26 มกราคม 2017 คือ การกลับมาอลังการฟัดข้ามโลกรับตรุษจีนอีกครั้งของดาราแอ็คชั่นระดับโลกตัวจริงอย่าง "เฉินหลง" ในภาพยนตร์เรื่อง "Kung Fu Yoga โยคะสู้ฟัด"
ทำไมต้องโยคะ?ทำไมต้องอินเดีย?อะไรเป็นสาเหตุให้คุณมาผจญภัยที่นี้ในครั้งนี้?
ก่อนอื่นเลยหนังเรื่องนี้เป็นการร่วมทุนของรัฐบาลจีนและรัฐบาลอินเดีย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีเอกลักษณ์เป็นที่จดจำของทั่วโลก อินเดียมีประเทศที่กว้างใหญ่ มีหลากหลายวัฒนธรรมผสมกันอยู่ผู้คนก็เป็นมิตร แถมอุตสาหรรมหนังอินเดียยังแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย ผมเป็นแฟนตัวจริงหนังอินเดียเลยนะเพราะผมเป็นขาแดนซ์คนนึงเหมือนกัน (หัวเราะ) ผมหมายถึงหนังอินเดียมีเสน่ห์แบบที่หนังชาติอื่นทำไม่ได้นะความอลังการ อารมณ์ขัน แถมมีนักแสดงยอดฝีมือหลายคน เช่น โซนู ซูด และ ทิชา พาตานี ที่มาร่วมแสดงกับผมในหนังเรื่องนี้ ผมเป็นตัวแทนของกังฟู ส่วนทั้งคู่เป็นตัวแทนของโยคะ ซึ่งโยคะนี่มันเหมาะกับคนวัยผมมาก (หัวเราะ)
แต่ถึงแม้จะชื่อเรื่องว่า Kung Fu Yoga แต่หนังเรื่องนี้จะพาคนดูไปผจญภัยทั่วโลก?
ใช่เลย เราถ่ายกันที่สุสานจิ๋นซี ที่ซีอานที่เป็นที่ทำงานของ แจ๊ค ตัวละครของผม เราถ่ายฉากถ้ำน้ำแข็งกันที่ไอซ์แลนด์ มันสวยมากจริง ๆ แต่ก็หนาวมากเหมือนกัน น้ำมูกยังเป็นน้ำแข็งเลย แต่ที่ผมชอบที่สุดน่าจะเป็นฉากซิ่งรถในดูไบ ไม่แค่รถสปอร์ตสุดหรูเท่านั้น แต่เพราะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่บนเบาะหลังเป็นสิงโต ในซีนนั้นสีหน้าของผมและสิงโตเปลี่ยนพร้อมกันเมื่อเรากลัวหรือกังวล ในหนังมีฉากสิงโตเมารถจนอาเจียนออกมาเพราะเมารถเลยล่ะ
มีภาพคุณอุ้มลูกเสือสามตัวตอนแถลงข่าวคุณดูไม่ค่อยกลัวเจ้าแมวยักษ์พวกนี้เลยนะ?
ก็นั่นมันยังตัวเล็กอยู่ไงล่ะ ผมเผชิญอันตรายมาเกือบทุกรูปแบบในชีวิตนักแสดง แต่พอเจอของจริงก็ยังใจเต้นแรงอยู่ได้ ในรูปนั้นมันแม้ว่าจะเป็นแค่ลูกเสือ อุ้งมือมันทรงพลังมาก ขย้ำผมจนเจ็บเลย
ในเรื่องนี้คุณต้องร่วมแสดง กับ อารีฟ ราห์มาน พระเอกลูกครึ่งที่กำลังมาแรงสุดๆ ในขณะนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?
เขาเก่งมากนะ เขาอนาคตไกลจริง ๆ เล่นบทแอคชั่นได้ ที่สำคัญเขาหล่อกว่าผม (หัวเราะ) ผมบอกเขาว่า "หนุ่ม ๆ อย่างคุณต้องทำงานหนัก!" วันแรกของการถ่ายทำ เขาไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันใด ๆ เลยต้องเจ็บตัวเพราะฝีมือสตั๊นแมนเลยต้องพูดกับเขาว่า "นายเจ๋งนะที่นายอยากจะเล่นเอง แต่อย่าโง่ไปหน่อยเลย ฉันก็เคยเป็นเหมือนนาย ดูซิต้องผ่าตัดไม่รู้กี่ครั้ง เขาไฟแรงจริง แต่ก็ต้องมองเพื่ออนาคตข้างหน้าด้วยนะ หนทางของเขายังอีกยาวไกล เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว สิบปีที่แล้วมันเป็นผมที่ต้องเกาะหลังคารถ ตอนนี้มันเป็นตาเขาแล้ว ผมพยายามช่วยเขาเหมือนกัน ตอนฉากที่อาริฟเกาะหลังคารถผมเป็นขนขับเอง ผมขับเข้าไปในเงาเขาจะได้ไม่ต้องเกาะกลางแดด"
เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 8 แล้วของคุณกับ สแตนลี่ ตง การทำงานกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง?
