ลอร่า เดิร์น ได้พิสูจน์ถึงการเป็นหนึ่งในสุดยอดนักแสดงหญิงแห่งยุค โดยการแสดงให้เห็นว่าเธอมีการแสดงที่ลึกซึ้งและมีความหลากหลาย สร้างความประทับใจให้ผู้ชมและนักวิจารณ์จากการแสดงที่สร้างความตื่นเต้นและสมจริง เมื่อปี 2010 จากการฉลองภาพยนตร์และผลงานทางทีวีแห่งตำนานครอบครัวของเธอ เดิร์น แม่ของเธอ (ไดแอน แลดด์) และพ่อของเธอ (บรูซ เดิร์น) ได้รับรางวัล Family Star Ceremony ครั้งแรกในงาน Hollywood Walk of Fame
เดิร์นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy® Award ปี 2013 สาขานักแสดงนำหญิงที่โดดเด่นในซีรี่ส์คอมเมดี้ จากการแสดงของเธอในซีรี่ส์ต้นฉบับของ HBO ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ Enlightened ฤดูกาลที่ 2 เดิร์นได้รับรางวัล Golden Globe Award ปี 2012 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากทีวีซีรี่ส์, คอมเมดี้ จากการแสดงของเธอในฤดูกาลที่ 1 และซีรี่ส์ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Globe ปี 2012 สาขาผลงานคอมเมดี้ทางทีวียอดเยี่ยม นอกจากการแสดงในซีรี่ส์แล้ว เดิร์นยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารและผู้ร่วมผลิตคู่กับนักเขียนฯ และผู้กำกับฯ ที่มีผลงานมากมายอย่างไมค์ ไวท์ ในผลงานดาร์คคอมเมดี้ 30 นาที เดิร์นรับบท เอมี่ เจลลิโค ที่ผู้ชมรู้จักเธอระหว่างที่เธอประสบปัญหาทางจิตใจในการทำงาน ซึ่งทำให้เธอต้องหาวิธีรักษา จนทำให้เธออาการดีขึ้น และพร้อมจะสร้างสันติกับแม่ของเธอ สามีเก่า อดีตพนักงาน และได้พบกับ ปีศาจ ของเธอกับทัศนคติใหม่ของเธอ การแสดงของเธอเป็นการกลับมาร่วมงานกันระหว่างเธอกับ HBO ที่เธอแสดงเมื่อปี 2008 และได้รับรางวัล Emmy ของนักแสดงรวมในภาพยนตร์ เรื่อง Recount ฤดูกาลที่ 1 ของ Enlightened
เมื่อเดือนกันยายน 2012 เดิร์นแสดงในเรื่อง The Master ภาพยนตร์ที่กำกับฯ โดย พอล โธมัส แอนเดอร์สัน นำแสดงโดย โจควิน ฟีนิกซ์, ฟิลลิป ซีย์มัวร์ ฮอฟแมน และเอมี่ อดัมส์ ซึ่งเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้มีปัญญาที่มีบุคลิกโดดเด่น ซึ่งองค์กรแห่งศรัทธาเหล่านี้ได้เริ่มเข้าไปที่อเมริกา และคนเร่ร่อนอายุน้อยที่กลายเป็นมือขวาของเขา
เมื่อปี 2010 เดิร์นรับบทสะเทือนอารมณ์ในภาพยนตร์อินดี้ เรื่อง Everything Must Go ร่วมกับวิล เฟอร์เรล และรีเบ็คก้า ฮอล เดิร์นรับบทเดลิลาห์ เพื่อนเก่าในไฮสูคลที่เชื่อมั่นในตัวละครของวิล เฟอร์เรลที่ชื่อว่า นิค เขามาด้วยหัวใจของเขาในทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมโดยไม่ได้นัดหมาย ภาพยนตร์กำกับฯ โดย แดน รัช เป็นครั้งแรกของเขาและสร้างขึ้นจากเรื่องสั้นของเรย์มอนด์ คาร์เวอร์ ภาพยนตร์ฉายครั้งแรกเมื่อปี 2010 ที่งาน Toronto Film Festival
ในปี 2010 เดิร์นแสดงในภาพยนตร์ของ Universal Pictures เรื่อง Little Fockers ภาคต่อจากเรื่อง Meet the Parents และ Meet the Fockers ภาพยนตร์นำแสดงโดยโรเบิร์ต เดอนีโร, เบ็น สติลเลอร์, ดัสติน ฮอฟแมน และบาร์บรา สเตรนแซนด์ ในภาพยนตร์เดิร์นรับบทพรูเดนซ์ ครูใหญ่ของโรงเรียนประถมที่ลูกของฟอคเกอร์เรียนอยู่
