ละคร "ชิงรักริษยา" ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ทางช่องวัน 31 กระแสกำลังแรงถูกใจแฟน ๆ จนทำเอานางเอกสาว แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สัปดาห์นี้ "ดาวต่างมุม" เลยต้องนัดสาวแป้งมาพูดคุยถึงบทบาทสุดแซ่บที่เธอได้รับ และพลาดไม่ได้ที่จะอัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งใหม่กับนักร้องหนุ่ม แหนม - รณเดช วงศาโรจน์ ที่หลายคนกำลังจับตามอง

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์

 

 

ฟีดแบ็กละคร "ชิงรักริษยา" เป็นอย่างไรบ้าง? 

ฟีดแบ็กก็ดีค่ะ โอเคทีเดียว เวลาไปไหนมาไหนก็มีคนทักตลอด มีแต่คนพูดถึงว่าละครสนุก แล้วก็แซ่บดี จริง ๆ แล้วส่วนตัวเราไม่ได้คาดหวัง ถ้ากระแสออกมาดีก็ถือว่าเป็นโบนัส แค่คนดูชอบ คนดูสนุกก็พอแล้ว และหลังจากนี้ตอนต่อ ๆ ไปก็จะพีคทุกตอนเลย หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นละครตบตี แย่งผู้ชาย แต่จริง ๆ แล้ว ตั้งแต่แป้งอ่านบท บอกได้เลยว่าทุกอย่างเป็นผลของการกระทำ สมมุติเราตัดสินใจจะทำอะไรที่ไม่ดี ด้วยเจตนาไม่ดี ผลลัพธ์มันไม่มีทางจะดีได้ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรขอให้มีสติมาก ๆ เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความแซ่บ หรือความสนุก แต่ถ้าเราคิดตามก็จะได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง

เล่าบทบาทของแป้งในเรื่องนี้ ให้ฟังหน่อย?

เรื่องนี้แป้งรับบทเป็น "อินดี้" ตัวละครตัวนี้ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา เราไม่ได้รู้สึกว่าเราร้ายนะ คือเล่นไปก็สงสารตัวเองเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะตามบทบาทเราค่อนข้างเป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง คิดว่าความคิดตัวเองถูก แต่เอาจริง ๆ เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก แต่ด้วยโชคชะตามันเล่นตลกกับเรา ทำให้เราประสบอุบัติเหตุ ตกเรือ แล้วก็ไปเจอแก๊งค้ามนุษย์ ทำให้ไปเจอเหตุการณ์น่ากลัวมากมาย จนช็อกและจำความไม่ได้ แล้วมีป้าคนหนึ่งมาช่วยไว้ เราก็ไปรักษาตัวจนหาย แล้วก็กลับมาในวันที่พระเอกกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เรื่องวุ่นวายก็เลยเกิดขึ้น ทั้งที่จริง ๆ เราควรจะตกน้ำตายไปแล้วไง (หัวเราะ) ซึ่งแป้งเชื่อว่าเรื่องนี้ถ้าเกิดในชีวิตจริงหลาย ๆ คนก็ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกัน

นอกจากละครเรื่องนี้ มีผลงานอะไรอีกบ้าง?

มีซีรีส์ ชุด Encore100 ล้านวิว ไม่เคย ตอน "ลืมรัก ไม่ลืมเธอ" ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 ค่ะ แล้วก็มีละครที่รับกับทางช่อง 8 ไว้ เรื่อง "เงาอาถรรพ์" ก็ถือเป็นเรื่องแรกที่เล่นกับทางช่อง 8 จริง ๆ แป้งเป็นนักแสดงอิสระมาตั้งนานแล้ว แต่เราก็ให้เกียรติทาง เอ็กแซ็กท์ กับพี่บอย-ถกลเกียรติ ก่อน แล้วแป้งก็คุยกับพี่เมย์ เฟื่องอารมย์ ไว้หลายเรื่องแล้ว เพราะเราสนิทกัน แต่ก็ปฏิเสธมาตลอด ตั้งแต่ก่อนเราหมดสัญญา จนเราเป็นนักแสดงอิสระมาสักพักก็เลยตกลงรับเรื่องนี้

เล่นละครมาก็เยอะ มีบทไหนอีกไหมที่อยากเล่นอีก? 

