สะพรึง เขย่าขวัญ เข้าขั้นอาถรรพ์เลยทีเดียว เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ "Pirates of the Caribbean: Salazar’s Revenge" (สงครามแค้นโจรสลัดไรชีพ) ผู้ชมจะได้เดินทางเข้าสู่โลกที่อบอุ่น ตื่นเต้นและหลากสีสันของเหล่าโจรสลัดที่มีสีสันจัดจ้านที่สุดเท่าที่เคยผจญภัยในเจ็ดย่านน้ำ ด้วยวิสัยทัศน์ของทีมผู้สร้างมากความสามารถ วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส และเจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ ฟิล์มส์ และทีมนักแสดงที่พิเศษสุด นอกเหนือจาก จอห์นนี่ เดปป์ ที่กลับมารับบท แจ็ค สแปร์โรว์ โจรสลัดผู้รักอิสระเสรีขวัญใจแฟน ๆ อีกครั้ง นักแสดงคนดังของออสเตรเลีย จอฟฟรีย์ รัช ก็กลับมาอีกครั้งในบทกัปตันบาบอสซ่า ผู้ซึ่งตอนนี้ได้บัญชาการเรือควีน แอนส์ รีเวนจ์ ซึ่งเป็นเรือเก่าของแบล็คเบียร์ด และนั่งเสวยสุขบนกองเงินกองทอง, เควิน อาร์. แม็คเนลลี กลับมาสู่แฟรนไชส์นี้เป็นครั้งที่ห้า ในฐานะโจชมี กิ๊บส์ ต้นหนของแจ็ค ผู้เล่าขานตำนานจอมโม้และตัวเขาเองก็คุ้นเคยกับขวดเหล้ารัมไม่ต่างกัน, สตีเฟ่น เกรแฮม ในบท สครัม ชายหัวทึบ,มาร์ติน เคล็บบา ในบท มาร์ตี้ คนแคระซอมซ่อ, ไจลส์ นิว และ แองกัส บาร์เน็ตต์ ในบท เมอร์ท็อกก์และมัลรอย ที่ได้สลัดเครื่องแบบทหารก้าวสู่การเป็นโจรสลัดในฉากสุดท้ายของ "At World’s End" และลิงจ๋อแจ็คจอมซน สัตว์เลี้ยงแสนรักของบาบอสซ่า (ที่เป็นที่รังเกียจของกัปตันแจ็ค) รับบทโดยลิงคาปูชินคอขาวมากความสามารถ พาโบลและชิกิต้า
เชื่อแน่ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอการผจญภัยแห่งโลกภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องไหน ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนภาพยนตร์เรื่องนี้จะถอนสมอมอบความสำเร็จ นักแสดง ผู้กำกับ และทีมงาน ต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างระหว่างการถ่ายทำ บางเรื่องก็ลี้ลับและน่าสะพรึงจนเกินบรรยาย วันนี้เรารวบรวมเรื่องจริง(ก่อน)ผ่านจอ มาให้ฟังกัน
- นักแสดงหนุ่มเบรนตัน ธเวทส์ ผู้รับบท เฮนรี่ใน "Pirates of the Caribbean: Salazar’s Revenge" (สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ) เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่สมัยเขายังเป็นแค่นักเรียนตัวน้อยในควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียแล้วไม่มีใครที่ดีใจไปกว่าเขาอีกแล้วเมื่อเขาได้รู้ว่านอกจากเขาจะได้รับบทตัวเอกในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ภาพยนตร์แทบทั้งเรื่องยังจะถ่ายทำใน...ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียอีกด้วย!
