สวัสดีเพื่อนๆ มิตรรักแฟนคลับหนังดีดอทคอมทุกท่าน วันนี้เว็บมาสเตอร์มีข้อมูลเบื้องหลังของภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ มาบอกให้เพื่อนๆ ได้รับทราบกัน กับภาพยนตร์เรื่อง Edge of Tomorrow  นำแสดงโดย ทอม ครูซ และ เอมิลี่ บลันท์ จากผลงานการกำกับของ ดั๊ก ไลแมน เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ   

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง  Edge of Tomorrow  ครูซและบลันท์เริ่มฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ก่อนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ ไลแมนเล่าว่า “ทอมและเอมิลี่เริ่มออกกำลังกายกันหลายเดือนก่อนจะถ่ายทำ พวกเขาดูทุ่มเทมาก วันแรกที่ทำการถ่ายทำพวกเขามีความพร้อมสำหรับฉากแอ็คชั่นตามที่ภาพยนตร์ต้องการ และนั่นคือฝันที่กลายเป็นจริงของผู้กำกับฯ ทุกคน”  อย่างไรก็ตามบลันท์เล่าว่า “เราฝึกซ้อมทุกอย่างได้ตามต้องการ วิ่งเป็นล้านไมล์ก็ได้ ฉันไม่คิดว่ามีอะไรเตรียมความพร้อมเราได้ เราต้องทำให้ร่างกายเคยชินซึ่งมันเป็นเรื่องยาก สไตล์การต่อสู้ของริต้าจะอิงความสวยงามมาก ต้องสไลด์ตัวอยู่ใต้หนวดเอเลี่ยน กระโดด พลิกตัว เคลื่อนไหวเหมือนอยู่กลางอากาศ เราอยากให้มันดูสมจริงแต่ต้องมีความสวยงามด้วย พยายามแสดงท่าทางและทักษะการต่อสู้อย่างเต็มที่ ซึ่งการต่อสู้ของเธอมีความท้าทายมาก”

 

“มันต้องใช้ความพยายามมาก” ครูซยอมรับ “และยิ่งไปกว่านั้นคือผมต้องถ่ายทำทั้ง 7 วันในสัปดาห์และต้องเดินทางไปมาระหว่างกองถ่ายหลักกับกองถ่ายย่อย”         ผู้ควบคุมสตั๊นท์ เวด อีสต์วูด ได้ออกแบบท่าทางที่มีความซับซ้อนในฉากต่อสู้ของภาพยนตร์ทั้งเรื่องสำหรับครูซ บลันท์ และนักแสดงคนอื่นๆ รวมถึงต้องฝึกซ้อมพวกเขาในการแสดงผาดโผนด้วย การฝึกซ้อมไม่ได้มีความสำคัญแค่ฉากแอ็คชั่นที่มีความพิเศษเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อการแต่งตัวของนักแสดงในการรบด้วย

สำหรับการคิดค้นและผลิตเสื้อเกราะและอาวุธที่ทหารต้องสวมใส่ในการรบ ไลแมนกำชับผู้ออกแบบฉากฯ โอลิเวอร์ สคอล และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เคท ฮอว์ลีย์ เป็นพิเศษว่าการสร้างเทคโนโลยีอาวุธใดๆ ต้องมีความเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้ ต้องคล้ายกับชุดเกราะที่ทั่วโลกมีการคิดค้นขึ้นมาในทุกวันนี้  ไลแมนอธิบายเพิ่มว่า “เรามองหาสิ่งที่มีความล้ำสมัย แต่ต้องเป็นสไตล์ที่ทางทหารจะมีการใช้งาน กองทัพจะไม่จำหน่ายสินค้าให้ใคร ฉะนั้นการออกแบบต้องเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยและลักษณะ  นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจากหน้าตาของชุดเกราะ ต้องดูไม่ยุ่งยากและเรียบง่าย ไม่ใช่ของที่ดูล้ำสมัย”  ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือชุด ExoSuit ที่สะดุดตาและใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน
 