จริง ๆ แป้งก็รับมาแทบทุกบทแล้ว แต่บทที่อยากเล่นมากเลยอีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นบท เด็กเนิร์ด หูหนวก พูดไม่ได้ เพราะบทแบบนี้สมาธิเราต้องดีมาก คือ บางทีเราเล่นละครบางเรื่อง ถ้าตัวละครไม่เข้าใจกันก็สามารถพูดออกมาได้ แต่ถ้าเราพูดไม่ได้ ก็ต้องสื่อสารด้วยอย่างอื่นแทน ท่าทาง สีหน้า แววตา ให้คนดูรู้เรื่อง ก็น่าจะเป็นอะไรที่ท้าทายดี

 

 

14 ปีในวงการบันเทิงของ แป้ง-อรจิรา เป็นอย่างไรบ้าง?

เหมือนเพิ่งแป๊บเดียวเองนะคะ ตอนนี้แป้งยังรู้สึกเหมือนตัวเองยังอายุ 18 อยู่เลย (หัวเราะ) คือเรารู้สึกโชคดีนะ ที่เราเข้ามาวงการบันเทิงในสมัยนั้น เพราะตอนนี้นักแสดงหน้าใหม่เยอะมาก เด็กหน้าตาสวย ๆ ก็เยอะมาก แป้งคิดว่าถ้าเราเพิ่งโตมาในยุคนี้ คนก็อาจจะจำเราไม่ได้เหมือนกัน

ได้เรียนรู้อะไรจากวงการนี้บ้าง?

14 ปีในวงการบันเทิงของแป้ง ก็มีขึ้นมีลง มีช่วงซ่า ช่วงแสบ ช่วงเรียบร้อย ช่วงโตแล้ว ตอนนี้คือโตแล้ว ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องมุมมองที่มีต่อวงการบันเทิงของแป้งก็ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก แต่ตอนเด็ก ๆ เราก็จะคิดว่าทำไมคนนั้นถึงทำนิสัยแบบนี้ และพอโตแล้วเราก็คิดได้ว่า คนเราถูกเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีดีอย่างหนึ่ง ไม่ดีอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่ได้ตัดสินใครก่อน เช่น เจอเด็กใหม่ ๆ บางคนที่ไม่ไหว้เรา ก็ไม่ใช่ว่าเขาทำตัวแข็งกระด้างนะ แต่บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาไม่ได้สนิทกับเราก็ได้ หรือบางทีเขาอาจจะโตมาแบบนั้น ซึ่งพอเราโตขึ้นก็ทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ส่วนเรื่องข่าวคราวต่าง ๆ เดี๋ยวนี้แป้งไม่อ่านแล้วค่ะ ใครจะเขียนอะไรก็เขียนไป สมัยเด็ก ๆ อาจจะมีนอยด์บ้าง แต่พอโตขึ้นมาก็เรียนรู้ว่าคนไทยเดี๋ยวก็ลืม แล้วเรารู้ว่าธรรมชาติของคน ก็คือชอบสนใจเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องของดารานักแสดงเลย แค่คนธรรมดาเจอกัน ก็ยังอยากรู้ว่า เพื่อนเธอเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่ากิ๊กกับคนนั้น ไปแย่งแฟนคนนี้มา จริงหรือเปล่า คือเราก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ก็เลยต้องคิดบวกว่า อย่างน้อยคนก็สนใจเรื่องของเรา ก็คิดให้มันเป็นเรื่องดี ๆ ไป

การเป็นคนสาธารณะ วางตัวยากไหม?

