เควิน (เจมส์ แม็คอะวอย จากภาพยนตร์ชุด X-Men, Wanted) จะมีถึง 23 บุคลิก โดยแต่ละบุคลิกต่างมีคุณลักษณะทางร่างกายที่มีความโดดเด่น เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน (มือเขียนบท/ ผู้กำกับ/ ผู้อำนวยการสร้าง) รู้สึกว่ามีนักแสดงน้อยนิดมากที่จะเล่นบทบาทชายที่มี 23 บุคลิกใน Split ได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับไนท์ที่บุคลิกแบบต่างๆ ของเควินจะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นภาพล้อเลียน แต่จะต้องเป็นบุคลิกที่คนดูจะต้องตอบรับด้วยความเห็นใจ สุดท้ายแล้ว ชยามาลานเลือก เจมส์ แม็คอะวอย นักแสดงชายมากความสามารถที่สามารถแสดงได้ทั้งบทบาทระดับบล็อกบัสเตอร์ จนถึงบทเล็กๆ เพื่อให้เขามาแสดงหลายบทบาทของตัวละครนำของเรื่องตัวนี้
ชยามาลานมองว่าแม็คอะวอยตอบรับต่อความท้าทายนี้ “นี่คือตัวละครที่ถือว่ามีความซับซ้อนที่สุดเท่าที่ผมเคยเขียนมา ผมกำลังคิดว่า ‘เขาจะเข้าใจไหมนะว่าผมกำลังขอให้เขาทำอะไรในภาพยนตร์เรื่องนี้’ แล้วเขาก็เข้าใจได้จริงๆ ครับ ผมไม่เคยทำงานกับนักแสดงคนไหนที่ไร้ซึ่งความกลัวอย่างเขามาก่อน”
ชยามาลานตั้งใจส่งบทภาพยนตร์ที่มีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยให้กับแม็คอะวอย โดยหวังที่จะดึงไอเดียที่แม็คอะวอยมีต่อเควินในแบบที่เขาเองก็ไม่เคยจินตนาการเอาไว้ ชยามาลานเล่าว่า “เจมส์ถามว่า ‘ตัวละครที่ผมเล่นอยู่ชื่ออะไร ผมจะได้รู้ไว้ จะได้ไม่สับสน’ และผมก็บอกไปว่า ‘ผมบอกคุณไม่ได้หรอก แค่อ่านบทไปเถอะ’”
แม็คอะวอยรู้สึกทึ่งในจุดหักมุมและจุดพลิกผันมากมายของเรื่องนี้ “ผมอ่าน 10 หน้าแรกและคิดว่า ‘ว้าว นี่มันอะไรกัน’ จากนั้น ผมก็อ่าน 10 หน้าต่อมา และคิดว่า ‘นั่นมันอะไรกัน’” แม็คอะวอยเล่า “มันให้ความรู้สึกราวกับว่าผมกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงอย่างต่อเนื่อง นั่นคือความสนุกของงานที่ไนท์ทำครับ เขาทำให้คนดูต้องพยายามคิดอยู่ตลอดว่าหนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เรากำลังดูหนังทริลเลอร์ หนังดราม่าแนวจิตวิทยา หนังสยองขวัญ หนังไซไฟ หรือเรื่องเหนือธรรมชาติกันแน่ และหนังเรื่องนี้ก็เป็นทุกแนวทั้งหมดนั้นเลยครับ”
ความทุ่มเทของชยามาลานต่อการสร้างและการหาเงินทุนให้กับภาพยนตร์ของเขาคือแรงบันดาลใจสำหรับแม็คอะวอย “เขาเป็นคนที่มีความกล้าหาญในการลบแนวทางที่บอกไว้ว่า เพื่อจะเล่าเรื่องที่ดีได้นั้น คุณต้องใช้เงิน $200 ล้าน” แม็คอะวอยกล่าว “แต่เขากลับทิ้งข้ออ้างอิงทั้งหมดไป เพื่อที่ว่าเขาจะได้เล่าเรื่องที่มีคุณภาพจริงๆ ได้ ถือเป็นเกียรติมากครับที่ได้ทำงานกับผู้กำกับที่มีทัศนคติและวิธีการเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาในการเล่าเรื่อง”