- ตามธรรมเนียมของ "Pirates of the Caribbean" ซึ่งทีมงานและนักแสดงของสี่ภาคที่ผ่านมาจะต้องสู้รบปรบมือกับสภาพอากาศสุดโต่งทั่วโลก โลเกชันถ่ายทำหลักของเรื่อง ซึ่งอยู่ในโกลด์ โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ก็เจอกับสภาพอากาศที่ชื้นแฉะที่สุดในรอบ 61 ปีเนื่องจากพายุไซโคลนที่ชื่อมาร์เซีย
- โยคิม รอนนิ่ง และเอสเพน แซนด์เบิร์กไม่ใช่ชาวนอร์เวย์คู่แรกที่ได้กำกับภาพยนตร์โจรสลัดสำหรับวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ เพราะในปี 1991 สตูดิโอนี้เคยเปิดตัวภาพยนตร์โจรสลัดอีกเรื่องหนึ่งจากประเทศดังกล่าวในชื่อของ "Shipwrecked" ภายใต้การกำกับของ นิลส์ ก็อป
- ฉากเมืองเซนต์มาร์ติน ที่มีความละเอียดละอออย่างพิเศษสุด ภายใต้การออกแบบของ ไนเจล เฟลป์ และดำเนินการสร้างโดยหัวหน้าผู้กำกับศิลป์ เอียน เกรซีย์ และผู้ประสานงานการก่อสร้าง เบอร์นีย์ ไชลด์ ครอบคลุมพื้นที่ห้าเอเคอร์ที่เขียวชอุ่มในย่านฮินเทอร์แลนด์ของเมืองม็อดแลนด์ แม้ว่าสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่จะมีแต่ด้านหน้าเท่านั้น แต่สถานที่อย่างน้อยสองแห่ง ซึ่งก็คือร้านเหล้าไกรมส์ ทาเวิร์น และสวิฟท์ ชาร์ต เฮาส์ ก็เป็นฉากสามมิติ ที่ถูกสร้างและตกแต่งให้เข้าบรรยากาศโดยแผนกตกแต่งฉากของเบเวอร์ลีย์ ดันน์ อาคารบางหลังได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดให้สามารถรื้อถอนออกเพื่อเคลื่อนย้ายอาคารทั้งหลังไปยังส่วนต่าง ๆ ของเมือง เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกที่ว่าเมืองนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมา
- ร้านค้าแต่ละร้านในฉากเมืองเซนต์มาร์ตินได้จัดแสดงสินค้าบางอย่างของพวกเขาไว้ด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกแห้ง (ของจริง และส่งกลิ่นตลบอบอวลตลอดระยะเวลาหลายเดือน) สินค้าทอ เครื่องสาน เครื่องปั้นและอาหารต่าง ๆ
- สำหรับซีเควนซ์ปล้นธนาคารในเรื่อง ธนาคารศตวรรษที่ 18 ทั้งหลังถูกสร้างขึ้นมาล้อมรอบรถแทร็คเตอร์ที่ถูกเรียกว่า มานิทู คนขับรถมานิทูจะสามารถมองออกไปจากกระจกเพล็กซิกลาสปลอมด้านหน้าได้ แต่คนอื่น ๆ จะไม่สามารถมองทะลุเข้ามาด้านในได้ เป็นการช่วยรักษาภาพลวงตาที่ว่ามีผนังสี่ด้านไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เพ็นนี โรสและทีมงานของเธอได้เปลี่ยนซาวน์สเตจพื้นที่ 20,000 ตารางฟุตที่วิลเลจ โร้ดโชว์ สตูดิโอส์ในโกลด์ โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ให้กลายเป็นโกดังเก็บเสื้อผ้า หมวก รองเท้าและเครื่องประดับกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งทุกชิ้นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามชื่อ ประเภท เพศและอายุของตัวละคร
- ในการเพิ่มอายุให้กับเครื่องแต่งกายอย่างพอเหมาะ เพ็นนี โรสและทีมงานของเธอได้ใช้เทคนิคนวัตกรรมมากมาย รวมถึง การใส่พวกมันรวมกับก้อนกรวดในเครื่องผสมซีเมนต์ การใช้ที่ขูดชีสทำให้เสื้อผ้าสึกกร่อนและบางครั้ง ก็มีการใช้เครื่องพ่นไฟกับตัวผ้าด้วย!