ก็ไม่ยากนะคะ คือถ้าแป้งต้องไปที่ไหน แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถเป็นตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็จะไม่ไป เพราะอึดอัด แต่ถ้านาน ๆ ทีต้องไปก็ไป แต่ถ้าให้เลือกได้ เราอยู่ในที่ของเรา ที่เราสบายใจดีกว่า คือแป้งเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า ไม่ชอบแต่งตัว ซึ่งถ้าเราไปในที่คนเยอะ ๆ เราก็ไม่อยากให้คนเมาท์กันว่าตัวจริงทำไมโทรมจัง คือถ้าเราต้องไปไหนมาไหน แล้วต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวเยอะ ๆ ก็ไม่ไปดีกว่า อย่างบางครั้งเวลาแป้งไปกินร้านอาหารดี ๆ แป้งก็ไม่แต่งหน้า จะแต่งตัวให้พนักงาน ให้เราเข้าร้านได้ก็เท่านั้นเอง (หัวเราะ)

 

 

คนจะมองว่าแป้งแรง ตัวตนจริง ๆ เราเป็นคนยังไง?

เอาจริง ๆ คนภายนอกอาจจะมองว่าแป้งแรง แต่แป้งก็แรงจริง ๆ แหละ (หัวเราะ) ที่เขามองแบบนั้น อาจจะเพราะอดีตและข่าวที่ผ่าน ๆ มา คือเมื่อก่อนเราเป็นคนชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็จะหงุดหงิด แล้วแป้งเป็นคนขี้บ่น อย่างอยู่กอง ก็จะบ่นว่าร้อนจังเลย คือ จริง ๆ เราก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จัก ก็อาจจะมองว่าทำไมเรื่องเยอะจังเลย แล้วเมื่อก่อนแป้งจะเป็นเด็กดื้อ จะงอแง ขออ่านตรงนี้ก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าฉากนะ แต่พอโตขึ้นอะไร ๆ มันก็เปลี่ยน อย่างเมื่อก่อนเราอาจจะแรงด้วยคำพูด เวลามีข่าวแล้วไม่อยากตอบ ก็จะบอกเลยว่าไม่ตอบค่ะ

คติการใช้ชีวิตของแป้ง?

พยายามทำทุกวินาทีให้จิตใจเบิกบานแจ่มใสที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่จิตใจเรามัวหมอง ก็ต้องมานั่งพิจารณาตัวเองแล้ว ว่าทำไมฉันถึงมีจิตใจแบบนี้ ทำไมวันนี้ถึงดูอึมครึมจังเลย แล้วเมื่อไหร่ที่เราคิดแบบนั้น ก็พยายามแก้จิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการฟังธรรม นั่งสมาธิ ฟังเพลง หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เราไม่ชอบเวลาที่ตัวเองไม่สดใส ก็เลยจะไปฟังธรรม นั่งสมาธิอยู่บ่อย ๆ

อะไรทำให้รู้สึกว่าต้องไปฟังธรรม นั่งสมาธิ? 

ตอนเด็ก ๆ พูดตามตรงเลยว่าเรานั่งสมาธิเพราะอยากได้บุญ แต่พอได้ฝึกนั่งไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าจิตใจเราละเอียดขึ้น อารมณ์ที่เราเคยโมโห หงุดหงิด มันหายไป ซึ่งเวลาที่เราไม่เหวี่ยง ไม่วีน เราก็มีความสุข ยิ่งนานไป เราก็รู้สึกว่าเรายิ่งได้ปัญญา เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ตกผลึกในการใช้ชีวิตตามธรรมชาติมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกเบาขึ้นที่ได้มองโลกตามความเป็นจริง อย่างเวลาเที่ยวเราก็เที่ยว เราเป็นคนใช้ชีวิตสุด สนุกก็สนุกสุด ๆ เช่นกัน คือเราไม่มีตรงกลาง ถ้าตั้งใจแล้วว่าจะเที่ยวก็ต้องไปเที่ยว พอเรากลับมาจนเรารู้สึกว่าเหนื่อย มัวหมองจังเลย ก็จะเป็นระบบอัตโนมัติว่าไปเข้าวัดดีกว่า คือเราจะรู้ตัวเองว่า ช่วงไหนเราดาร์ก มาก ๆ เราก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้วนะ ต้องทำอะไรที่ให้ตัวเองรู้สึกดีบ้าง ให้มันบาลานซ์ อย่างเรื่องอาหารการกินตอนนี้ที่แป้งทานคลีน ไม่ใช่ว่าปกติเราทานแบบนี้ แต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เราทานอาหารแย่มากจริง ๆ (หัวเราะ) หน้าก็พัง ร่างกายก็พัง ก็คิดว่าไม่ได้แล้ว ถึงเวลาต้องสวิตซ์ตัวแล้ว แต่คอยดูว่าพอผอมแล้วก็จะกลับมาอ้วนไหม (ยิ้ม) คือแป้งว่าเป็นคนอยู่ตรงกลาง คือไม่ได้อิงกับทางใดทางหนึ่ง คือสุดทั้งสองทาง แล้วค่อยเอามารวมตรงกลางทีหลัง

