ต้องเรียกว่าปีนี้เป็นปีทองของนักแสดงสาว เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ จริง ๆ เพราะในปีนี้ได้เห็นผลงานของสาวเต้ยออกมาแบบหลากหลายทั้งหนัง "รักของเรา The Moment" ที่กำลังจะเข้าฉาย และละครที่ออกอากาศ 5 วันต่อสัปดาห์ เรียกว่านาทีนี้ เต้ยครองจอจริง ๆ วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยได้โอกาสเหมาะที่เธอเจียดเวลาคิวทองมานั่งคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ให้ได้ล้วงลึกกันถึงเรื่องของหัวใจ
ห่างหายจากการเล่นหนังมา 2 ปี กลับมาเล่นอีกครั้งรู้สึกอย่างไร?
รู้สึกดีค่ะ เพราะคิดถึงหนังมาก ตอนแรกแค่ได้รู้ว่าจะต้องไปถ่ายที่อังกฤษก็บอกเลยว่าไปค่ะ (หัวเราะ) หนังทุกเรื่องของเต้ยไปถ่ายที่ต่างประเทศหมดเลย ยังไม่มีเรื่องไหนที่รับแล้วไม่ได้ไปต่างประเทศ เรื่องนี้ก็เลยรับเลย เล่นมา 4 เรื่องแล้วทั้งกาลิเลโอ เคาท์ดาวน์ ไทม์ไลน์ แล้วก็เรื่องล่าสุดนี้ค่ะ "รักของเรา The Moment" เรื่องต่อจากนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วนะคะ เดี๋ยวผิดคอนเซปต์ (หัวเราะ)
บทโตขึ้นกว่าทุกเรื่องไหม?
โตกว่าค่ะ เรื่องนี้รับบทเป็นแพรว อยู่ในวัยทำงาน เรื่องอื่นอาจจะยังเรียนอยู่บ้าง แพรวเป็นคนคิดดี มีเหตุผล แต่มีจุดอ่อนคือเป็นคนขี้เหงา ชอบอยู่ติดแฟน (กันต์ กันตถาวร) แพรวมีน้องชาย (พีช พชร) แล้วก็มีแฟนเก่า (โทนี่ รากแก่น) คอนเซปต์ของหนังคือการเดินทางทำให้เราพบอีกคนหนึ่งที่ใช่ ของแพรวนี่การเดินทางทำให้กลับมาพบแฟนเก่า ซึ่งแฟนเก่านี้คือรักแรกของเธอ เต้ยต้องเล่นให้คนดูเชื่อว่าสองคนนี้ยังรักกันอยู่นะ เต้ยเคยพูดว่าอยาก เล่นหนังรัก เพราะที่ผ่านมามันไม่ใช่หนังรักซะทีเดียว แต่เรื่องนี้มันเป็นหนังรักจริง ๆ ที่เราต้องเอาอารมณ์ของความรัก ความเศร้า ความเสียใจ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกกับศีลธรรม เพราะเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่ไปเจอแฟนเก่าในสถานที่ที่เราเคยมีความฝันว่าเราอยากไปอยู่กับเขา มันเลยเป็นการต่อสู้ระหว่างสมองกับหัวใจในเวลาเดียวกันค่ะ
เรื่องนี้ต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน?
เรียกว่าทำความรู้จักคาแรกเตอร์ดีกว่าค่ะ เพราะการแสดงมันก็คือการแสดง หนังต้องเล่นให้ละเอียดกว่าโดยที่มันต้องมาจากอินเนอร์ จากการที่เราต้องรู้จักตัวละคร เรื่องนี้ต้องเวิร์กช็อปเยอะมาก มากกว่าหนังและละครที่เต้ยเคยเล่นมาทุกเรื่อง เวิร์กช็อปรวมแล้วประมาณ 30 ชั่วโมง ถ่ายไปเวิร์กช็อปไป เต้ยชอบนะ มันเป็นการทำงานอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเราไม่เคยเจอจากผู้กำกับคนอื่นเลย เรื่องนี้พี่จุ๊กผู้กำกับเขามีโครงมาประมาณหนึ่ง มีคาแรกเตอร์ตัวละครที่เขาอยากได้มาประมาณหนึ่ง แต่พี่เขาให้เต้ยกับพี่โทนี่ได้พัฒนาตัวละครแบบที่เราทั้งคู่รู้สึกและไปกับมันได้ เหมือนเราได้ร่วมสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาด้วยกัน มันเลยรู้สึกอินมาก ขอบอกว่าเรื่อง รักของเรา เดอะโมเมนท์ นี้เป็นอะไรที่ท้าทายมาก ๆ เลย เป็นหนังรักรูปแบบใหม่ที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึก มันต้องจริงมาก ๆ ถ้ามันไม่จริง พี่จุ๊กผู้กำกับในพาร์ทของเต้ยจะไม่ให้ผ่านเลย คือเราต้องเล่นละเอียดมาก ความยากและท้าทายของเรื่องนี้แม้บทพูดจะไม่เยอะ แต่เราต้องเล่นต้องเล่าเรื่องให้คนดูเห็นว่าเรารู้สึกอะไรในทุกฉากค่ะ
มีอุปสรรคในการถ่ายทำบ้างไหม?
