ แล้วก็กำลังใช้สิ่งนั้นอยู่ ต่อจากนั้นก็ทำลายมันซะ มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้ดู แล้วมันก็ช่วยให้ฉันได้รู้อะไรมากขึ้นเยอะเลย ‘โอเค เราสามารถขยายมันออกไปได้อีกเยอะเลย’ และคุณก็อยู่ในน้ำมืออันปลอดภัยของไทกาที่คอยคุมโทน การได้ดูหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขาทั้งหมด สัก 3 ใน 4 ของมันอาจไม่ได้รับการยอมรับ แต่คุณก็ได้โยนมันออกไปเพื่อที่จะค้นหาเพชรเม็ดเล็ก ๆ คุณรู้มั้ย นั่นคือสิ่งที่มันต้องการจะสื่อ และบางครั้งในบางกองคุณจะสามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้จริง ๆ”
สำหรับสิ่งที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างบลันเชตต์กับโซอี้ เบลล์ (Zoe Bell) สตั้นท์ของเธอ “เธอเป็นคนที่อัศจรรย์ แล้วก็น่าร่วมงานด้วย ซึ่งนั่นเป็นความหวังของเรามาโดยตลอด เพราะฉันรู้สึกแบบนั้น คุณรู้มั้ย นั่นคือเมื่อคุณได้สิ่งที่ดีที่สุด เมื่อทุก ๆ ภาคส่วนมีจุดหมายที่จะทำหนังแบบเดียวกัน ตัวละครเดียวกัน เหมือน ๆ กัน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องอัศจรรย์สำหรับฉัน สำหรับเหตุผลส่วนตัวของฉันด้วย ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องน่าสนใจดีที่จะต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ดูพอใจจริง ๆ ที่ฉันให้ความสนใจกับความเชี่ยวชาญของเธอ และระหว่างเราทั้งสองคน เราจะทำให้พวกเขาเลวร้ายเหมือนนรกเลยในจุดนี้”
สุดท้ายเมื่อถูกถามว่าเธอจะกลับมาเยือนจักรวาลมาร์เวลอีกครั้งหรือไม่ บลันเชตต์ก็ตอบว่า “ฉันไม่รู้ ฉันเดาว่ามันคงขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาจะจบมันด้วย คุณไม่มีวันรู้หรอก ฉันอาจจะเคยมีบอลที่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่างานของฉันจะดีอะไร การสนุกมันไม่ได้จำเป็นต้องหมายความว่ามันมีผลกระทบต่อคุณภาพยังไงนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามนั้นยังไง แล้วนี่ฉันก็กำลังหลบเลี่ยง ฉันไม่รู้ ฉันหมายถึง นั่นมันต้องแล้วแต่บอสใหญ่นะ”
Thor: Ragnarok พร้อมฉาย 2 พฤศจิกายนนี้
ที่มา: Comingsoon.net/