 

ไลแมนยังต้องการให้ชุดแสดงถึงรูปร่างของมนุษย์ด้วย ฉะนั้นต้องเห็นว่าตัวละครสวมชุดนั้นอยู่ ไม่ใช่ถูกชุดคลุมไว้ทั้งตัว และเนื่องจากนักแสดงต้องมีการวิ่ง กระโดดและคลานในฉาก ฉะนั้นชุดต้องออกแบบให้เคลื่อนไหวได้เหมือนหุ่นกระบอกที่มีความซับซ้อน และถูกควบคุมโดยนักแสดงที่สวมใส่ชุด ชุดต้องดูมีความสมจริงเพราะมันนำไปใช้งานจริง_

สคอลและทีมงานของเขาพัฒนาคอนเซ็ปต์ของชุด ExoSuit ออกมาหลายแบบ ต้องมีการทำงานประสานกันกับหัวหน้าผู้ผลิตชุด ExoSuit ปิแอร์ โบฮานนา เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องรูปแบบและการใช้งาน ภาพจำลอง 2D และ  3D เบื้องต้นทำให้เราเห็นโครงอลูมิเนียม มีจุดเชื่อมต่อหลายส่วนที่ทำให้เรารู้ว่าชุดนี้จะมีหน้าตายังไง ต่อมาฮอว์ลีย์ต้องประสานงานกับทีมงานด้านรายละเอียดความสวยงามและสัดส่วนของชุด โทนสีและพื้นผิวของชุด ต้องประสานงานกันอย่างพิถีพิถันระหว่างแผนกเครื่องแต่งกาย แผนกศิลป์และแผนกฉาก เพื่อให้ชุด ExoSuits กับอาวุธยุทโธปกรณ์มีความสอดคล้องกัน

ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนข้อกระดูกของมนุษย์ เพื่อให้พวกเขาเคลื่อนไหวและโค้งตัวตามสรีระร่างกายได้ มีการใช้โฟมแกะสลักด้านบนขององค์ประกอบชุด จากนั้นจึงนำไปให้ครูซ  ครูซเล่าว่า “ผมมาที่นี่หลายเดือนก่อนจะเริ่มแสดง และต้องทำ R&D ในชุด ExoSuit หลายครั้ง โครงชุดมีน้ำหนัก 60-100 ปอนด์และขึ้นอยู่กับอาวุธด้วย ซึ่งอาจมีน้ำหนักเพิ่มไปถึง 120-125 มันเป็นบททดสอบจิตใจของจริงกับสิ่งที่เราไม่มีทางเอาชนะได้ แต่มันเหมาะกับตัวละครมาก”

 

 

ช่วงที่สร้างชุด ExoSuit และชุดทหารเกณฑ์ของเคจ ฮอว์ลีย์และครูซได้ร่วมงานกันตั้งแต่ช่วงแรก ฮอว์ลีย์เล่าว่า “มีการปรับเปลี่ยนชุดให้เหมาะกับการแสดงของทอมตอลดเวลา ทอมพูดขึ้นมาอย่างนึงว่าเขาอยากให้ชุดเกราะของเขาสื่อถึงร่องรอยจากสงครามหรือภาพสงคราม ซึ่งมีทั้งความสิ้นหวัง ความกล้าหาญ การผจญภัย และในขณะเดียวกันต้องความเป็นมนุษย์อยู่ในชุด”   สคอล ฮอว์ลีย์ ครูซ และทีมผลิตชุด ExoSuit มีความยากลำบากในการผลิตชุดให้สมบูรณ์ ตั้งแต่หมวกนิรภัย รองเท้า ทุกสิ่งที่ต้องประกอบเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อครูซ บลันท์ และนักแสดงอีกหลายคนต้องแสดงฉากผาดโผนเอง