หนาวค่ะ (หัวเราะ) มีอยู่ฉากหนึ่งที่ทาวเวอร์บริดจ์ที่มันเป็นสะพาน ชุดที่ใส่เป็นเสื้อแจ็กเกตยีน กางเกงยีน แล้วก็เสื้อกล้ามข้างใน ตอนนั้นดึกแล้ว อากาศหนาวมากเลยค่ะ แล้วยังเป็นฉากดราม่าด้วย
นอกจากหนังแล้วเห็นว่าปีนี้ยังมีละครอีกหลายเรื่องเลย?
ใช่ค่ะ คือทุกอย่างที่ถ่ายกันมาเป็นปี ๆ มันมามะรุมมะตุ้มในปีนี้หมดเลย ผู้ชมจะได้ดูเต้ยในหลายบทบาทมาก ๆ เลยค่ะ อย่าง "คลื่นชีวิต" เรียกว่าพลิกบทบาทเลย ปียากุลไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นคนที่มีอำนาจ ทั้งเหวี่ยงทั้งวีน คิดอะไรก็พูดแบบนั้น คือร้ายแบบมีเหตุผล เพราะเธอรักสามีของเธอ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างปัญหาให้ญาญ่า ส่วน "พุดชมพู" ใน "บัลลังก์ดอกไม้" ก็เป็นสาวชาวไร่ห้าว ๆ
ได้รับบทที่โตขึ้นแต่หน้ายังดูเด็ก?
หลายคนมองว่าเต้ยหน้าเด็ก แต่เต้ยพยายามใช้อินเนอร์ในการสวมบทบาทนั้น เต้ยว่าคนดูเขาจะเชื่อไปเอง แต่ไม่รู้นะว่าออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ แม้บทจะยากและไกลตัวมาก เต้ยเลยต้องทำความรู้จักกับตัวละครนี้เยอะมาก ต้องเชิด ๆ เริ่ด ๆ พี่ดา - หทัยรัตน์ พี่แอ้วผู้กำกับ ช่วยเยอะมาก
เรียกว่าปีนี้เป็นปีทองของเต้ย - จรินทร์พร เลยนะ?
ไม่รู้สิคะ แต่ที่ถ่ายมาทุกอย่างมาออกในปีนี้หมด ออก 5 วันเลย จันทร์-อังคารเหวี่ยง ๆ วีน ๆ (คลื่นชีวิต) ส่วนศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เป็นสาวชาวไร่ห้าวๆ (บัลลังก์ดอกไม้) เต้ยไม่ได้กลัวหน้าช้ำหรอก คืออยากให้คนดูโฟกัสที่ตัวละครมากกว่าที่จะมองเป็นเต้ย ให้มองว่านี่คุณเปี๊ยก นี่พุดชมพู อยากให้รู้สึกแบบนี้มากกว่าค่ะ ละคร "คลื่นชีวิต" ถ่ายมานานมากแล้ว จริง ๆ ต้องออนแอร์ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง ก็เลยเลื่อนมาออนพร้อมกับอีกเรื่องพอดี นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ "เดอะคิวปิดส์ บริษัทรักอุตลุด" ด้วยค่ะ น่าจะออนแอร์หลังจากจบบัลลังก์ดอกไม้ค่ะ ตอนนี้การจัดสรรเรื่องงานก็ยังพอได้อยู่ค่ะ เพราะยังไม่มีถ่ายละครเรื่องไหนต่อ ช่วงนี้จะเป็นช่วงโปรโมตมากกว่า
จะยึดงานแสดงเป็นอาชีพหลักเลยไหม?
อาชีพในวงการบันเทิงไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ เต้ยก็มองหาอย่างอื่นทำเหมือนกัน ซึ่งที่ทำอยู่เป็นค่ายสิ่งแวดล้อมที่ทำกับอเล็กซ์ เรนเดล แล้วก็อาจจะเปิดของตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ คือเป็นคนที่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ อยากทำอะไรทำนี่ไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ตอนเข้าวงการเต้ยใช้ความรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ แต่การแสดงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกวันนี้เต้ยก็ยังต้องพัฒนาตัวเอง ได้เจอบทบาทที่ท้าทายแบบคุณเปี๊ยก รู้เลยว่าเต้ยต้องพัฒนาอีกเยอะ ซึ่งมันเรียนรู้ไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีหยุด คงไม่มีแบบว่าเข้ามาปุ๊บแสดงได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้นนะต้องเก่งหรือมีพรสวรรค์มาก ๆ เต้ยเข้ามาต้องลองผิดลองถูกก่อน ตอนแรกร้องไห้ไม่ได้ ก็ดูว่าเขาร้องไห้กันยังไง ทำไมเก่งจังเลย แต่พอได้เล่นมากขึ้น ได้เจอผู้กำกับหลายคน มีเวิร์กช็อป เจอเพื่อนนักแสดงที่เล่นด้วยกัน ทุกอย่างเป็นครูให้เราได้เรียนรู้หมดเลย ตอนนี้ไม่คาดหวังอะไรนอกจากพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าเราจะได้เล่นหนังเรื่องอะไร ละครอะไร แต่เราสามารถกำหนดตัวเองว่าเราจะต้องพัฒนาให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ เต้ยไม่คิดเลยนะว่าเราจะได้ทำงานตรงนี้มาเรื่อย ๆ ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างเลยสำหรับโอกาส ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาเล่นร้าย ๆ เหวี่ยง ๆ มันเป็นสีสันของอาชีพนักแสดงเลยค่ะ
เข้าวงการมาก็นานแล้ว ยังไม่พ้นถูกเมาท์ว่าไปทำโน่นเสริม นี่มา?
โดนตั้งแต่แรก ๆ ที่เข้าวงการเลย ตั้งแต่สมัยที่ศัลยกรรมยังไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเต้ยก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เราก็เลยงงที่เขาว่ากัน แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เป็นยาดี ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นมาได้ เพราะตอนนั้นมันก็เครียดเหมือนกันนะ แต่ใครจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องของเขา เราคงทำอะไรไม่ได้ พัฒนาตัวเองไปแล้วกัน ทำในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำให้ดีที่สุดค่ะ
ทำไมตอนนั้นถึงเครียด?
ก็เต้ยไม่ได้ทำจริง ๆ นี่คะ ทำไมต้องมาว่าเราด้วย ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ มีคนมาอ้างว่าเป็นเพื่อนเราด้วย บอกว่าเต้ยเป็นคนอย่างโน้นอย่างนี้ คุณพ่อเต้ยเป็นเจ้าของห้างโน่นนี่นั่น เราก็งง นี่เราไม่รู้จักเธอเลยนะ คือโดนเขากุเรื่องขึ้นมา ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่เริ่มมีโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่เต้ยไม่พยายามไปสนใจ เราก็ใช้ชีวิตของเรามา จนมาวันนี้ก็มีโดนเมาท์อีกว่าไปทำคางมาหรือเปล่า (หัวเราะ) บอกเลยว่าไม่ได้ทำคาง เต้ยเป็นคนตรง ๆ ถ้าอันไหนทำเต้ยจะบอกว่าทำ อย่างตานี่ทำ จมูกไม่ได้ทำ ซึ่งพอพูดไปแล้ว คนก็หาว่าโกหกอีก เต้ยคงไม่สามารถทำให้เขาคิดหรือเห็นด้วยตามที่เต้ยพูดได้ แต่เราก็ได้พูดความจริงแล้วว่าทำตาแค่อย่างเดียว
เคยคิดไหมว่าทำไมต้องมาจับผิดเราด้วย?
