อูทาดะ ฮิคารุ เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 1983 เป็นนักร้องแนวอาร์แอนด์บี และเจป็อป เป็นศิลปินสาวเชื้อสายญี่ปุ่น ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน ด้วยความสามารถของเธอ งานเพลงเกือบทั้งหมดเธอจะเขียนและเรียบเรียงทำนองด้วยตนเอง ผลงานของเธอจากเริ่มแรก ขายได้มากกว่า 40,000,000 ชุด แนวเพลงของเธอมักจะเป็นอาร์แอนด์บี แต่ปัจจุบันเพลงของเธอจะเป็นแนวป็อปมากขึ้นจากการปรับปรุงทำนองของเธอเอง ซิงเกิลชุดแรกของเธอที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ ซิงเกิล Automatic และ Time will Tell โดยเฉพาะ Automatic
ฮิคารุเกิดในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จากพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเพลงของญี่ปุ่น พ่อของเธอชื่ออูทาดะ เทรุซาเนะ ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอยู่ในเมืองนิวยอร์ก แม่ชื่ออาเบะ จุงโกะ อดีตเคยเป็นนักร้องชื่อดังคนหนึ่งปี 1970-1979 ชื่อในวงการของเธอคือฟูจิ เคโกะ ตาและยายเป็นนักร้องเพลงญี่ปุ่นโบราณ (โรเกียวกุ) และเพลงมินโย ร้องเพลงอยู่ทั่วฮกไกโดและโฮโตกุ อูทาดะมีผลงานการบันทึกเสียงกับแม่ครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ 12 ปี และวางจำหน่ายผลงานเพลงในชื่อ U3 (หมายความว่า อูทาดะหมายเลข 3) จนกระทั่ง 1996 เธอได้เริ่มทำงานเพลงเดี่ยวชื่อ "ไอว์บี สตรองเกอร์" ซึ่งเป็นผลงานเพลงแรกที่เธอได้แต่งเนื้อร้องขึ้นเอง โดยมีนามปากกาว่า Cubic U แต่ผลงานไม่ได้ถูกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด จนสร้างความไม่แน่ใจในการทำงานเพลงของเธอ แต่ในที่สุด Close to You ซิงเกิลเปิดตัวของเธอก็ได้วางจำหน่ายในปี 1997 และได้วางจำหน่ายอัลบั้มเปิดตัวอย่าง Precious ในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 1998 และวางจำหน่ายซ้ำอีกครั้งเมื่อ 31 มีนาคม 1999 โดยยอดวางจำหน่ายอยู่ที่ 702,060 แผ่น
อูทาดะย้ายกลับมาอยู่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในปลายปี 1998 โดยทำสัญญากับโตชิบา-อีเอ็มไอในการออกผลงานซิงเกิลและอัลบั้มทั้งหมด โดยการเข้ามาในวงการเพลงของเธอเพื่อเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงต่างจากนักร้องคนอื่นที่ต้องการเข้ามาในวงการเพื่อได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง ซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นแรกคือ Automatic และ Time will Tell ซึ่งมียอดวางจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านแผ่น และ Movin on Without You ก็มียอดวางจำหน่ายกว่า 1 ล้านแผ่น และอัลบั้ม First Love ซึ่งเป็นอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นแรกของเธอมียอดวางจำหน่ายสูงกว่า 7 ล้านแผ่นในญี่ปุ่นและ 3 ล้านแผ่นในต่างประเทศ ซิงเกิล First Love ที่วางจำหน่ายถัดมาจากตัวอัลบั้มเปิดตัว ทำให้เธอถูกบันทึกว่าเป็นสุดยอดศิลปินอันดับ 5 ของการจัดอันดับศิลปินที่ดีที่สุดในคริสตวรรษที่ 20 หลังจากนั้นอีก 2 ปีที่เธอหยุดการทำงานเบื้องหน้าเพื่อทำอัลบั้มใหม่ Distance อัลบั้มเพลงภาษาญี่ปุ่นลำดับที่ 2 วางจำหน่ายในปี 2001 มียอดวางจำหน่ายสูงถึง 3 ล้านแผ่นในสัปดาห์แรก ในอัลบั้มประกอบไปด้วยซิงเกิลที่ได้รับความนิยมอย่าง Addicted to You และ Wait & See ~Risk~, Time Limit และ Can You Keep a Secret อัลบั้ม Distance จึงกลายเป็นอัลบั้มที่ยอดวางจำหน่ายสูงที่สุดในปี 2001 รวม 4.43 ล้านแผ่น Addicted to You เป็นซิงเกิลที่ทำสถิติเป็นซิงเกิลจากศิลปินผู้หญิงที่มียอดวางจำหน่ายเกิน 1 ล้านแผ่นในสัปดาห์แรก Wait & See ~Risk~, Time Limit และ Can You Keep a Secret ถูกจัดอันดับจากโอริกอนให้เป็นซิงเกิลที่มียอดวางจำหน่ายสูงสุดอันดับ 6 และ 10 ตามการจัดลำดับซิงเกิลที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 - 24 เมษายน ค.ศ. 2006