เขาเก่งมากเราผ่านอะไรกันมาเยอะ เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจ ผลงานร่วมกันของเราทั้งก่อนหน้านี้หลายเรื่องเคยทำลายสถิบ็อกซ์ออฟฟิศ แถมชนะรางวัลม้าทองคำของไต้หวันและรางวัลหนังฮ่องยอดเยี่ยม ผมหวังว่าใน Kung Fu Yoga จะประสบความสำเร็จแบบนั้นเช่นกัน สแตนลี่เป็นคนตลก เช่น ฉากไล่ล่าใน ดูไบ เราใช้รถหรูเกือบทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น บูกัตติ เวย์รอน แลมโบกินี่ เบนท์ลีย์ เฟอร์รารี่ แม้ว่าทีมนักแสดงจะเพลิดเพลินกับรถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ ที่ราคารวมเกือบ 30 ล้านเหรียญ สแตนลี่ กังวลว่าแค่ซีนนี้ซีนนี้ซีนเดียวจะกินงบหนังทั้งเรื่อง เขาเล่นมุกว่า แม้แต่ปิดกล้องไปแล้ว เมื่อไหร่ที่เขาได้ยินเสียงดังปัง เขาสติหลุดและคิดว่าเขาคงต้องเสียตังเป็นล้านเพราะเอารถไปชนอีกแล้ว (หัวเราะ)
ไม่นานมานี้คุณเพิ่งได้รางวัลออสการ์เกียรติยศ?
ผมอยู่ในวงการมา 56 ปี ได้รางวัลมาหลายสถาบัน แต่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ออสการ์ ได้รางวัลออสการ์เป็นยิ่งกว่าฝันของนักทำหนัง จริง ๆ แล้ว รางวัลหลายสถาบันไม่เคยถูกมอบให้กับนักแสดงแอ็คชั่น ผมเลยรู้สึกดีใจมาก ๆ มันเป็นการปลดปล่อยหลังจากที่ผมได้รับบาดเจ็บและผ่าตัดหลายครั้ง แต่คนที่ผมอยากจะกล่าวขอบคุณมากที่สุดคือแฟน ๆ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเสมอ ผมจะจำสิ่งที่แฟน ๆ พูดกับผมไว้ตลอดกาล ผมซึ้งใจที่พวกเขากระตุ้นให้ผมพัฒนาตัวเอง เพื่อเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
นอกจากการเป็นนักแสดงแล้วคุณยังเป็นเจ้าของทีมรถแข่งด้วย ขนาดงานแถลงข่าว Kung Fu Yoga ยังจัดที่สนามแข่งรถเลย?
ผมชอบความเร็ว การแข่งรถ กีฬาเอ็กซ์ตรีม และความท้าทาย ทุกอย่างนี้เคยอยู่ในหนังของผม เฉินหลง ตอนที่ผมได้อยู่หลังพวงมาลัยรถแข่งเป็นครั้งแรก ผมตกหลุมรักกีฬาชนิดนี้ทันที ดังนั้นเมื่อคนพูดถึงฉากขับรถไล่ล่าในหนังเขามันจะนึกถึงเรื่อง เร็วฟ้าผ่า, ใหญ่สั่งมาเกิด 2 :อินทรีย์ทะเลหลาย, วิ่งสู้ฟัด และ Rush Hour ผมเลยตั้งทีม DC Racing ขึ้นมาเพื่อทำตามฝัน ข้อแม้เดียว คือ รถแข่งทุกคันของทีม ต้องมีรูปธงชาติจีนแปะอยู่ที่ตัวรถ และคนขับที่พูดภาษาจีนได้ คนจีนได้ส่งออกภาพยนตร์ไปทั่วโลก แต่แทบจะไม่มีนักขับชาวจีนหรือทีมแข่งรถในระดับนานาชาติ ผมหวังว่าทีมของเราจะสร้างประวัติศาสตร์ ให้ธงจีนปลิวสไวที่เส้นชัย
คุณได้รับเลือกให้เป็นทูตขององค์กรยูนิเซฟมาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งคุณได้อุทิศตัวทำงานให้เด็ก ๆ ทั่วโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมางานนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ผมภูมิใจมากนะ ตำแหน่งนี้ไม่ได้มากันง่าย ๆ ผมทำงานเป็นทูตให้องค์กรนี้มาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งมันเปลี่ยนมุมมองโลกของผมไปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้ผมเห็นค่าของเยาวชนมากขึ้น เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือภัยสงคราม มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก ๆ บางครั้งเป็นเพราะพ่อแม่ บางครั้งเป็นเพราะละแวกบ้าน บางครั้งเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แค่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แค่นั้น แถมยังมีการค้าเด็กและการแสวงประโยชน์จากเด็กเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจ เพราะทำให้เด็กมีแผลเป็นติดตัวไปจนตายและเป็นการปล้นเอาความเป็นเด็กไป เด็กมิใช่สินค้าที่สามารถซื้อขายได้ เราต้องทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขจัดภัยร้ายที่ผิดกฎหมายนี้ให้หมดไปเพื่อประโยชน์แก่เด็กทุกคนในโลก
แล้วหน้าที่คุณคืออะไร?
ทุกอย่างที่ยูนิเซฟขอผมทำช่วยทุกอย่างที่สามารถทำได้ ไปเยี่ยมเด็กๆยังที่ทุรกันดาร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงระดมทุนช่วยเหลือ ผมและทูตคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม หรือ ออแลนโด้ บลูม เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ
สุดท้ายนี้คุณมีคำแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากเป็นแอ็คชั่นสตาร์แบบคุณไหม?
สิ่งแรกเลยคุณต้องรู้พื้นฐานการต่อสู้ และก็ไม่ใช่เพียงแค่สไตล์เดียว คุณต้องเรียนรู้การต่อสู้ในทุกสไตล์ คาราเต้ ยูโด มวยไทย กังฟู เทควันโด้ ทุกสิ่งทุกอย่าง และก็รวมถึงยิมนาสติกด้วย ไม่ใช่แค่เรียนรู้อย่างเดียว คุณจะต้องนำจุดเด่นของแต่ละสไตล์มาใช้ในการแสดงคิวบู๊ในหนัง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการแสดง เพราะทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้ในเรื่องการแสดงอยู่เลย และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการร้องเพลง เพราะไม่ใช่แอ็คชั่นสตาร์ทุกคนที่จะร้องเพลงได้ดีเหมือนผม (หัวเราะ)