ชยามาลานและแม็คอะวอยทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าการแสดงของแม็คอะวอยจะยังเป็นหนึ่งแม้เมื่อเขากลายร่างไปเป็นแต่ละบทบาทด้วยความสมจริง
“ไนท์เรียกร้องและโต้แย้งในสิ่งที่เขาอยากให้คุณทำ” แม็คอะวอยบอก “เขามีไอเดียเฉพาะเลยถึงสิ่งที่เขาต้องการในความคิดของเขา แต่เขาก็ให้ความร่วมมือและเป็นผู้ให้อย่างที่สุดเลยครับ”
การเปลี่ยนแปลงสีและตัวละคร บางครั้งภายในชอตเดิม คือสิ่งที่เรียกร้องความสามารถอย่างมาก “คุณหวังว่าคนดูจะเชื่อคุณในฐานะตัวละครตัวหนึ่ง” แม็คอะวอยอธิบาย “จากนั้น คุณก็ต้องการให้พวกเขาเชื่อคุณในบุคลิกต่อมา และทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นน่าสนใจโดยไม่ทำให้คนดูรู้สึกห่างเหิน”
อย่างไรก็ดี บทบาทนี้ยังถือเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ สำหรับนักแสดงที่มีประสบการณ์ทั้งงานแสดงละครเวทีและภาพยนตร์อย่างแม็คอะวอย “บอกตรงๆ นะครับ ผมสนุกกับการเล่นเป็นตัวละครแต่ละตัวมาก เพราะในฐานะนักแสดง หาได้ยากมากที่คุณจะได้รับโอกาสได้แสดงแบบนี้” แม็คอะวอยกล่าว “มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณเป็น และสิ่งที่สร้างคุณในนาทีหนึ่งๆ นั้น”
ทั้งสองคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละบุคลิกนั้นมีความคิดและบุคลิกลักษณะที่โดดเด่น “เจมส์เป็นคนสก็อต แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะแสดงด้วยสำเนียงอเมริกันหรือไม่ก็อังกฤษ” ชยามาลานบอก “ผมลองค้นเอนไซโคลปิเดียสำเนียงการพูดของเขา และก็เสนอไอเดียไปว่า ‘เอาเป็นให้เฮ็ดวิกพูดไม่ชัดเหมือนเด็กๆ ดูไหม’ แล้วเจมส์ก็เก่งมากในการปรับสำเนียงพูดของเขาครับ”
เมื่อต้องแสดงเป็นเฮ็ดวิกน้อย แม็คอะวอยใช้วิธีเดินไปเส้นตรงกลางระหว่างการแสดงเป็นเด็กกับการแสดงเป็นผู้ใหญ่ที่ดูง่ายๆ “นั่นคือวิธีที่คนส่วนใหญ่แสดงเป็นเด็ก” ชยามาลานบอก “เฮ็ดวิกเป็นคนฉลาดมาก เขาแค่บังเอิญเป็นเด็กสิบขวบเท่านั้น ผมจะบอกเจมส์ว่า ‘คุณไม่ได้กำลังเล่นเป็นผู้ใหญ่ซื่อบื้อ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ จงใช้สายตาของคุณ คุณฉลาดมากนะ แต่คุณอายุ 10 ขวบ ดังนั้นคุณไม่รู้หรอกว่าท่าทางนั้นหมายถึงอะไร’”
แม็คอะวอยและชยามาลานยังคงขุดลึกลงไปถึงสิ่งที่แต่ละตัวตนชอบและแรงกระตุ้นของพวกเขา “เจมส์จะถามว่าทำไมตัวละครตัวหนึ่งถึงตอบโต้ออกมาแบบนั้น เพราะผมใกล้ชิดกับเรื่องนี้มาก ผมจึงสามารถที่จะให้เหตุผลกับเขาได้” ชยามาลานบอก “มันสำคัญมากที่จะพูดคุยถึงตัวละครแต่ละตัวจนบุคลิกนั้นๆ มันโดดขึ้นมาสำหรับเราสองคน”