อัลบั้มรวมซิงเกิลแรกของเธอที่ชื่อ Utada Hikaru Single Collection Vol.1 ออกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2004 นั้นกลายเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดของปี 2004 ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้เธอเป็นศิลปินเดี่ยวที่ทำรายได้และยอดขายเป็นอันดับที่ 1 สี่ครั้งในชาร์ประจำปี และยังเป็นอัลบั้มที่รวมผลงานอัลบัมแรกที่ทำยอดขายเป็นอันดับที่1 ในรอบหกปี และเป็นอัลบั้มรวมของศิลปินหญิงอัลบั้มแรกที่ติด 1 ในตลอดระยะเวลา26ปี แม้อัลบัมนี้จะประสบความสำเร็จแต่อัลบั้มนี้ได้รับการโปรโมทที่น้อยมาก และไม่มีเพลงหรือภาพใหม่เลย นอกจากนี้อัลบัมนี้ยังชาร์ตของ Oricon นานกว่าผลงานอื่น ๆ ของอูทาดะ นับจากวันที่ปล่อยผลงานออกมา (กว่า 2 ปี) อัลบั้มขายได้มากกว่า 2,575,000 หน่วยในประเทศญี่ปุ่นทำให้เป็น 34 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลในประเทศ เดือนต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายนเธอได้ออกผลงานที่ญี่ปุ่นในปีเดียวกัน (2004) ซึ่งมีชื่อว่า Dareka no Negai ga Kanau Koro ซึ่งขึ้นอันดับ 1 สำหรับซิงเกิลสองสัปดาห์ติดต่อกัน และขายได้ 365,000 แผ่นภายในสิ้นปีและยังเป็นเพลงธีมหลักสำหรับหนังฝีมือสามีเก่าของเธอเป็นผู้กำกับเรื่อง Casshern
ในช่วงกลางปี 2004 อูทาดะได้ย้ายกลับไปที่นิวยอร์กและเริ่มทำงานเพลงสากลและเซ็ญสัญญาภายใต้ค่าย Island Def Jam Music Group ในวันที่ 5 ตุลาคม 2004 เธอได้ออกอัลบั้มเปิดตัวครั้งแรกที่อเมริกาเป็นภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า "Exodus" ภายใต้ชื่อ "อูทาดะ" ภายใต้สังกัด Universal มันได้เปิดตัว 1 เดือนล่วงหน้า และวางแผงในวันที่ 9 กันยายนในประเทศญี่ปุ่นแถมพร้อมกับหนังสือเล่มพิเศษ ในการสัมภาษณ์ MTV, อูทาดะกล่าวว่า "ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องกังวลกับมัน จะเห็นได้ชัดว่า ฉันมองในจุดที่แตกต่างอนึ่งมันยากมากๆ ที่จะหาคนเอเชียที่ประสปผลสำเร็จในฝั่งอเมริกาตอนนี้" Exodus เป็นซิงเกิลที่สี่ติดต่อกันของอูทาดะ ที่ไปเปิดตัวที่ 1 จำนวนยอดขาย 500,000 ชุดในสัปดาห์แรก ถึงแม้ที่จัดความช่วยเหลือของ Timbaland ในการผลิตและร่วมแต่งเพลงบางเพลงในอัลบัมกับศิลปินชาวอเมริกัน แต่ก็ไม่ค่อยจะประสปผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยขายได้ 55,000 หน่วย โดยใช้ "Easy Breezy" เป็นซิงเกิลแรกที่ใช้ในการเปิดตัวในต้นเดือนสิงหาคมปี 2004, ทำอันดับสูงสุดได้ที่ 9 ของ Billboard Hot Dance / Club Airplay และตามด้วย "Devil Inside" ในเดือนและอีกสองสัปดาห์ต่อมา และอูทาดะก็ได้ขึ้นปกของนิตยสาร Interview magazine ฉบับในเดือนมิถุนายน ปี 2005
"Exodus '04" ถูกปล่อย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2005 พร้อมกับเวอร์ชั่น remixes จาก Scumfrog, ริชาร์ด Vission, JJ Flores และ Peter Bailey, ในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก 2 remixes คือ "You Make Me Want to Be a Man" จากอัลบั้ม Exodus'04 โดยใช้ชื่อว่า "You Make Me Want to Be a Man [Bloodshy & Avant Mix]" และ "You Make Me Want to Be a Man [Junior Jack Mix] โดยในปลายปี อูทาดะได้รับการโหวต "Number 1 Favorite Artist of 2004" โดยสำรวจความคิดเห็นผู้อ่าน Oricon ประจำปี
จากสี่ซิงเกิลในอัลบัมภาษาอังกฤษของเธอ "Exodus", "You Make Me Want to Be a Man" เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2005 "Devil Inside" กลายเป็นที่นิยมมาก ๆ ในสหรัฐอเมริกาและขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard Hot Dance / Club Airplay และปกของทั้งอัลบัม Exodus และซิงเกิล "You Make Me Want to Be a Man" ที่วางขายที่สหราชอาณาจักรก็ได้มีการทำปกให้แตกต่างจากที่ขายในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นรุ่นอีกด้วย
เนื่องจากพ่อและแม่ของเธอเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก่อนในอุตสาหกรรมเพลงญี่ปุ่น จึงเป็นแรงสนับสนุนหลักในเรื่องชีวิตและการงานของเธอเป็นอย่างมาก อูทาดะ ฮิคารุ ได้แต่งงานกับ คิริยะ คาซึอากิ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น ในวันที่ 6 กันยายน 2002 จากการสนับสนุนของพ่อและแม่ของเธอ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้หย่ากันในวันที่ 2 มีนาคม 2007 ในขณะที่พ่อและแม่ของเธอนั้นเคยแต่งงานและหย่ากันมาแล้วถึง 7 ครั้ง เธอจึงไม่รู้สึกถึงความพังทลายของชีวิตคู่มากเท่าใดนัก ซึ่งคิริยะได้กำกับมิวสิกวิดีโอของเธอหลายเพลงด้วย
หลังจากนั้นในเดือนกันยายน 2009 ได้มีข่าวจากสื่อบันเทิงในญี่ปุ่นว่าเธอได้คบกับศิลปินวาดภาพอายุ 35 ปี แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ออกมาประกาศว่าเธอได้เลิกกับแฟนคนใหม่แล้ว เนื่องจากเหตุผลเดิมคือ ไม่มีเวลาให้แก่กันและกัน