มันคงเป็นเรื่องหนึ่งที่ นักแสดงจะต้องเจอมั้งคะ เพราะเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้ง จริง ๆ แล้ว ผู้หญิงก็อยากพัฒนาตัวเองให้ดู ดีขึ้นกันทั้งนั้น มันก็ต้องบำรุงบ้าง ทำโน่นนี่บ้าง แต่อย่างที่เขาบอกว่าทำคาง ก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำ ทำแค่ตา พูดตรง ๆ เลย ตอนนี้น้ำหนักขึ้นมานิดหน่อยค่ะ ถ้าดูตัวจริงอาจจะดูไม่ค่อยอ้วนขึ้น แต่ถ้าไปดูในหนังเนี่ย โห อะไรกัน (หัวเราะ) แฟนคลับคนจีนยังมาคอมเมนต์บอกว่ายูต้องลดความอ้วนได้แล้วนะ หน้ายูใหญ่แล้ว เต้ยเป็นคนมีแก้ม เวลาออกกล้อง เวลายิ้มก็เลยดูกลม แต่เดี๋ยวพอไปออกกำลังกายก็น่าจะลงได้ค่ะ อีกอย่างคือการแต่งหน้าช่วยได้มากนะ แต่งแบบมีเฉดเยอะ ๆ ไปเลย คือถ้าลบออกจะเห็นหน้ากลมเป็นไข่มีเหนียงชัดเจน
ค่ายที่ทำกับอเล็กซ์เป็นอย่างไรบ้าง?
โอเคมากค่ะ ค่ายอีอีซีเป็นค่ายสิ่งแวดล้อมศึกษา มีเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ปกครองและเด็ก ๆ ค่ายนี้ไม่เหมือนที่อื่นเลย ครูของเราไม่ได้พาไปสวนสัตว์ทั่วไป แต่จะพาเด็ก ๆ ไปเรียนรู้แบบเจาะลึก จริง ๆ ก็เรียกว่าทำปฏิกิริยากับจิตของเด็กค่ะ สมมุติจะพาเขาไปเรียนรู้เรื่องขวดน้ำ ถ้าเป็นการเรียนรู้ธรรมดาก็จะแบบว่าขวดน้ำมีฝานะ ปิดแบบนี้ แต่ถ้าเป็นค่ายอีอีซีของเรา เราจะสอนว่าขวดน้ำนี้สร้างขึ้นมาอย่างไร ต้องใช้วัตถุดิบอะไร หรือถ้าสอนเรื่องช้าง เราไม่ได้สอนแค่ช้างมีงามีงวงนะ แต่เราสอนว่าช้างมีความสำคัญอย่างไรในระบบนิเวศและป่า เด็กก็จะได้ทั้งสติ อารมณ์ สังคม ปัญญา ได้ครบทุกด้านเลย ซึ่งมีเด็กมาร่วมกิจกรรมกับเราเยอะมาก คนโทรฯมาสอบถามตลอด เพราะเต้ยคอยเช็กจากน้อง ๆ ที่ออฟฟิศ ส่วนใหญ่เต้ยทำอยู่เบื้องหลังทั้งเว็บไซต์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก แต่ถ้าว่างเต้ยก็จะไปเข้าค่ายด้วย คนที่จะไปค่ายตลอดจะเป็นอเล็กซ์กับครูอลงกตค่ะ ค่ายนี้ทำมาเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ ตั้งใจว่าจะพัฒนาค่ายให้มีเนื้อหาใหม่ ๆ ให้มันหลากหลายขึ้น เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้จะมีโปรเจคท์พิเศษพาเด็ก ๆ 20 คนไปทำวิจัยเหมือนปริญญาโทเลย วิจัยสัตว์ 5 ชนิด คือ พะยูน ค้างคาวคุณกิตติ เต่ามะเฟือง ฉลามวาฬ และกวางผา เด็ก ๆ จะได้วิจัยจริง ๆ เลยว่าสัตว์แต่ละชนิดอยู่กันยังไง ทำไมใกล้สูญพันธุ์ แล้วเราจะทำยังไงให้เขาไม่สูญพันธุ์
ทำธุรกิจเกี่ยวกับเด็กหรือสิ่งแวดล้อมแบบนี้พอจะมีกำไรเหรอ?