ในปี 2008 ภาพยนตร์ของ HBO เรื่อง Recount เป็นการ Revisited the Controversial 2000 Presidential Election ที่ฟลอริด้า เดิร์นแสดงคู่กับเควิน สเปซีย์, บ็อบ บาลาบาน, เอ็ด เบ็กลีย์ จูเนียร์, จอห์น เฮิร์ต, เดนิส เลียรี่, บรูซ แม็คกิล และทอม วิลคินสัน เหล่านักแสดงมารับบทสำคัญของหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ การแสดงของเธอในบท แคทเธอรีน แฮร์ริส ทำให้เดิร์นได้รับรางวัล Golden Globe ปี 2008 สาขาซีรี่ส์ยอดเยี่ยม, มินิซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อทางทีวี และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award และ Screen Actors Guild Award® ภาพยนตร์เขียนขึ้นโดย แดนนี่ สตรอง และกำกับฯ โดย เจย์ โรช
ในปี 2007 เดิร์นแสดงในเรื่อง Year of the Dog คู่กับมอลลี่ แชนนอน, ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด และ รีไจน่า คิง ภาพยนตร์เขียนฯ และกำกับฯ โดยไมค์ ไวท์
ในปี 2006 เดิร์นแสดงตัวละครที่มีความแตกต่างกัน 3 บทบาท ในภาพยนตร์ของเดวิด ลินช์ เรื่อง Inland Empire ภาพยนตร์มีการฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน Venice Film Festival และมีการฉายที่งาน New York Film Festival และ AFI Film Festival ที่งาน Independent Spirit Awards ปี 2007 Film Independent ได้มอบรางวัล Special Distinction Award ให้กับเดวิด ลินช์ และ ลอร่า เดิร์น สำหรับการร่วมงานกันของพวกเขาในหนังเรื่องนี้ รวมถึงเรื่อง Blue Velvet และ Wild at Heart ภาพยนตร์มีการถ่ายทำทั้งเรื่องด้วยวีดีโอดิจิตอล StudioCanal ได้ร่วมทุนในโปรเจ็กต์ร่วมกับลินช์และแมรี่ สวีนีย์ หุ้นส่วนที่ร่วมผลิตผลงานกันมาอย่างยาวนาน
ในปี 2005 เดิร์นแสดงผลงานที่กำกับฯ โดย ทอดด์ โรบินสัน เรื่อง Lonely Hearts สร้างขึ้นจากเรื่องจริงปี 1940 ของ 2 นักสืบฆาตกรที่สะกดรอยตามมือสังหารจอมโหดที่รู้จักกันในนาม Lonely Heart Killers ที่จะล่อเหยื่อผ่านโฆษณาส่วนตัวของพวกเขา เดิร์นรับบทเป็นนักสืบ มาร์ธ่า เบ็ค คู่กับจอห์น ทราโวลต้า
ในปี 2005 เดิร์นรับบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ดาร์คคอมเมดี้ กำกับฯ โดย ดอน รูส เรื่อง Happy Endings ที่ร่วมงานกับเหล่านักแสดง อาทิเช่น แม็คกี้ จิลเลนฮาล, ลิซ่า คูโดรว์, ทอม อาร์โนลด์, เจสัน ริตเตอร์ และบ็อบบี้ คานาเวล ภาพยนตร์มีการฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน Sundance Film Festival และเป็นภาพยนตร์ปิดงาน Los Angeles Film Festival
เดิร์นแสดงคู่กับจูเลียน มัวร์ และวูดดี้ แฮร์เรลสัน ในภาพยนตร์ปี 2005 ของ Dreamworks เรื่อง The Prize Winner of Defiance, Ohio กำกับฯ โดย เจน แอนเดอร์สัน ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของซิงเกิลมัมที่ต้องเลี้ยงลูก 10 คนโดยร่วมเข้าแข่งขันงานต่าง ๆ โดยหวังว่าจะเป็นผู้ชนะรางวัล
ในปี 2004 เดิร์นแสดงในผลงานที่มีทั้งความซับซ้อนและความขัดแย้ง เรื่อง Terry Linden คู่กับมาร์ค รัฟฟาโล ในภาพยนตร์เรื่อง We Don't Live Here Anymore ของ Warner Bros. Independent โดย Warner Bros. Independent ได้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์หลังจากที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์เมื่อปี 2004 ในงาน Sundance Film Festival กำกับฯ โดย จอห์น เคอร์แรน และสร้างขึ้นจากเรื่องสั้น 2 เรื่องโดย อังเดร ดูบัส II (In the Bedroom) ดราม่าเรื่องนี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการแต่งงาน 2 ครั้งที่ไม่ลงเอยด้วยดี การแสดงของเดิร์นได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม และได้รับคำชมจากวงการ รวมถึงเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับสภาพของเธออีกครั้งในการสวมบทบาทเป็นตัวละครที่เธอแสดง