- บริเวณที่ถูกเรียกกันว่า "สนามเรือ" ในเมืองเฮเลนส์เวล รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นสถานที่ตั้งของเรือสิบเอ็ดลำซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นบนฐานที่เคลื่อนไหวด้วยคอมพิวเตอร์ ผู้คนที่สงสัยใคร่รู้สามารถมองเห็นเสากระโดงเรือหนึ่งหรือสองต้นโผล่ขึ้นจากกองตู้คอนเทนเนอร์ 100 ตู้ที่กองซ้อนทับกันเหมือนอิฐได้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งอนุมานว่า วัตถุประสงค์ของตู้คอนเทนเนอร์ที่ซ้อนทับกันนั้นคือเพื่อปิดบังการถ่ายทำลับสุดยอดให้พ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็น ในความเป็นจริงแล้ว ตู้คอนเทนเนอร์พวกนั้นเป็นโครงให้กับเทคโนโลยีที่น่าทึ่งในชื่อ แอร์คัฟเวอร์ อินแฟลเทเบิลส์ หรือจอบลูสกรีนเป่าลมขนาดยักษ์ ซึ่งภายหลังถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้าและเกลียวคลื่นด้วยฝีมือซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวลเอฟเฟ็กต์แกรี โบรเซนิคและทีมงานของเขา ผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาได้รับรางวัลความสำเร็จด้านเทคนิคพิเศษจากเวทีออสการ์ปี 2016
- กองถ่ายได้ใช้ "นัคเคิลบูม" (เครนบูมที่เหมือนกับยีราฟ ใช้สำหรับการยก การวางและการขยับเขยื้อนสิ่งของด้วยระบบไฮโดรลิค) ไม่ต่ำกว่า 27 ตัวในบริเวณสนามเรือ และมีกริดแสงความยาว 150 ฟุตส่องอยู่เหนือเรือเพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในเวลากลางคืน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน มีการใช้งานเทคโนเครนสามตัวทุกวันพร้อมด้วยกล้องห้าตัวที่ติดตั้งอยู่ด้านบน โดยรวมแล้ว สนามเรือแห่งนี้ได้ใช้อุปกรณ์หนัก 30-40 ชิ้น
- เรือของกัปตันซาลาซาร์ที่ผู้ออกแบบงานสร้าง ไนเจล เฟลป์ สถาปนิกของมันเรียกว่าเป็น "เด็กคุมผับร่างยักษ์" เป็นเหมือนกับปราสาทสเปนที่ลอยได้ โดยมีป้อมปราการและหอคอยอยู่ตรงด้านหลัง ปืนใหญ่ที่หมุนได้อยู่บนดาดฟ้าเรือและรูปปั้นอัศวินยุคกลางสวมเกราะเต็มยศประดับประดาอยู่เต็มดาดฟ้าเรือและภายนอก สิ่งที่ห้อยปิดฐานยิงปืนเอาไว้ราวกับผู้พิทักษ์มฤตยูก็คือหัวปีศาจมีเขาสีทอง ราวกับจะเพื่อขู่ขวัญศัตรูหรือพวกโจรสลัดให้กลัวมากยิ่งขึ้น หรืออาจเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงหัวใจที่ดำทมิฬของกัปตันเรือลำนี้ก็เป็นได้ บนดาดฟ้าเรือเป็นที่ตั้งของถังไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ถังบรรจุน้ำหรือไวน์สำหรับลูกเรือหรอกนะ แต่เป็นสถานที่ลงทัณฑ์ที่เลวร้ายที่สุดต่างหากล่ะ
- แม้ว่าเรือของกัปตันซาลาซาร์จะถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเรือตามจินตนาการแทนที่จะยึดติดกับประวัติศาสตร์การเดินเรืออย่างเคร่งครัดแต่เฟลป์ก็ได้หยิบยืมแบบดีไซน์ของนกอินทรีย์สองหัวบนใบเรือหลักมาจากแบบดีไซน์ในประวัติศาสตร์และปืนใหญ่บนดาดฟ้าเรือก็มีสัญลักษณ์ของราชนาวีสเปนและมีโลมาสองตัวห้อยอยู่ ซึ่งเป็นภาพที่ชินตาสำหรับปืนใหญ่ของฝรั่งเศสและสเปนในศตวรรษที่ 18
