Fantastic Beasts and Where to Find Them หนังที่แฟน ๆ เฝ้ารอมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2016 กำลังจะออกมาร่ายมนต์บนจอยักษ์ให้แฟน ๆ ได้ชมกันแล้ว แต่ก่อนที่จะได้พบโลกเวทมนตร์แห่งใหม่ของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)  ทางทีมงานหนังดีได้รวบรวมให้เพื่อนได้อ่าน ซึ่งมี 49 เรื่องราวมานำเสนอให้แฟน ๆ ได้ทำความรู้จักกับโลกเวทมนต์แห่งนี้คร่าว ๆ กันก่อน

1. ทีมโปรดิวเซอร์เคยวางแนวคิดเกี่ยวกับการนำ Fantastic Beasts and Where to Find Them มาสร้างเป็นหนังก่อนที่จะติดต่อไปหา เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)  แต่ไอเดียเกี่ยวกับ นิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander) ของพวกเขามันดูปลอมไปสักหน่อย และเมื่อพวกเขาไปชักจูง เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)   เข้ามาร่วมในโปรเจ็คนี้ พวกเขาก็ได้รู้ว่าเธอเองก็มีไอเดียที่จะทำมันอยู่แล้ว ซึ่งไอเดียนั้นมันก็ถูกนำมาใช้เติมเต็มหนังเรื่องนี้ให้สมบูรณ์

2. หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีหลากหลายอรรถรส มันไม่ใช่แค่โชว์มุมดาร์ก ๆ แต่มันยังมีความตลก มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก และเรื่องราวของการผจญภัยด้วย ทุก ๆ อย่างมันถูกผสมผสานอย่างลงตัวไว้ในหนังเรื่องนี้

3. แม้ Fantastic Beasts จะโฟกัสไปที่เรื่องราวของตัวละครที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้โชว์ให้เห็นด้านมืดไปมากกว่า Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2 เลย

 

4. เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) เป็นตัวเลือกแรกแต่ตัวเลือกเดียวของทางวอร์เนอร์เพื่อมารับบท นิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander)

5. เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) ต้องทดสอบบทกับนักแสดงคนอื่น ๆ มากมายที่มาทดสอบบทตัวเอกอีก 3 ตัวในหนังเรื่องนี้

6. นิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander) เป็นคนที่สบายใจเมื่อได้อยู่กับเหล่าสัตว์วิเศษมากกว่าต้องมาอยู่กับมนุษย์หรือพ่อมดแม่มดคนอื่น ๆ 

7. ทีมโปรดิวเซอร์ต้องการจะปูพื้นการออกแบบสัตว์วิเศษสำหรับหนังเรื่องนี้ให้พวกมันมีความรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริง

8. เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)  เพิ่มสัตว์วิเศษบางตัวที่ไม่ได้มีอยู่ในหนังสือ Fantastic Beasts เข้ามาเพื่อเพิ่มสีสันให้กับหนังเรื่องนี้

9. เราจะได้เห็นธีมหลาย ๆ อย่างจากหนัง Harry Potter มาปรากฏใน Fantastic Beasts ด้วย อย่างธีมของความเป็นคนแปลกหน้า การปฏิบัติตามกฎ และเรื่องของศีลธรรมที่ยังคลุมเครือบนโลก

 

10.  เดวิด เยทส์ (David Yates) ไม่มั่นใจว่าตัวเขาเองต้องการจะกลับมาสู่โลกเวทมนต์หลังจากใช้เวลากว่า 6 ปีไปกับหนัง Harry Potter อีกหรือไม่ แต่หลังจากได้อ่านสคริปท์แล้วเขาก็ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้เข้าอย่างจังจนปฏิเสธไม่ได้เลยล่ะ

11. เดวิด เยทส์ (David Yates) รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้สร้างหนังเรื่องนี้ให้โตขึ้นจากรากฐานของมัน ไม่ใช่การก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วเหมือนใน Harry Potter

12. เดวิด เยทส์ (David Yates) ถูกดึงดูดเข้ามาร่วมในโปรเจ็คนี้ด้วยความธรรมดา ๆ ความคลาสสิค แล้วก็ความงดงามตามแนวทางที่มันเป็น ในขณะเดียวกันมันก็ยังมีมุมมองของเรื่องราวในยุค 1920 ที่น่าหลงใหลผสมอยู่ด้วย

13. เดวิด เยทส์ (David Yates) ชอบที่ได้เดินกล้องยาวต่อเนื่องนานเป็น 10 นาทีโดยไม่เบรค เพื่อคิดทบทวนเกี่ยวกับฉากเหล่านั้นว่ามันหลุดไปจากความตั้งใจเดิมหรือไม่ 

14. เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) ยอมรับว่ากดดันที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟน ๆ Harry Potter 

15. เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) เป็นคนช่วยเลือกไม้กายสิทธิ์ที่เหมาะกับ นิวท์ (Newt)