เดิร์นแสดงในบทบาทหลากหลายในภาพยนตร์ที่ต่างกัน 3 แนวในปี 2001 เธอแสดงคู่กับฌอน เพ็นน์ และมิเชล ไฟเฟอร์ ในภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ของ New Line Cinema เรื่อง I Am Sam ในบทแฟนสาวซึ่งเป็นทันตแพทย์ที่น่าสงสัยของสตีฟ มาร์ติน ในภาพยนตร์ดาร์คคอมเมดี้ของ Artisan Entertainment เรื่อง Novocaine และแสดงคู่กับวิลเลียม เอช. มาซี่ ในเรื่อง Focus ของผู้กำกับฯ ครั้งแรก นีล สลาวิน ภาพยนตร์เรื่อง Focus มีการฉายในการแข่งขันที่งาน Toronto Film Festival เดิร์นมีการแสดงที่โดดเด่นในภาพยนตร์ของ Universal Pictures ปีนั้น เรื่อง Jurassic Park III ที่เธอกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฯ โจ จอห์นสตัน และนักแสดงชาย แซม นีล
สำหรับผลงานทางทีวี เมื่อปี 2001 เดิร์นถ่ายทอดการแสดงที่ชวนหลงใหลในภาพยนตร์ของ Showtime เรื่อง Damaged Care ที่เธอรับบท ดร.ลินดา พีโน่ ทนายและเป็นผู้เปิดเผยวิธีการดูแลของ HMO ที่มีตัวตนจริง เดิร์นยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฯ ในโปรเจ็กต์นี้ด้วย ในช่วงต้นปีนั้นเดิร์นแสดงในผลงานของ Lifetime Television เรื่อง Within These Walls คู่กับเอลเลน เบอร์สไตน์ เดิร์นยังแสดงในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้แหวกแนวของ Showtime Television เรื่อง Daddy and Them ที่เขียนเรื่องและกำกับฯ โดย บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน
ในเดือนมกราคม 1999 Sundance Institute ได้มอบรางวัล Piper Heidseick Award ให้เดิร์นในสาขา Independent Vision (เมื่อไม่นานนี้ Sundance Institute เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น Independent Vision Award ซึ่งตามรอยเท้าของผู้ที่ได้รับเกียรติคนก่อน ๆ เช่น นิโคลาส เคจ, ทิม ร็อบบินส์, เควิน สเปซีย์, เบเนซิโอ เดล โตโร และจูเลียน มัวร์ ในแต่ละปี Sundance Film Festival จะเป็นผู้อบรางวัลให้เพื่อแสดงการยอมรับในเสียงและวิสัยทัศน์เดิมของนักแสดงที่มีความรับผิดชอบต่อการสร้างคุณงามความดีด้านศิลปะและจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ
ในปี 1996 เดิร์นแสดงในภาพยนตร์แบล็คคอมเมดี้ของ Miramax Films ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ เรื่อง Citizen Ruth กำกับฯ โดย อลเกซานเดอร์ เพย์น ผู้กำกับหน้าใหม่ในตอนนั้น (หลังจากนั้นได้รับรางวัล Academy Award จากภาพยนตร์เรื่อง Election) เดิร์นแสดงเป็นสาววัยรุ่นไร้บ้านที่ติดกาว ตั้งท้องและกลายเป็นผู้เปิดเผยของกลุ่ม Pro-Life และ Abortion Rights ภาพยนตร์เรื่อง Citizen Ruth มีการฉายในงาน Montreal Film Festival ที่เดิร์นได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาท
ในปี 1993 เธอแสดงคู่กับแซม นีล และ เจฟ โกดล์บลัม ในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกและทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศ ผลงานของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เรื่อง Jurassic Park ผลงานภาคแรกจากไตรภาคเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ถูกโคลน หลังจากปีนั้นเธอแสดงคู่กับคลินต์ อีสต์วูด และ เควิน คอสต์เนอร์ ในภาพยนตร์ของ Warner Bros. เรื่อง A Perfect World ที่อีสต์วูดกำกับฯ
เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์มากสุดในปีนั้น ลอร่า เดิร์นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award และ Golden Globe ในปี 1992 จากการแสดงของเธอในบทโรส ในภาพยนตร์ชื่อดัง Rambling Rose กำกับฯ โดยมาร์ธา คูลิดจ์ และร่วมแสดงกับแม่ของเธอไดแอน แลดด์ จาเน็ต แมสลินแห่ง The New York Times ได้ยืนยันอย่างห้าวหาญว่าเดิร์นน่ารักอย่างน่าประหลาด จากการแสดงบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปเพื่อพิสูจน์ตัวเองในฐานะสุดยอดนักแสดงตลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่แม่/ลูกสาวร่วมกันเข้าชิงรางวัล Academy Award ในโปรเจ็กต์เดียวกัน
ในปี 1985 เดิร์นได้รับรางวัล New Generation Award จาก Los Angeles Film Critics สำรหับการแสดงของเธอในเรื่องราวที่ทันสมัย เรื่อง Smooth Talk และ Mask เธอแสดงในภาพยนตร์ 2 เรื่องของผู้กำกับฯ เดวิด ลินช์ ได้แก่ Blue Velvet เมื่อปี 1986 และ Wild at Heart ได้รับรางวัล Palme d' Or ที่งาน Cannes Film Festival ปี 1990 ซึ่งเธอร่วมแสดงกับนิโคลาส เคจ ผลงานเรื่องอื่นที่มีชื่อเสียงของเดิร์น ได้แก่ ภาพนตร์ของโรเบิร์ต อัลต์แมน เรื่อง Dr. T and the Women, October Sky, Mask, Fat Man and Little Boy, Haunted Summer, Teachers, Foxes และ Ladies and Gentleman, The Fabulous Stains
เดิร์นกำกับฯ เป็นครั้งแรกในเรื่องสั้นอย่าง The Gift ที่ออกอากาศเป็นส่วนหนึ่งของซีรี่ส์ Directed By โดย Showtime ในเดือนตุลาคม 1994 นักแสดงในเรื่อง ได้แก่ แมรี่ สตีนเบอร์เกน, บอนนี่ เบเดเลีย, อิซาเบล รอสเซลลินี่, แมรี่ เคย์ เพลซ, ปีเตอร์ ฮอร์ตัน และไดแอน แลดด์ แม่ของเธอเอง
ในปี 1997 เดิร์นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award และได้รับรางวัล American Comedy Award จากการเป็นแขกรับเชิญในผลงานคอมเมดี้ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เรื่อง Puppy Episode ของ ABC, Ellen. เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Globe ปี 1998 จากบทบาทของเธอในภาพยนตร์ของเจน แอนเดอร์สัน เรื่อง The Baby Dance อำนวยการสร้างฯ โดย Egg Productions ของโจดี้ ฟอสเตอร์ให้กับ Showtime ภาพยนตร์เรื่อง The Baby Dance ยังได้รับรางวัล Peabody Awards ปี 1998 ถึงสองรางวัล
เดิร์นได้รับรางวัล Golden Globe Award สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รวมถึงเข้าชิงรางวัล Emmy และ Cable ACE จากการแสดงในภาพยนตร์ทางทีวีปี 1992 เรื่อง Afterburn ผลงานเรื่องอื่นทางทีวี ได้แก่ ซีรี่ส์นัวร์ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ทาง Showtime เรื่อง Fallen Angels ซึ่งเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy และภาพยนตร์ต้นฉบับของ Showtime เรื่อง Down Came a Blackbird ที่เธออำนวยการสร้างฯ คู่กับวาเนสซ่า เรดเกรฟ และรอล จูเลีย
จากความซาบซึ้งและเคารพในพรสวรรค์ที่ครอบครัวเดิร์นได้นำมาสู่จอยักษ์และทางทีวี The Hollywood Entertainment Museum ได้มอบรางวัล Hollywood Legacy Award ให้บรูซ ไดแอน และลอร่า
เดิร์นอาศัยอยู่ที่ลอสแองเจลิสร่วมกับลูกของเธออีก 2 คน