ทุกวันนี้แป้งลำดับความสำคัญในชีวิตยังไง? 

แป้งว่าทุกอย่างต้องไปด้วยกันหมด ทั้งตัวเราเอง ครอบครัว การงาน ความรัก เพราะทุกอย่างมีผลกับเราหมด แต่ที่สำคัญคือเรา ตัวเองต้องมีความสุขก่อน ถ้าเราทุกข์ คนรอบข้างเราก็จะรู้สึกได้ เขาก็ทุกข์ไปด้วย แต่ถ้าเรามีความสุข คนรอบข้างก็มีความสุขด้วย

 

 

ถามถึงเรื่องหัวใจกับแหนม - รณเดช บ้าง?

หัวใจก็ดีค่ะ ค่อย ๆ ดู ศึกษากันไปเรื่อย ๆ (ยิ้ม)

อย่างช่วงนี้คนจับตามองเยอะเรากดดันไหม?

ก็ไม่กดดันนะคะ เฉย ๆ ใช้ชีวิตให้มันเป็นธรรมชาติไป ทำทุกวันให้มีความสุข

หลายคนสงสัยว่ารู้จักกันได้ยังไง?

จริง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ ว่าเรามีเพื่อนอยู่ในวงที่ไม่ได้ไกลกันมาก เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ซึ่งเราก็เจอกันมาตั้งนานแล้วแหละ แต่เพิ่งมีโอกาสได้เจอกันในเวลาที่มันพอดี พอเหมาะด้วย

อย่างล่าสุดแหนมออกมาพูดว่าเป็นแฟนกันแล้ว?

จริง ๆ ไม่ได้มานั่งคุยกันว่าใครเป็นอะไรยังไง ก็คิดว่าเราสองคนรู้ดีอยู่แล้วว่าอยู่ในสถานะอะไร อีกอย่างแป้งเป็นผู้หญิงด้วย อายุก็ขนาดนี้ ประสบการณ์ความรักก็ผ่านมาพอสมควร เราก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราเป็นผู้หญิงก็ควรพูดน้อย ๆ ดีกว่า (ยิ้ม)

ตัวแป้งคาดหวังกับความรักครั้งนี้ไหม?

ไม่คาดหวังเลยค่ะ ถ้ามันดีก็ดี ถ้าไม่ดีเราก็ต้องเข้าใจ คือโลกมันก็มีอยู่สองอย่าง คือดีกับไม่ดี คือถ้าเราคาดหวัง ก็คือเราตั้งใจว่าทุกอย่างจะต้องออกมาดี ซึ่งถ้าเราตั้งใจมาก ๆ ก็เหนื่อย เลยปล่อยให้ทุกอย่างเป็นตามธรรมชาติดีกว่า

 

…เราเห็นด้วยกับที่สาวแป้งบอกว่า เมื่อไหร่ที่เราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ผิดหวัง แต่ยังไงก็ขอให้รักครั้งนี้ไปได้สวยนะจ๊ะ !