ExoSuits 70 ตัวถูกผลิตขึ้นมาด้วยมือระหว่างการถ่ายทำ มีการผลิตชุดสวมใส่แบบบาง 50 ชุดขึ้นมาด้วย ชุด ExoSuit ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นในฉากโดยองค์ประกอบที่หล่อด้วยมือ 200 ชิ้น ส่วนสำคัญในการผลิตชุด ExoSuit โรงงานหล่อคือการผลิตส่วนประกอบขึ้นมา 650 ชิ้นต่อวัน ซึ่งมีทั้ง 170 ส่วน ได้แก่ น็อต สลักและตะปูเพื่อใช้ประกอบชุด ทุกชิ้นส่วนจะออกมาจากห้องหล่อและนำไปยังห้องผลิตที่พวกเขาจะทำการขัด ทาสี และทำความสะอาด โดยจะมีชุด 3 แบบคือ grunts, tanks และ dogs ซึ่งแต่ละชุดจะมีการผสมผสานอาวุธลงในการออกแบบ ตั้งแต่ปืนยิงจรวดของชุด dogs ซึ่งเหมือนมีปีกออกมาจากชุดเพื่อเชื่อมกับเครื่องยิงระเบิด และปืนกลขนาดใหญ่ของรถถังไปจนถึงปนพกขนาดเล็กของ grunts

 “แค่การสร้างชุด ExoSuits เพียงอย่างเดียวก็ใช้เวลา 4-5 เดือนแล้ว” ไลแมนกล่าว “ฉะนั้นเมื่อเราได้ไอเดียแล้ว เราจะคิดไอเดียขึ้นมาใหม่อีกไม่ได้ ต้องพยายามผลิตมันขึ้นมาให้เร็วที่สุดเท่านั้น    “ทอมได้รับ ExoSuit ตัวแรกจากสายพานของการผลิต” เขากล่าวต่อ “เขาได้รับการฝึกซ้อมเรื่องน้ำหนักเพื่อให้คุ้นเคยกับการแบกน้ำหนักชุดแล้ว มันเป็นรายละเอียดการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ แม้แต่เวลาที่เราสวมชุดเดินเราก็ต้องอาศัยการแสดง ในหนังจะเหมือนชุดเป็นตัวบังคับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วมนุษย์เคลื่อนไหวชุด”

 

 

“ชุด ExoSuit ที่สร้างขึ้นมาสำหรับริต้าต้องมีความแตกต่างจากทหารนายอื่น ริต้าเป็นผู้ปลดปล่อย เธอใช้ความกล้าหาญเหนือความเชื่อ แต่ขณะเดียวกันก็มีความงดงามด้วย” ฮอว์ลีย์กล่าว “เราอยากเลี่ยงลุคที่ดูเป็นผู้หญิงเวลาที่สร้างภาพลักษณ์ของเธอขึ้นมา หรือไม่สร้างชุดที่ดูเหมือนแมวจนรู้สึกว่าดูชวนฝันจนเกินไป เธอต้องมีความมาดแมนอยู่ในตัวและสื่อออกมาได้ว่าเธอแตกต่างจากคนอื่น  ซึ่งมีความพิเศษและสะท้อนให้เห็นในเครื่องแต่งกาย เช่น ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่ได้จากเฮลิคอปเตอร์ที่ตกลงมา ซึ่งถูกเลือกให้เป็นอาวุธของเธอ เธอมีความเป็น Joan of Arc อยู่ในตัว เราจึงมีการพ่นรอยฟันสีแดงไว้บนชุดของเธอตรงช่วงหน้าอกตามนิยายที่บอกว่าเธอเคยไปเยือนนรกและกลับขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของที่นั่น”