- ในเวลาค่ำคืนในเฮเลนส์เวล จิงโจ้มักจะปรากฏตัวขึ้นมาในท้องทุ่งกว้างใหญ่ ตรงด้านหลังของเต็นท์อาหารขนาดใหญ่ เพื่อสำรวจเรื่องราวพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นในละแวกบ้านของพวกมัน
- สำหรับเมคอัพเข้มข้นที่เขาต้องเจอในบทกัปตันซาลาซาร์ผู้ต้องสาป นักแสดงหนุ่ม ฮาเวียร์ บาร์เด็ม จะต้องทนนั่งอยู่บนเก้าอี้เมคอัพทุกวัน วันละสองถึงสามชั่วโมง แต่ในตอนที่โกลชิฟเทห์ ฟาราฮานี่ นักแสดงสาวสวย ถูกแปลงกายให้กลายเป็น ชานซ่า แม่มดผู้ลึกลับแห่งท้องทะเล เธอกลับต้องทนนั่งนานถึงสี่ถึงห้าชั่วโมง!
- แผนกของช่างออกแบบทรงผมหลัก ปีเตอร์ ซอร์ด คิง ได้ทำวิกมากกว่า 1,000 หัวให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ และวันทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เกี่ยวข้องกับตัวประกอบ 700 คนและนักแสดงหลัก 30 คน โดยที่ทีมงานหลักประกอบไปด้วยคน 22 คน และอีก 70 คนอยู่ในเต็นท์หลังใหญ่เพื่อดูแลนักแสดงแบ็คกราวน์ นักแสดงสตันท์และคนที่คอยดูเรื่องสัตว์ สถานที่นั้นถูกพูดถึงอย่างขำขันว่า "โรงงานไส้กรอก"
- กว้านของเรือแบล็คเพิร์ล เป็นอันเดียวกับที่เราเห็นกันในเวอร์ชันก่อน ๆ ของเรือลำนี้ในภาคแรก ภาคสองและภาคสาม นับว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากท้องทะเลตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ! (สำหรับพวกคุณที่เป็นชาวบก กว้านคือเครื่องมือที่ใช้หมุนเพื่อให้เชือกหรือสายเคเบิลหมุนรอบมัน และใช้เคลื่อนย้ายหรือยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากได้ เช่นสมอเรือ)
- ในซีเควนซ์กิโยตินที่จัตุรัสประหาร ศีรษะทั้งสองที่ถูกแยกออกจากตัวเจ้าของถูกสร้างตามแบบของผู้กำกับ โยคิม รอนนิ่ง และเอสเพน แซนด์เบิร์ก
- ที่เฮสติ้งส์ พอยท์ พ้นจากพรมแดนของควีนส์แลนด์เข้าไปในนิวเซาธ์เวลส์ วันถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นด้วยการเต้นระบำต้อนรับทีมงานและนักแสดงโดยสมาชิกเผ่ากู๊บจิงเบอร์ราจากบันด์จาลังก์ ผู้ปกปักษ์พิทักษ์ผืนดินนั้นมานับพัน ๆ ปี
- ซีเควนซ์ "การแต่งงานแบบฝืนใจ" ที่แสนคึกคัก และถูกถ่ายทำที่เฮสติ้ง พอยท์ กลายเป็นงานภายในครอบครัวสำหรับสตีเฟ่น เกรแฮม (สครัม) ผู้ซึ่งฮันนาห์ วอลเตอร์ส ภรรยาของเขาที่เป็นนักแสดงมากความสามารถ ได้ถูกทีมผู้สร้างขอร้องให้รับบท เบียทริซ เคลลี่ ว่าที่เจ้าสาวที่ไม่ค่อยจะเขินอายนักของกัปตันแจ็ค อัลฟีย์และเกรซ ลูกๆ ผู้น่ารักและแสบซ่าส์สองคนของเกรแฮมและวอลเตอร์ส รับบทลูกสองคนของเบียทริซ และก็เป็นหน้าที่ของแผนกแต่งหน้าและทำผมมากความสามารถที่จะต้องทำให้ตระกูลเกรแฮม/วอลเตอร์สที่หน้าตาดูดีกลับกลายเป็นดูไม่ได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!