16. เหล่านักแสดงทุกคนต้องฝึกซ้อมการใช้ไม้กายสิทธิ์ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ด้วย

17. เรื่องราวทั้งหมดในหนังเรื่องนี้มันเกิดขึ้นภายใน 2 วัน

18. เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) ได้เจอกับ เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling) ก่อนเริ่มถ่ายทำเพียงไม่นาน มันทำให้เขาตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก แถมยังได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ นิวท์ (Newt) มากขึ้นด้วย

 

 

19. ก่อนที่ นิวท์ (Newt) จะไปเยือนนครนิวยอร์กเป็นครั้งแรก เขาต้องฝึกจับเหล่าสัตว์วิเศษมานานแรมปีเลยทีเดียว

20. พวกเขาใช้เทคนิคหลาย ๆ อย่างในการสร้างสรรค์เหล่าสัตว์วิเศษขึ้นมาร่วมผจญภัยไปกับ เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) และในฐานะที่มันเป็นส่วนสำคัญของหนัง พวกเขาจึงมีวิธีเลี้ยงดูฝึกซ้อมกับสัตว์แต่ละตัวแตกต่างกันไป อย่าง โบว์ทรัคเกิล (Bowtruckle)  เจ้ากิ่งไม้ตัวจิ๋ว ตอนฝึกซ้อมพวกเขาก็จำลองมันขึ้นมาจากกิ่งไม้กับเส้นลวดโดยมีคนคอยเชิดมันอยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย แต่ เรดเมย์น  (Redmayne) จะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันต้องรู้สึกอย่างไรเมื่อมีตัวละครตัวนั้นมาเกาะอยู่บนไหล่ของเขา

21. เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) ยอมรับว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ Harry Potter เลย และเมื่อรู้ว่าเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Fantastic Beasts เขาถึงกับนั่งคุกเข่ากลางนครนิวยอร์ก ก่อนจะเริ่มตะโกนดังลั่นไปทั่ว 

22. สภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MACUSA) มีประธานสภาเป็นผู้หญิงนามว่า เซราฟีน่า พิกเคอรี  (Seraphina Picquery) แถมสังคมในโลกเวทมนต์ยุค 20 มันก็ไม่ได้ดูเหมือนจะถูกแบ่งแยกอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันหรือเพศเหมือนอย่างที่สังคมของพวกมักเกิ้ลเป็น 

23. โคลิน ฟาร์เรล (Colin Farrell) รับบทเป็น เกรฟส์ (Graves)  ผู้อำนวยการลึกลับแห่งสภาเวทมนตร์มาคูซ่าสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MACUSA) และเป็นเหมือนมือขวาของประธาน พิกเคอรี  (Picquery) 

 

 
24. เกรฟส์ (Graves) เป็นคนที่ได้รับหน้าที่ให้สืบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นในนครนิวยอร์ก และเขาก็เข้ากันได้ดีกับ ทีซีอุส (Theseus) พี่ชายของ นิวท์ (Newt)  ที่เป็นมือปราบมารที่มีอำนาจมากคนหนึ่งแห่งอังกฤษ  

25. หนังเรื่องนี้ต้องใช้เอ็กซ์ตร้ามากถึง 11,000 คนเพื่อปลุกถนนในนครนิวยอร์กยุค 1920 ที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านให้มีชีวิตขึ้นมา

26.สภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MACUSA) ปฏิบัติงานร่วมกับเทคโนโลยีการควบคุมเวลา คล้าย ๆ กับหลอดสูญญากาศในระบบส่งเมลล์ แต่มันจะเป็นไปตามหนทางของโลกเวทมนต์

27. ฉากสำคัญส่วนใหญ่ของหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ลีฟส์เดนสตูดิโอ นอกกรุงลอนดอน มีเพียงแค่ 3 ฉากเท่านั้นที่ไปถ่ายทำที่เมืองลิเวอร์พูล

 

28.  ไม้กายสิทธิ์ของ นิวท์ (Newt)  เป็นงานฝีมือที่ทำมาจากเปลือกหอย

29. พวกเขาสร้างฉากนครนิวยอร์กอันยิ่งใหญ่ไว้ภายนอกลีฟส์เดนสตูดิโอ อย่างร้านค้าต่าง ๆ พวกเขาก็สร้างมันขึ้นมาจริง ๆ คุณสามารถเดินเข้าไปในร้านนั้นได้จริง รวมไปถึงรถราง แล้วก็ท่อระบายน้ำที่ใช้ปล่อยไอน้ำขึ้นมาด้วย 

30. เจค็อบ โควัลสกี (Jacob Kowalski) อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกตอนใต้ของนครนิวยอร์ก ในขณะที่ ทีน่า (Tina) กับ ควีนนี่ (Queenie) นั้นอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างด้วยหินสีน้ำตาลแดง  