บลันท์เล่าว่า “ริต้าไม่สวมหมวกนิรภัยในหนังด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไร ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงแกร่ง เธอดูมีอำนาจมากเวลาที่ติดอาวุธและเดินแถวไปพร้อมกับผู้ชายร่างใหญ่อีก 20 คนที่อยู่ข้างหลัง”  การสวมชุด ExoSuits ให้นักแสดงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย นักแสดงแต่ละคนจะมีทีมผู้ดูแลชุด ExoSuit ส่วนตัวถึง 4 คนคอยช่วยสวมชุด ครูซทำให้มันกลายเป็นภารกิจย่นเวลาในการสวมชุดของเขา “ตอนที่เราลองถอดชุดออก ผมต้องใช้เวลา 30 นาทีในการสวมชุด” เขากล่าว “ถ้าเราต้องถอดชุดออกด้วยเหตุผลใดก็ตาม นั่นหมายถึงว่าเราจะไม่ได้ถ่ายทำ 30 นาที ผมเลยบอกทีมงานตั้งแต่ช่วงเริ่มถ่ายทำว่าเราต้องทำเวลา ผมจะหยุดนาฬิกาและเริ่มจับเวลาเลย มันเหมือนกลายเป็นการแข่งขัน และพวกเขาก็ทำได้ พวกเขาย่นเวลาเหลือ 30 วินาทีแค่นั้น”

 

 

ตอนที่ฮิโรชิ ซากูระซากะ ผู้แต่งเรื่อง All You Need is Kill มาเยี่ยมฉากระหว่างการถ่ายทำ ครูซได้แนะนำให้เขาลองสวมชุด ExoSuits ด้วย “ผมตัวไม่ใหญ่และไม่แข็งแรงพอที่จะแบกชุดนั่นไว้บนหลังผมได้” ซากูระซากะกล่าว “ผมแทบจะเดินในชุดนั้นไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย ดั๊ก ไลแมนให้ผมอยู่ในฉากเหมือนนักแสดงสมทบคนหนึ่งที่สวมชุด ExoSuit หลังจากที่ยืนยู่ในฉาก 10 เทคผมถึงกับหมดแรงเลย!”   ฮอว์ลีย์เล่าว่า “การสร้างชุด ExoSuit ที่ใช้งานได้เต็มที่ถือเป็นการทำงานที่ซับซ้อนมาก แต่ท้ายที่สุดเราก็ภูมิใจในผลงานที่เราสร้าง ความยุ่งยากต่างๆ หายไปหมดเลย ‘หน้าตาเป็นรองลักษณะการใช้สอย’ คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้ในท้ายที่สุด”

ในการทำงานของทุกวันฮอว์ลีย์ต้องรวมประเพณีของทหารอังกฤษ บุคลิกของตัวละครแต่ละคนมาดัดแปลงให้เข้ากับเครื่องแบบของพวกเขา เช่น รองเท้าบูท Doc Marten ของริต้า กระโปรงของกริฟและหมีเท็ดดี้ของคิมเมล เธอยังมีการออกแบบโลโก้บนแขนจากการต่อสู้ในอดีตทำให้พวกเขาดูโหดเหี้ยม ทารุณ และดูเสื่อมโทรมให้แตกต่างจากชุดทหารที่ไม่มีการสร้างขึ้นมา และเนื่องจากทั้งโลกกำลังต่อสู้กับ  Mimics ชุดและเครื่องแบบต่างๆ ต้องมีความเป็นสากล ฮอว์ลีย์อ้างอิงแหล่งที่มาจากทั่วโลก ทำการออกแบบให้มีความสอดคล้องกันและจากนั้นนำมารวมเข้ากับตรา United Defense Force ที่ปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ในเรื่อง

จากการที่โลกของภาพยนตร์เรื่อง “Edge of Tomorrow” จะมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาตลอด ฮอว์ลีย์และทีมงานของเธอต้องพบกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง “มีหลายครั้งในฉากที่เราถามกันว่า ‘เราอยู่ในช่วงเวลาไหนนะ?’” เธอหัวเราะ “ฉะนั้นพวกเขาจึงใช้แนวทางศิลปะในการพัฒนาตัวละคร เช่น ตัวละครของทอม”

 

Edge of Tomorrow – ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
เปิดรอบพิเศษ 3-4 มิ.ย. ห้าโมงเย็นเป็นต้นไป 
ฉายจริง 5 มิถุนายนนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
https://www.facebook.com/EdgeofTomorrowMovieThailand
www.edgeoftomorrow-thai.com