หัวใจของ Passengers คือเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ที่มีความเป็นมนุษย์มาก ๆ แต่เรื่องราวนี้ก็เกิดขึ้นในอวกาศ ซึ่งทำให้ต้องมีการใช้วิชวล เอฟเฟ็กต์อย่างมาก สำหรับ อีริค นอร์ดบี้ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์และ เกร็ก แบ็กซ์เตอร์ ผู้ร่วมอำนวยการสร้างฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ มันทำให้ต้องใช้แนวทางการสร้างวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่กระจ่างชัด เป็นตัวส่งเสริม โดยที่ไม่แย่งจุดเด่น "มันเป็นเรื่องหาได้ยากกับหนังฟอร์มขนาดนี้ ที่วิชวล เอฟเฟ็กต์ทำหน้าที่เพียงแค่บทสมทบน่ะครับ" นอร์ดบี้กล่าว "ผมชื่นชมข้อเท็จจริงอันนี้ เพราะวิชวล เอฟเฟ็กต์จะมีประสิทธิภาพที่สุดในตอนที่มันสนับสนุนสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวมันเอง การเล่าเรื่องของ Passengers ทั้งอ่อนโยนและมีความเป็นมนุษย์ในทุกระดับและผมคิดว่าเราทำงานของเราได้ดีแล้วถ้าไม่มีตอนไหนเลยที่คุณจะรู้สึกทึ่งกับความอลังการตรงหน้าคุณน่ะครับ"
วิชวล เอฟเฟ็กต์ถูกแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ สองสามประเภท แน่นอนว่าประเภทแรกคือช็อตที่ใช้ CG ล้วน ซึ่งก็คือภายนอกของยานอวกาศ ช็อตที่บ่งบอกถึงสถานที่ในตอนเริ่มต้นเรื่องและช่วงเวลาสำคัญภายนอก แล้วก็มีงานกรีนสกรีน ซึ่งจะเป็นฉากแอ็กชันด้านนอกยานอวกาศ ถัดไปก็จะเป็นส่วนต่อขยายฉาก แม้ว่าแผนกศิลป์ของ กาย เฮนดริกซ์ ไดแอสจะสร้างฉากขนาดใหญ่ขึ้นมาหลายฉาก แต่ยานอวาลอนก็มีขนาดมหึมาเสียจนฉากขนาดใหญ่พวกนี้เช่นห้องจำศีลและห้องรับประทานอาหาร ต้องอาศัยการต่อขยายโดยคอมพิวเตอร์ของนอร์ดบี้ สุดท้ายก็จะมีตัวละคร CG ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือพวกหุ่นยนต์ที่ลอยไปมาทั่วยานอวกาศเพื่องานซ่อมบำรุง
หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของนอร์ดบี้คือการสร้างการเดินท่องอวกาศของจิมในช่วงท้ายเรื่อง "เราอยากให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความรู้สึกในแนวตั้งแบบที่เขารู้สึก เพื่อที่พวกเขาจะรู้สึกเหมือนอยู่ตรงนั้นกับเขาด้วยครับ" เขาอธิบาย
นอร์ดบี้มั่นใจว่านักวาดภาพจะสามารถสร้างพื้นที่เวิ้งว้างของอวกาศรอบตัวแพรทท์ขึ้นมาได้ โดยความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการสร้างเอฟเฟ็กต์ของแสงที่สะท้อนจากใบหน้าของแพรทท์ในตอนที่เขาล้มลุกคลุกคลาน "ความสว่างนั้นคือสิ่งที่เราต้องการและสิ่งที่เราโฟกัสไปที่มัน แสงอินเตอร์แอ็กทีฟในตอนที่มันทะลุผ่านหมวกเฮลเม็ทไปกระทบกับผิวหนังของคริสจะต้องให้ความรู้สึกสมจริงครับ"
ทีมงานได้คิดวิธีที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาได้ โดย แพรทท์ ที่สวมชุดนักบินอวกาศ จะเข้าไปข้างในกล่องที่มีการฉายแสงสามด้าน ซึ่งภายในจะมีแผงไฟแอลอีดีดวงเล็กๆ ที่ส่องสว่างเป็นพิเศษ แม้ว่ากล่องนั้นจะทำให้เกิดความรู้สึกมึนงงแต่แพรทท์ก็ยอมรับมันด้วยดี "มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดที่ได้เห็นคริสสวมชุดนักบินอวกาศในกล่องนั้น และต้องรับมือกับความท้าทายทางกายภาพทั้งหมดนี้" นอร์ดบี้กล่าว "ภายในหมวกเฮลเม็ทของเขาเป็นระบบไมโครโฟนสองทางเพื่อที่เขาและมอร์เทนจะสามารถคุยโต้ตอบกันได้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรนอกจากอีกฝ่าย มันแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทที่มอร์เทนและคริสมีให้กับหนังเรื่องนี้และสิ่งที่มันต้องมี และการที่มันจะเป็นหนังที่มีความส่วนตัวได้จริงๆถ้าคุณปล่อยให้มันเป็นน่ะครับ"
สำหรับแพรทท์ นอกจากกล่องแสงแล้ว ความท้าทายก็อยู่ที่ชุดนักบินอวกาศนั่นเอง ระหว่างการซ้อม มีการให้ความเห็นว่าแพรทท์ไม่ได้ดูเหมือนไร้น้ำหนักในชุดนั้นเลย "ผมบอกว่า ไม่ใช่เลย ผมมีน้ำหนักเยอะและชุดนี้ก็หนักประมาณ 70 ปอนด์ได้ แต่ชุดนี้ก็ดูดีครับ มันสวยมาก เป็นชุดที่ดีที่สุดใหนังเรื่องนี้เลยล่ะ"