31. เจค็อบ โควัลสกี (Jacob Kowalski)  เพิ่งกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ดังนั้นเขาก็เลยค่อนข้างรู้สึกวิตกกังวลนิดหน่อยต่อพวกสัตว์วิเศษที่มันบินไปรอบ ๆ ตัวของเขา

32. แดน ฟ๊อกเลอร์ (Dan Fogler) มองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร เจค็อบ (Jacob) กับ นิวท์ (Newt)  ผ่านเรื่องราวดั้งเดิมของโฮล์มส์กับวัตสัน

 

 

33. เจค็อบ (Jacob)  เริ่มก้าวเข้ามาสู่การผจญภัยครั้งนี้ตอนที่เขาโดนสัตว์วิเศษตัวหนึ่งของ นิวท์ (Newt)  กัดเข้าที่คอ

34. เจค็อบ (Jacob)  ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับ เดมิไกส์ (Demiguise) สัตว์วิเศษของ นิวท์ (Newt) ซึ่ง เดมิไกส์ (Demiguise)  เป็นสัตว์ที่จับตัวได้ยาก เพราะมันไม่ค่อยเชื่อใจใคร แถมมันยังสามารถมองเห็นอนาคตได้ด้วย

35. เจค็อบ (Jacob)  ตกหลุมรัก ควีนนี่ (Queenie) ทันทีที่พบกัน

36. สองพี่น้อง ทีน่า (Tina) และ ควีนนี่ (Queenie) ต้องดูแลซึ่งกันและกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะพ่อแม่ของพวกเธอเสียชีวิตไปหมดแล้ว

37. ทั้งก็อบลินและเอลฟ์ก็มาปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้ด้วย

38. มีสัตว์วิเศษจำนวนมากมาปรากฏตัวในหนัง Fantastic Beasts อาทิ Billywig (บิลลี่วิก) ,Doxy (โดซี่),Diricawl (ดิริคอว์ล), Demiguise (เดมิไกส์),Erumpent (อีรัมเพนท์),Fwooper (ฟวูปเปอร์), Graphorn (แกรปฮอร์น),Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส),Kappa (กัปปะ),Lethifold (เลธิโฟลด์),Mooncalf (มูนคาล์ฟ) ,Murtlap (เมิร์ตแลป), Nundu (นันดุ),Niffler (นิฟเฟลอร์),Pickett (พิกเกตต์),Runespoor (รูนสพัวร์) และ Thestral (เธสตรอล) 

39. ฉากถนนในนครนิวยอร์กมันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ และในหน้าหนังสือพิมพ์มันก็บันทึกไว้ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดือนธันวาคม ซึ่งนั่นหมายความว่าหนังเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว

40. แจ๊สคลับในหนังมีชื่อว่า The Blind Pig

 

 

41. โปรดักชั่นดีไซเนอร์  สจ๊วต เคร็ก (Stuart Craig) สร้างโลกเวทมนต์ขึ้นมาอีกครั้งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์กอทิก แต่ฉากนครนิวยอร์กมันจะให้ความรู้สึกร่วมสมัยกว่าหนัง Harry Potter ที่ผ่าน ๆ มา

42. เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)  เผยว่าสำนักงานใหญ่ของสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MACUSA) ส่วนหนึ่งอิงมาจากตึกวูลเวิร์ธในนครนิวยอร์ก 

43. ในหนังมีฉากที่จำลองเป็นสถานีรถไฟใต้ดินซิตี้ฮอลล์ปรากฏอยู่ด้วย

44. ในสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MACUSA) มีนาฬิกาขนาดยักษ์ไว้คอยเตือนภัย หรือลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งมันเหมือนเป็นเครื่องรางบอกเหตุในโลกเวทมนต์นั่นเอง

45. หนังเรื่องนี้ต้องใช้ทีมงานและช่างฝีมือถึง 350 คนเพื่อสร้างสรรค์ฉากให้มีชีวิตขึ้นมา

 

46. โลกเวทมนต์ในอเมริกามีคำศัพท์บางคำที่ใช้ต่างจากโลกเวทมนต์ในอังกฤษ เช่น ในหนัง Harry Potter จะเรียกคนธรรมดาที่ไม่มีเวทมนต์ว่ามักเกิ้ล แต่ใน Fantastic Beasts จะเรียกคนกลุ่มนี้ว่าโน-เมจ 

47. ดัมเบิลดอร์ (Dumbledore) ก็จะกลับมาปรากฏตัวในหนังแฟรนไชน์ชุดนี้ด้วย

48. หนังแฟรนไชน์ชุดนี้จะสร้างออกมาทั้งหมด 5 ภาค

49. ตอนนี้สคริปท์หนัง Fantastic Beasts ภาค 2 เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในภาคต่อเราจะได้เห็น นิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander) ออกไปผจญภัยอีกเมืองหนึ่งที่ไม่ใช่นครนิวยอร์ก 

ที่มา: Metro.co.uk/, Collider.com