- สำหรับฮาเวียร์ บาร์เด็ม นักแสดงรางวัลออสการ์ การรับบทกัปตันซาลาซาร์เป็นเหมือนงานในครอบครัว เพราะเพเนโลเป้ ครูซ ภรรยาของบาร์เด็ม เคยแสดงใน "On Stranger Tides" ซึ่งเป็น "Pirates" ภาคก่อนหน้านี้มาแล้ว และตัวบาร์เด็มเองก็มักไปเยี่ยมกองถ่ายเรื่องนั้นเป็นประจำด้วย
- นักแสดงชาวสเปน ฮวน คาร์ลอส เวลลิโด เป็นนักแสดงที่ได้รับเครดิตเพียงคนเดียว ที่รับบทตัวละครสองตัวที่แตกต่างกันใน "Pirates of the Caribbean" สองภาค หลังจากที่เคยรับบทกัปตันชาวสเปนใน "On Stranger Tides" มาแล้วและในตอนนี้ก็ได้รับบท เลซาโร ลูกสมุนที่ภักดีของกัปตันซาลาซาร์ใน "Salazar’s Revenge"
- วันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ทีมงานชาวออสเตรเลียได้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนสำหรับการสนับสนุน ควีนส์แลนด์ มารูนส์ หรือไม่ก็นิวเซาธ์เวลส์ บลูส์ ในการแข่งขันรักบี้ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น พวกเขาแต่งกายตามสีประจำทีมของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นกระดุม โบว์ ผ้าพันคอและหมวกสารพัดแบบ โดยมีการขู่แบบทีเล่นทีจริงไปทั่ว มีการตั้งจอฉายภาพขนาดใหญ่ขึ้นในบริเวณแทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่วิลเลจ โร้ดโชว์ สตูดิโอส์ โดยมีด้านหลังเป็นรถบรรทุกของกองถ่าย ไม่มีรายงานถึงการก่อความวุ่นวายหรือการทะเลาะเบาะแว้งใด ๆ ในตอนที่มารูนส์เฉือนเอาชนะไปได้หนึ่งแต้ม
- มีการสร้างไดอารี่ที่คาริน่า สมิธแสนทะนุถนอมขึ้นมา 88 เวอร์ชัน ก่อนที่จะมีการตัดสินใจเลือกใช้เวอร์ชันหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ปกไดอารี่ทำจากหนังและถูกเพิ่มอายุให้ด้วยวิธีการน่าสนใจ...นั่นคือด้วยการแช่มันในกาแฟ!