ก็พอจะมีอยู่บ้างค่ะ พอที่จะพาให้ออฟฟิศเราเดินหน้าต่อไปได้ เพราะแต่ละกิจกรรมราคาไม่ได้ถูกมากนะคะ เต้ยเชื่อว่าถ้าได้ลองมามันคุ้มค่ามากกับการให้ลูกคุณได้มาลองเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบนี้ ผู้ปกครองหลายท่านมาแล้วมาอีก มีพี่ท่านหนึ่งเขาจองให้ลูกทั้งปี 10 ค่ายเลย ส่วนใหญ่จะแนะนำกันปากต่อปาก ซึ่งเราก็ทำมันด้วยใจ นับถือครูเลย เพราะการที่เราทำค่าย มันไม่เหมือนการขายแหวนขายเพชรพลอย อันนี้เราต้องลงทุนทั้งแรงกายแรงใจ รวมทั้งจิตวิญญาณความเป็นครูด้วย เพราะเราอยากให้สิ่งที่ดี ๆ แก่เด็ก ๆ ค่ะ
ทำธุรกิจกับอเล็กซ์แบบนี้ก็ต้องคุยกันตลอด ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ?
คุยกันทุกวันเลยค่ะ เป็นเพื่อนกันไปแล้ว ไม่มีมาคุยแบบเราจะเอายังไงกันดี แต่จะคุยกันแบบวันนี้งานเป็นไงบ้างคุณ เต้ยว่าไม่เคยมีช่วงไหนที่เราคุยกันไม่ได้เลยนะ ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันหมดเลย เราก็ไม่มีใครด้วย ไม่มีมือที่สามเหมือนที่ใครคิดกัน พอมันไม่มีเรื่องนี้เข้ามาเป็นปัจจัย มันก็ไม่จำเป็นต้องโกรธกันเลย เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า มันไปได้ยาวและเวิร์กกว่า เรายังรักกันอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ
ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีกว่าตอนที่เป็นแฟนกันไหม?
มันดีคนละแบบค่ะ ตอนเป็นแฟนกันมันก็ดี ส่วนตอนนี้ก็ดี เหมือนเรามีเพื่อนชีวิตอีกคนที่เพิ่มขึ้นมา
แล้วมีเวลามองคนอื่นบ้างหรือเปล่า?
ไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) ทำแต่งาน อยู่กับช้างและเด็ก
ไม่ได้คิดเรื่องความรักเลยเหรอ?
ถ้าบอกไม่คิดเลย มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้มันก็อยู่ได้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้ามีมันก็มี ถ้าไม่มีเราก็ทำงาน อยู่กับที่บ้านไป เพราะเต้ยให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ตอนนี้มีความสุขดีค่ะ
คนที่จะเข้ามาจีบคงไม่กล้าเข้ามาเพราะเห็นว่ายังมีอเล็กซ์อยู่เลยใช่ไหม?
ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ
มุมมองของเต้ยในเรื่องความรักเป็นอย่างไร?
ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ ตอนนั้นก็แบบว่าความรักดีจังเลยนะ แต่ตอนนี้เรามองว่าความรักมันไม่ใช่แค่ต้องเป็นหญิงชายเท่านั้น ความรักมันคือทุกอย่างในชีวิต อย่างทำงานเราก็ต้องใช้ความรักทำ ถ้าเราไม่รักในงานที่ทำ มันก็ไม่มีความสุข ความรักในครอบครัวมันก็เป็นความรักในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีแต่ความเข้าใจกันค่ะ
สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตามผลงานมาโดยตลอด?
ขอบคุณแฟนคลับของเต้ยนะคะที่ไม่ว่างานไหนก็จะตามมาเชียร์ ตั้งแต่สมัยเต้ยยังเป็นเด็กจนถึงตอนนี้ แล้วก็ขอบคุณคนที่คอยดูและให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ ด้วยเหมือนกัน เขาอาจจะดูข่าวดูละครแต่ไม่เคยตามมาเจอกัน ขอบคุณที่มองเห็นพัฒนาการของเต้ยไปเรื่อย ๆ ก็อยากให้ติดตามผลงานการแสดงของเต้ยไปเรื่อย ๆ แบบนี้นะคะ
เชื่อว่าฝีมือการแสดงที่เผ็ดและแซ่บขึ้นเรื่อย ๆ ของสาวเต้ย จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเต้ยมาไกลและพัฒนาขึ้นในทุก ๆ วันจริง ๆ