ขณะที่ชยามาลานยึดมั่นต่อบทภาพยนตร์ของเขา แต่เขาก็สนับสนุนให้นักแสดงใส่สีสันเฉพาะตัวของแต่ละคนลงไปในระหว่างบทพูดด้วย “หนึ่งในหลายวิธีที่จะให้ได้ความสมจริงก็คือการด้นมุขสดครับ” ชยามาลานบอก “แต่ผมจะทำกับบทภาพยนตร์เหมือนมันเป็นบทละครเวที นั่นคือวิธีที่ผมพูดถึงมัน และผมจะไม่ปรับเปลี่ยนบทพูด”
สำหรับชยามาลาน มีหลายล้านวิธีที่จะแสดงฉากหนึ่งได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนคำพูดเลยสักคำ “ผมต้องการให้นักแสดงรู้ว่าพวกเขายืดหยุ่นได้มากกว่าที่พวกเขาคิดว่าตัวเองทำได้” ชยามาลานบอก
แม็คอะวอยสามารถปล่อยการแสดงระหว่างบทพูดได้ด้วยความเชี่ยวชาญอย่างมหัศจรรย์ “เขาพูดคำพูดในบทภาพยนตร์ออกมาเป๊ะๆ แต่ก็เพิ่มการด้นสดเข้าไปด้วยสีหน้าและท่าทางของเขา” ชยามาลานบอก “เจมส์จะนำเอาแง่มุมใหม่ๆ ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นมา เราได้จังหวะที่วิเศษมากในจุดที่เขาแทบไม่ได้สัมผัสมัน แต่กลับทำให้มันโดดเด่นขึ้นมา”
ความคล่องแคล่วของแม็คอะวอยถือเป็นประโยชน์มหาศาล “เขาทำอะไรได้มากมายอย่างยอดเยี่ยม อย่างเช่นการกระโดดข้ามรั้วและการปีนป่าย” ชยามาลานบอก “เรามีสตั๊นแมนเตรียมตัวรออยู่ด้วยในกรณีที่อาจต้องใช้ แต่เจมส์เป็นคนคล่องแคล่วมาก และร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ”
นอกจากการแสดงฉากสตั๊นต์แล้ว แม็คอะวอยยังเหมือนกับตัวหดลงไปสามนิ้วเมื่อเขาต้องแสดงเป็นเฮ็ดวิก และตัวแข็งทื่อเมื่อต้องแสดงเป็นเดนนิสผู้แข็งแกร่ง “ไม่ว่าเขาจะเล่นเป็นเด็กหรือเล่นเป็นผู้หญิงที่มีความรุนแรง เขาสามารถแสดงเป็นตัวละครแต่ละตัวด้วยท่วงท่าที่ดูสบายอย่างมาก” ชยามาลานกล่าวชม “เขาแสดงฉากหนึ่งเสร็จ ทีมงานจะต้องตบมือ เพราะเรารู้ดีว่าเรากำลังได้เห็นงานที่พิเศษมากๆ เลยครับ”
“เมื่อคุณคิดถึงสิ่งที่เจมส์ต้องทำในภาพยนตร์เรื่องนี้” บลูมกล่าวชื่นชม “ไม่เพียงแต่เขาดูเหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย ขณะที่เขาเปลี่ยนไปมาระหว่างแต่ละบุคลิกในการถ่ายทำแต่ละวัน แต่เขายังสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวละครไปมาในระหว่างฉากได้ด้วย คุณได้เห็นนักแสดงที่กำลังเล่นระดับท็อปฟอร์ม และเราทุกคนต่างอึ่งไปหมดกับสิ่งที่เขาทำในฐานะนักแสดงที่มีวินัยสูงมาก ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และผมหวังว่าการแสดงของเขาคงจะได้รับคำชมอย่างที่ควรได้รับภายใต้การกำกับที่คล่องแคล่วของไนท์”