- ขวดเหล้ารัมของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์เป็นของแท้จากอังกฤษ ศตวรรษที่ 18 ในขณะที่ร่มหลายคันของเรื่องถูกสร้างขึ้นหญิงชราร่างเล็กในวัย 70 กว่าปีในบริสเบน เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนกลุ่มสุดท้ายในโลกที่ยังทำงานฝีมือแบบนี้อยู่
- ชุดของชานซ่า แม่มดแห่งท้องทะเล ที่รับบทโดย โกลชิฟเทห์ ฟาราฮานี่ แต่ละชุดใช้เวลาตัดเย็บวันละ 15 ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และใช้ทีมงานถึง 42 ชีวิต
- ในวันถ่ายทำ "มุข" กิโยตินหมุนติ้วสำหรับซีเควนซ์จัตุรัสประหาร มีฝนตกห่าใหญ่ลงมาในฉากเมืองเซนต์มาร์ติน ทีมงานได้เคลื่อนย้ายทรายกว่า 30 ตันเข้ามาเพื่อรักษาพื้นให้แห้งสำหรับการถ่ายทำ
- ในตอนที่กองถ่าย "Salazar’s Revenge" ถ่ายทำในป่ารกชัฏบริเวณภูเขาแทมโบริน พวกเขาจะต้องสวมหมวกหนาเพื่อป้องกันศีรษะจากเม็ดถั่วดำหนักอึ้งที่ร่วงลงมาจากต้นไม้เก่าแก่ ทีมงานออสเตรเลียกล่าวติดตลกกับเพื่อนร่วมงานของพวกเขาจากอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ว่าจริง ๆ แล้ว หมวกพวกนั้นใช้ป้องกัน "ดร็อปแบร์" สัตว์ประหลาดในตำนานที่มีกระเป๋าหน้าท้อง มีลักษณะคล้ายกับโคอาลากินคน และจะกระโจนจากยอดไม้สูงเพื่อเกาะศีรษะเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
- ปฏิบัติการขนส่งครั้งใหญ่สำหรับการถ่ายทำของกองถ่ายบนหมู่เกาะวิทซันเดย์รวมถึงการใช้รถบรรทุก 60 คันเดินทางเป็นระยะทาง 1,400 กิโลเมตร จากที่ตั้งกองถ่ายที่โกลด์ โคลสต์ ตามด้วยการขับรถ 40 นาที และการล่องเรือจากแผ่นดินใหญ่สู่เกาะแฮมิลตัน ซึ่งเป็นโลเกชันแห่งหนึ่ง ตามด้วยการล่องเรืออีกชั่วโมงครึ่งไปยังเกาะอื่น ๆ ที่ทีมงานกำลังถ่ายทำอยู่
- ในตอนที่กองถ่าย "Salazar’s Revenge" ถ่ายทำที่ชายหาดไวท์ฮาเวนในหมู่เกาะวิทซันเดย์ สภาพอากาศและกระแสน้ำขึ้นลงที่ผิดปกติได้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่นักแสดงและทีมงานจะต้องลงจากยานพาหนะราวกับกำลังทำการยกพลขึ้นบก ด้วยการลุยน้ำที่ลึกถึงเอว อกหรือคอ ตามความสูงของพวกเขา ขณะใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง
- หลังจากที่การถ่ายทำหลัก 93 วันในออสเตรเลียสิ้นสุดลง พายุก็ได้โหมกระหน่ำโจมตีหมู่เกาะวิทซันเดย์ ซึ่งเป็นโลเกชันถ่ายทำสุดท้ายของทีมงาน ทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดจากเกาะแฮมิลตัน ทีมงานและนักแสดงกว่า 200 ชีวิตจะต้องนั่งเรือท้าคลื่นลมแรงผ่านช่องแคบวิทซันเดย์ไปสู่แผ่นดินหลัก และจะต้องนั่งรถนานกว่าสองชั่วโมงไปยังเมืองแม็คเคย์ ก่อนจะได้บินกลับบ้านที่พวกเขาจากมา
"Pirates of the Caribbean: Salazar’s Revenge – สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ"
เตรียมเข้าฉาย พุธที่ 24 พฤษภาคม 2560 ในโรงภาพยนตร์
และในระบบดิสนีย์ ดิจิทัล 3 มิติ, ไอแมกซ์ 3 มิติ, และ 4 มิติ